กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 416
บทที่ 416
“ข้างล่างคือทะเลโลหิต หากอัครมเหสีตายที่นี่ แม้แต่โครงกระดูกก็ไม่มีใครค้นเจอ ต่อให้จักรพรรดิฉู่สงสัย เขาก็ไม่อาจเอาผิดพวกเราได้”
“สถานที่นี้มีทัศนียภาพที่กว้างไกลและทัศนียภาพด้านลบที่ยอดเยี่ยม เป็นสถานที่ฝังศพระดับสูงทีเดียว ข้าว่าก็ดีเหมือนกัน”
ผู้นำกองธงกล้วยไม้และผู้นำกองธงโบตั๋นเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องการฆ่าคนแต่พวกเขากลับพูดราวกับเป็นเรื่องปกติทั่วไป ราวกับในสายตาของพวกเขาก็เป็นเพียงการธรรมดาเหมือนการกินอาหารในทุกวัน
ภายในถังเหล็ก แม้ว่าเยี่ยเฟิงจะมองไม่เห็น แต่เขาก็ได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกัน เขาพยายามที่จะออกไป แต่กลับถูกเหล็กแหลมทิ่มแทงแน่น เมื่อขยับตัวเพียงนิดเดียวก็ทำให้เขาเจ็บปวดจนแทบทนไม่ได้ เลือดยิ่งไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
“หากเจ้ากล้าฆ่านาง ต่อให้ข้าตายไป วิญญาณของข้าก็จะติดตามหลอกหลอนและคอยสาปแช่งเจ้าไปตลอด” เยี่ยเฟิงพูดออกมาด้วยความโมโห
ดวงตาของผู้นำกองธงกล้วยไม้หรี่ลง
เยี่ยเฟิงคอยติดตามเขาตั้งแต่อายุได้ห้าขวบ ต่อให้จะคอยต่อต้านเขา เกลียดชังเขา แต่เขากลับไม่เสียงใช้น้ำเสียงที่เย็นชาเช่นนี้พูดกับเขาเลย
น้ำเสียงที่เย็นชาเช่นนี้ เหมือนกับระเบิดออกมาจากบ่อน้ำแข็งอายุนับพันปี และดูเหมือนว่าจะออกมาจากไขกระดูกของเขา
เดิมทีต้องการจะเก็บอัครมเหสีฉู่เอาไว้เพื่อต้องการทรมานเยี่ยเฟิง แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว อัครมเหสีฉู่จำเป็นต้องตาย
ผู้นำกองธงกล้วยไม้หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “ตัดแขนและขาของผู้หญิงคนนี้เสีย และโยนทิ้งไปในทะเลโลหิต ข้าต้องการให้นางตายอย่างไร้ร่างกาย”
“ขอรับ”
“หยุดก่อน หยุดก่อน อ่า……”
เยี่ยเฟิงพยายามผลักประตูโดยไม่สนใจความเจ็บปวดทรมานของตัวเอง แต่ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรงและได้รับบาดเจ็บเต็มตัว รวมไปถึงถังเหล็กที่หนักอึ้งราวกับกำแพงทองแดง เขาออกแรงทั้งหมดก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
ภายนอกถังเหล็ก ผู้ถือธงจำนวนหนึ่งถือมีดเดินเข้าไปใกล้อัครมเหสีฉู่
อัครมเหสีฉู่ตะโกนด่าอย่างอ่อนแรง “ทำความชั่วมาก ย่อมพิฆาตตัวเอง ต้องมีสักวันพวกเจ้าจะได้รับผลกรรมที่ทำลงไป”
มีดแล่เนื้อถูกยกขึ้น ผู้ถือธงกำลังจะตัดแขนตัดขาของพระองค์ กู้ชูหน่วนกำมือแน่น หากคนของเผ่าเพลิงฟ้ายังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นนางก็จะเป็นคนออกหน้าเข้าไปช่วยอัครมเหสีฉู่ด้วยตัวเอง
สิ่งที่โชคดีที่สุดก็คือ ในขณะที่มีดเขียงถูกเหวี่ยงลง แรงภายในอันทรงพลังก็พุ่งเข้าใส่ ไม่เพียงแต่ทำให้มีดแล่เนื้อล่องลอยออกไปเท่านั้น แม้แต่ผู้ถือธงเหล่านั้นก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บและล้มลงกับพื้น
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง กลับเห็นว่าผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้านำกำลังลูกศิษย์จำนวนมากเข้ามา และพวกเขาอยู่ในสถานะเผชิญหน้ากับจอมมาร
กู้ชูหน่วนถอนหายใจ
แค่นิดเดียวเท่านั้น
แค่นิดเดียวเท่านั้นจริงๆ อัครมเหสีฉู่เกือบจะต้องตายลงที่นี่เสียแล้ว
ฝูกวงสวมใส่ชุดของผู้ถือธงของเผ่าปีศาจและสวมหน้ากากหัวกะโหลก เขาเขย่งเท้าเล็กน้อยและกลับไปข้างกายของกู้ชูหน่วน
“เหตุใดถึงช้าเช่นนี้?” กู้ชูหน่วนถาม
“นายท่าน คนของเผ่าเพลิงฟ้ามีความระแวดระวังเหลือเกิน ข้าน้อยใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหลอกมาได้”
หัวใจของฝูกวงเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
นายท่านกลับนำระฆังวิญญาณสะบั้นไปดึงดูดคนของเผ่าเพลิงฟ้าและหลอกให้คนของเผ่าเพลิงฟ้าและผู้นำกองธงกล้วยไม้และคนอื่นๆ มาฆ่ากันเอง
หากการโกหกนี้ถูกจับได้ นายท่านไม่เพียงต้องสูญเสียระฆังวิญญาณสะบั้นและมีความเป็นไปได้มากว่าชีวิตของตัวเองก็จะไม่เหลือ
กู้ชูหน่วนอืมเบาๆ และหยิบเสื้อผ้าของผู้ถือธงของเผ่าปีศาจที่ฝูกวงส่งมาให้ จากนั้นสวมใส่ชุดนั้นเข้าไปและสวมหน้ากากหัวกะโหลก และหวังเพียงว่าอัครมเหสีฉู่และเยี่ยเฟิงจะยังอดทนต่อไปได้อีกนิดหนึ่ง
ครึ่งล่างของหุบเขา
ผู้นำกองธงกล้วยไม้กวาดสายตามองคนของเผ่าเพลิงฟ้าที่มาด้วยความโกรธจัดและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เผ่าปีศาจและเผ่าเพลิงฟ้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางต่อกัน เหตุใดพวกเจาจึงคิดอยากจะเปิดสงครามเพื่อแย่งชิงสมบัติอย่างนั้นหรือ?”
ต่อให้แย่งชิงสมบัติ เช่นนั้นจะเร็วเกินไปหรือไม่ และตอนนี้แม้แต่ปากหุบเขาน้ำเต้าก็ยังไม่ได้เข้าไป
เผ่าเพลิงฟ้ามีผู้อาวุโสทั้งหมดสองคน คนหนึ่งคือผู้อาวุโสจวินเหยียน อีกคนหนึ่งคือผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเยี่ย เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้พูดขึ้นก็รู้สึกโกรธแค้นมากกว่าเดิม