กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 456
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 456
งูยักษ์เก้าหัวนั้นช่างรวดเร็วยิ่งนัก ท่ามกลางการดำน้ำไม่กี่ครั้งก็มาถึงรอบบริเวณภูเขาลูกนั้นแล้ว
กู้ชูหน่วนยืนมองที่สูงโดยที่เห็นฉากนั้นที่จะไม่มีวันลืมในชีวิตนี้
ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
นั่นเป็นโศกนาฏกรรมเช่นไรของมนุษย์?
ชาวบ้านถูกขังอยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่ มือและเท้าของพวกเขาถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กขนาดเท่าปากชาม ปลายอีกด้านของโซ่เชื่อมอยู่กับก้อนหินขนาดใหญ่อย่างแน่นหนา ร่างกายที่ขดตัวอยู่ของพวกเขาแต่ละคนนั้นร้องคร่ำครวญอย่างทุกข์ทรมานโดยร้องออกมาด้วยเสียงอันดุดันอย่างเจ็บปวดทรมานแทบจะขาดใจ
ไม่รู้ว่าด้วยความเจ็บปวดอันมากเกินไปหรือเปล่า ผมเผ้าของชาวบ้านทั้งหลายยุ่งเหยิงไปหมด ดวงตาแดงก่ำพร้อมกับใบหน้าที่เดิมทีสงบราบเรียบนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นไอสังหารอย่างกระหายเลือดและเสียงคร่ำครวญอย่างทุกข์ทรมาน
พวกเขาต่อสู้ดิ้นรนอยู่ตลอดเวลาและไม่รู้ว่าไปเอาความแข็งแกร่งมาจากที่ใดโซ่เหล็กขนาดเท่าปากชามหนาก็ขาดออกจากการดิ้นรนต่อสู้ของพวกเขาเสียแล้ว
“พรวดพรวดพรวด……”
หลังจากที่โซ่ขาด พวกเขายังคงพุ่งชนกรงเหล็กด้วยเลือดเนื้อ กรงเหล็กนั้นแข็งและแข็งซะจนพวกเขาพุ่งชนจนเลือดนั้นไหลหยดออกมา แต่ก็ไร้ซึ่งความรู้สึกโดยที่คนทั้งคนราวกับว่าไม่รู้ตัว ในใจนั้นคิดเพียงแค่ต้องการจะพุ่งชนออกไปให้ได้
ยังมีบางคนถึงกับเอาหัวโขกพื้นโดยไม่รู้ว่าหน้าผากนั้นชนเสียจนเลือดสาด
“เร็วเข้า หยุดพวกเขาไว้”
ที่ไม่ไกลนักผู้อาวุโสหลายถูกผูกด้วยโซ่เหล็กเช่นเดียวกันและขังตัวเองไว้ในกรงเพียงลำพัง พวกเขาดูเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นกันราวกับว่ากำลังอดทนกับสิ่งใดอยู่ แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังไม่ได้ไร้ซึ่งความรู้สึกตัวไป
พระจันทร์ขึ้นสิบห้าค่ำนั้นทั้งกลมและสว่าง แต่ยิ่งมันกลมและสว่างมากเท่าใดชาวบ้านก็จะยิ่งทนทุกข์ทรมานมากขึ้นเท่านั้น
นอกกรงเหล็กคนต่างเผ่าสองสามคนใช้โซ่เหล็กเกี่ยวชาวบ้านไว้ในกรงขังโดยขังชาวบ้านที่ดึงโซ่ขาดกลับมาอีกครั้ง แต่ชาวบ้านดวงตาคู่แดงที่ไม่รู้ตัวเหล่านั้นแต่ละคนมีเรี่ยวแรงมากมายนัก พวกเขาสี่คนดึงคนหนึ่งคนก็ดึงไม่ไหวและกลับถูกโซ่เหล็กลากจนเปื้อนเลือดไปหมด ท้ายที่สุดก็ถูกกระแทกขึ้นไปกลางอากาศเลยโดยตรง
คนต่างเผ่ากล่าวอย่างกังวลว่า “ผู้อาวุโส มีคนกระชากโซ่เหล็กมากเกินไปกำลังคนของพวกเราไม่เพียงพอหยุดยั้งไม่ไหว”
“พรวดพรวดพรวด……”
ชาวบ้านจำนวนมากเนื่องจากทุกข์ทรมานจึงใช้ศีรษะของตนเองชนอย่างแรงจนเสียชีวิตอย่างอนาถตรงนั้นจนสมองได้ไหลออกมา น้ำตาไหลอยู่ในดวงตาของพวกเขาแต่ใบหน้าของพวกเขากลับแสดงรอยยิ้มอันหลุดพ้นออกมา
ก็เป็นเสียงกระแทกพรวดพรวดพรวดอีก
ชาวบ้านทั้งหลายที่บ้าคลั่งรีบรุดไปด้านหน้าและกระแทกประตูเหล็กทีละคนๆจนประตูเหล็กเขย่าไม่หยุด เป็นเช่นนี้ต่อไปประตูเหล็กอาจถูกพวกเขาเปิดออกได้
“หยุดไม่ได้ก็ต้องหยุด เร่งความเร็วเข้า”
“ขอรับ ผู้อาวุโส”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
เมื่อมองไปไม่ใช่ชาวบ้านหลายสิบคนที่เป็นเช่นนี้ภูเขาทั้งลูกนั้นเต็มไปด้วยชาวบ้านที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
ไม่……ไม่ใช่ทั้งภูเขาแต่เป็นภูเขาหลายแห่งที่เป็นเช่นนี้
ภูเขาแต่ละลูกมีผู้อาวุโสหลายคนนั่งบัญชาการเอง
แต่ชาวบ้านที่บ้าคลั่งจำนวนมากมาย ผู้อาวุโสเหล่านั้นเองก็ปวดใจนักแล้วจะทำให้พวกชาวบ้านเย็นสงบลงได้อย่างไร
นี่……หรือว่าเป็นคำสาปโลหิตหรือ?
นางเฝ้าดูอยู่ที่นี่มานานเท่าใดเองก็มีชาวบ้านหลายสิบคนทนความเจ็บปวดไม่ไหวและฆ่าตนเองให้ตายโดยที่ยังเป็นๆ
สักพักกลับเห็นบนยอดเขาลูกหนึ่งไม่ไกลนัก
เนื่องจากผู้อาวุโสสามรักษาอาการให้อี้เฉินเฟยโดยใช้พลังลมปราณไปมากทำให้ไม่สามารถควบคุมความทุกข์ทรมานของคำสาปโลหิตได้ และไม่รู้ตัวไปโดยตรง
วรยุทธ์ของผู้อาวุโสคนที่สามสูงส่งนัก ด้วยความพยายามเพียงครั้งเดียวโซ่เหล็กทั้งหมดในร่างกายก็ขาดเป็นเสี่ยงๆ
ทุบเข้าด้วยฝ่ามือประตูเหล็กอันแข็งก็ถูกเขาเปิดช่องว่างอันหนึ่งออก
“พรวด……”
“ไม่ได้การแล้ว ไม่ได้การแล้ว ผู้อาวุโสสามไม่รู้ตัวและทำลายประตูออกไปแล้ว”
“อะไรนะ……ผู้เฒ่าสาม เจ้ายืนหยัดหน่อยอย่าได้ถูกคำสาปโลหิตทำให้สูญเสียความเป็นตัวเอง” ผู้อาวุโสสี่ตะโกน เขาต้องการหยุดยั้งผู้อาวุโสสาม แต่เนื่องจากร่างกายของเขามีโซ่เหล็กล่ามอยู่มากเกินไปจึงดิ้นรนไม่หลุด
ทำได้เพียงใช้กำลังฝ่ามือหยุดเขาไว้เท่านั้น
แต่ผู้อาวุโสสามไม่รู้ตัวตั้งนานแล้ว คนทั้งคนตกอยู่ในอาการบ้าคลั่งในใจต้องการเพียงแค่สังหารคนและวรยุทธ์ก็พุ่งทะยานแล้วผู้อาวุโสสี่จะหยุดยั้งไว้ได้เช่นไร
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เร็วเข้า ไปทางนั้น”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตอบรับและรีบวิ่งพุ่งไปอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของมันเร็วทว่าความเร็วของผู้อาวุโสสามเร็วกว่า
ชาวบ้านต่างเผ่าถูกฝ่ามือของผู้อาวุโสสามไทีละคนๆระเบิดตายไปเลยโดยตรง
อีกฝ่ามือหนึ่งพุ่งเข้าไป ประตูเหล็กหลายบานที่ขังพวกชาวบ้านถูกเขากระแทกจนเปิดออก
เมื่อประตูเหล็กเปิดออกพวกชาวบ้านที่ถูกคำสาปโลหิตก็ต่อสู้กันราวกับถูกสารกระตุ้นและยิ่งใช้กำลังดิ้นรนมากยิ่งขึ้น
“เสียงโซ่ขาด……”
พวกชาวบ้านดึงโซ่เหล็กจนขาด แต่ละคนเสมือนปีศาจที่คลานออกมาจากขุมนรก เห็นคนเข้าก็ฆ่า เห็นกรงเข้าก็พุ่งชน
สถานการณ์ตรงนั้นไร้ซึ่งความควบคุมไปเลย
ภูเขาลูกนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นนรกบนดิน ทั่วทุกหนทุกแห่งเข่นฆ่ากันไปทั่ว
เมื่อผู้อาวุโสสี่เห็นเช่นนั้นดวงตาแทบจะแหลกสลาย เขาไม่สามารถสนใจสิ่งอื่นได้ ด้วยการกระแทกแบบเดียวกันก็หลุดพ้นจากพันธนาการบนร่างกายและทำให้ประตูเหล็กเปิดออกและคนนั้นก้าวกระโดดไปขวางผู้อาวุโสสามที่ได้ฆ่าคนมากมาย
“โครมคราม……”
ผู้อาวุโสทั้งสองต่างก็มีวรยุทธ์สูงส่ง ทุกครั้งที่ยกหมัดขึ้นก็มีเม็ดหินดินทรายด้วย
เดิมทีวรยุทธ์ของผู้อาวุโสสี่ไม่ได้ด้อยกว่าผู้อาวุโสสาม แต่หลังจากที่ผู้อาวุโสสามตกอยู่ภายใต้ความบ้าคลั่งวิทยายุทธ์ก็เพิ่มสูงขึ้น ผู้อาวุโสสี่ถูกคำสาปโลหิตครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่เข้าหาเขาไม่หยุด ด้านหนึ่งเขาต้องกดคำสาปโลหิตของตนเองเอาไว้ อีกด้านหนึ่งขัดขวางผู้อาวุโสสาม ภายใต้การกดของตนและใช้แรงต่อผู้อื่นผู้อาวุโสสี่ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องจนกระอักเลือดออกมา
“พรวด……”
ผู้อาวุโสสามไม่ย่อท้อฝ่ามือหนึ่งโหดเหี้ยมกว่าฝ่ามือหนึ่ง ฝ่ามือหนึ่งรวดเร็วกว่าฝ่ามือหนึ่งราวกับว่ามีเพียงสังหารผู้อาวุโสสี่เท่านั้นในใจของเขาจึงจะมีความยินดี
“ผู้เฒ่าสาม ข้าคือผู้เฒ่าสี่ เจ้ามีสติหน่อย ผู้เฒ่าสาม……พรวด…… ”
ผู้อาวุโสสามก็ซัดอีกฝ่ามือมา ม่านตาของผู้อาวุโสสี่หดตัวลงและต้องการที่จะต้านแต่ไม่สามารถต้านทานได้ ในใจจึงอดที่จะตกใจไม่ได้
ในยามคับขันเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ฟาดหางงูอันใหญ่ซึ่งเหวี่ยงผู้อาวุโสสามขว้างออกไป
“ปึง……”
ผู้อาวุโสสามไม่ได้สังเกตจึงล้มลงกับพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนยกมือขวาขึ้นอาวุธลับหลายสิบชิ้นพุ่งไปที่จุดอาการชาและจุดนอนหลับของเขา
เข็มทองไม่สามารถเจาะเข้าร่างกายของเขาได้ และถูกเด้งออกมาแทน
กู้ชูหน่วนกระโดดจากบนร่างงูและหยุดยั้งผู้อาวุโสสามที่กำลังฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้ความแตกต่างของความแข็งแกร่งกู้ชูหน่วนทำได้เพียงใช่ความนุ่มนวลเอาชนะความแข็งแกร่งและขวางผู้อาวุโสสามเอาไว้ในช่วงเวลาอันสั้น
“เร็วเข้า……บีบผู้อาวุโสสามและชาวบ้านที่ไม่รู้ตัวเข้าไปในประตูเหล็กดำ” ในฝูงชนไม่รู้ว่าผู้ใดตะโกนเสียงหนึ่งขึ้นมา
กู้ชูหน่วนกวาดตามองประตูเหล็กดำสองบานที่อยู่ไม่ไกลนักและนึกออกทันที นางล่อผู้อาวุโสสามให้ไล่ตามนางเพื่อตั้งใจบีบให้ผู้อาวุโสสามเข้าไปในประตูเหล็กดำ
“ปึง…..”
เป็นเวลานานผู้อาวุโสสามก็ไม่สามารถตีโดนกู้ชูหน่วนได้จึงโมโหอย่างบ้าคลั่ง พุ่งแต่ละกระบวนท่าเข้าใส่กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนถูกบังคับจนทำอะไรไม่ถูกจึงได้ถูกกระบวนท่าของเขาเข้า
เจ็บปวดทรมานเสียจนน้ำตาของนางแทบจะไหลออกมา นั่นคือหมัดที่ใดกันเห็นได้ชัดว่าเป็นกำแพงเหล็ก
กู้ชูหน่วนใช้กระบวนท่าหลอกล่อและในที่สุดก็ล่อผู้อาวุโสสามเข้าไปในประตูเหล็กดำได้ ด้วยความรวดเร็วของนางจึงรีบลงกลอนประตูเอาไว้
ภายในประตูเหล็กดำผู้อาวุโสสามและชาวบ้านสองสามคนคลุ้มคลั่งไม่เลือกหน้าโดยชนกระแทกเสียงดังแต่ก็ไม่สามารถชนประตูเหล็กให้เปิดออกได้
จัดการผู้อาวุโสสามได้แล้วแต่ชาวบ้านส่วนมากที่นี่ก็ได้พังประตูออกไปกันและฆ่าคนไปทั่วราวกับกับเครื่องจักรสังหาร
กู้ชูหน่วนกับเสี่ยวจิ่งเอ๋อร์และคนอื่นๆบังคับยับยั้งพวกเขาไม่หยุดหย่อน
แต่ประตูเหล็กดำมีเพียงสองบานเท่านั้นจะสามารถขังชาวบ้านจำนวนมากเช่นนั้นได้อย่างไร
แม้ว่าพวกเขาจะล่ามพวกเขาด้วยโซ่เหล็กอีก เหตุการณ์ก็ได้เสียหายไปหมดแล้ว
ที่นี่อยู่เหนือการควบคุม ภูเขาลูกอื่นๆก็เหนือควบคุมด้วย
ผู้อาวุโสสี่กล่าวอย่างกังวลว่า “ไม่ได้การแล้ว พวกเขากำลังไปที่ภูเขาเสวี่ยเฟิง ภูเขาเสวี่ยเฟิงเต็มไปด้วยชาวบ้านผู้หญิงอ่อนแอไร้กำลังเรี่ยวแรง เร็วเข้า ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ให้พวกเขาไปที่ภูเขาเสวี่ยเฟิงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเผ่าหยกจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นซะแล้ว”
“สี่……ผู้อาวุโสสี่ ภูเขาเหมยเฟิงอยู่เหนือการควบคุมเลวร้ายกว่าพวกเรา พวกเขา……พวกเขาได้บุกเข้าไปในภูเขาเสวี่ยเฟิงแล้ว”