กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 458
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 458
เป็นความเกลียดชังความแค้นแบบใดกันที่ทำให้เผ่าเพลิงฟ้าต้องวางยาพิษที่ชั่วร้ายอย่างยาพิษคำสาปโลหิตเช่นนี้
“อาหน่วน……ท่าน……ท่านจะต้องช่วยข้าเกลี้ยกล่อมท่านพี่หนิว ให้ท่านพี่หนิวดูแล……ดูแลลูกสาวของข้าให้ดี บอกเขาว่า……ข้า……ไม่โกรธเขา……”
“ตกลง” กู้ชูหน่วนตอบตกลงด้วยเสียงสะอื้น
กูชูหน่วนมองไปที่ท่านอาสะใภ้หนิวด้วยความสงสารและไร้หนทาง แววตาที่มองไปนั้นเศร้าหมอง จากนั้นมือทั้งสองข้างก็ตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรงและจากไปด้วยความไม่เต็มใจ
เสียงกรีดร้องที่บีบหัวใจยังคงดังก้องอยู่ในหู
กู้ชูหน่วนอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาและฉีกมุมเสื้อผ้าออกเล็กน้อยเพื่อนำมาคลุมใบหน้าของท่านอาสะใภ้หนิว
นางไม่มีเวลามากพอที่จะเสียใจ ที่นี่ยังมีคนอีกมากมายที่ยังรอความช่วยเหลือจากนาง
กู้ชูหน่วนอุ้มเด็กและอีกมือหนึ่งแล้วสั่งให้คนนอกเผ่าพาผู้หญิงและเด็กที่อยู่ในมือของนางเข้าไปในถ้ำ จากนั้นให้ส่งกำลังคนมาทำการร่ายเวทมนตร์เกราะม่านอาคมเหล็กนิลเพื่อปิดปากถ้ำเอาไว้และเพื่อป้องกันให้พวกเขาเข้าไป
ตลอดทั้งคืนที่กู้ชูหน่วนทำการขับพิษให้คนในหมู่บ้านที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิตคนแล้วคนเล่า และได้ช่วยชีวิตของผู้หญิงที่ทนทุกข์ทรมานเช่นเดียวกัน
ความแข็งแกร่งพละกำลังของนางแทบจะถูกใช้จนหมดและนางก็ถูกฟันด้วยมีดจำนวนไม่น้อย
แต่นางไม่รู้สึกตัวเลย นางทำการช่วยชีวิตและขับพิษให้กับคนในหมู่บ้านอย่างมุ่งมั่นคนแล้วคนเล่า ราวกับมีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นที่จะลดความเจ็บปวดของนางได้
ค่ำคืนถูกปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น
คืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่ไม่ธรรมดา
คืนนี้ยังถูกกำหนดให้เป็นคืนที่ผ่านไปอย่างยากลำบาก
เสียงกรีดร้องอันโหยหวน การคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด และเสียงคำรามของการสังหารอย่างบ้าคลั่งไม่ได้จบลงอย่างง่ายดายจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้น
พระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าและส่องแสงแจ่มแจ้ง
แต่ใจที่เศร้าหมองของพวกเขานั้นไม่อาจส่องแสงเปล่งประกายได้
ผู้ชายคนที่ฟื้นคืนสติได้คุกเข่าลงกับพื้น กอดร่างของคนที่รักเอาไว้และร้องไห้ด้วยความสำนึกผิด
ผู้หญิงทั้งหลายกระดูกหักและอ่อนแอล้มลงข้างผู้ชายที่ฆ่าตัวตายเพราะโทษตัวเอง หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว
นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านหลายคนที่มีสีหน้าโศกเศร้าแบกเปลหามเพื่อช่วยชีวิตผู้คน
กู้ชูหน่วนทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับคนในหมู่บ้านด้วยความเจ็บปวด ภายในใจของนางนั้นเยือกเย็นถึงขีดสุด
ในหูนั้นมีเสียงของอาหนิวกล่าวโทษตัวเองด้วยความคร่ำครวญดังกึกก้อง
“เมียข้า เมียของข้า เหตุใดเจ้าต้องจากข้าไปเช่นนี้ เจ้าตายไปแล้วข้าจะทำอย่างไร ลูกของเราจะทำอย่างไร”
“ข้ามันสารเลว ข้าฆ่าเมียของข้าเองได้อย่างไร ฮือ……สวรรค์ ทำไมท่านต้องทำกับข้าเช่นนี้ ท่านอยากให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอม แต่ทำไมท่านต้องเอาชีวิตภรรยาของข้าไปด้วย”
อาหนิวเอาหัวโขกกับพื้นอย่างรุนแรงและอดไม่ได้ที่จะทำให้ตัวเองตายไป
กู้ชูหน่วนเดินไปตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกและกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าตายได้ แต่เจ้าได้คิดหรือไม่ว่าหลังจากที่เจ้าตายไป ลูกสาวของเจ้าจะเติบโตได้อย่างไร? หรือเจ้าต้องการจะตายไปพร้อมกับลูกสาวของเจ้าด้วย?”
อาหนิวหยุดเอาหัวโขกพื้นลงทันที
เขากุมหัวใจของเขาด้วยความเจ็บปวด เจ็บปวดจนไม่อาจอธิบายออกมาได้
“อาสะใภ้หนิวอดทนเพื่อที่จะให้กำเนิดลูกสาวออกมา หากเจ้าตายไป เช่นนั้นเจ้าจะไม่รู้สึกผิดต่อเลือดของอาสะใภ้หนิวที่ไหลออกมาเลยหรือ”
แววตาของกู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวด นางย่อตัวลงและประคองอาหนิวขึ้นมา จากนั้นน้ำเสียงของนางก็นุ่มนวลขึ้น
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่นางเป็นห่วงเป็นกังวลมากที่สุดก่อนที่อาสะใภ้หนิวจะจากไปคืออะไร? คือเจ้า นางกลัวว่าเจ้าจะโทษตัวเองแล้วฆ่าตัวตาย นางให้ข้ามาบอกเจ้าว่า นางไม่โกรธเจ้าและขอร้องเพียงแค่ให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป เลี้ยงลูกให้เติบโตต่อไป”
ข้างๆ มีเสียงเด็กทารกดังขึ้น
อาหนิวรีบอุ้มลูกสาวของตัวเองขึ้นด้วยความตื่นตระหนก และค่อยๆ กล่อม เขากลัวว่าหากมีเสียงดังจะทำให้ลูกสาวของเขาตกใจได้
“มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดีเถอะ ไม่ว่าจะเพื่ออาสะใภ้หนิวหรือว่าเพื่อลูกสาว เจ้าก็ไม่ควรเอาแต่โทษตัวเอง หากเจ้ารู้สึกผิด เช่นนั้นก็เปลี่ยนความเสียใจให้กลายเป็นความรักแล้วส่งมอบต่อไปให้กับลูกสาวของเจ้า”
อาหนิวร้องไห้สะอึกสะอื้นและไม่มีทีท่าจะอยากตายอีกแล้ว
เขาพูดด้วยความสะอื้น “ข้ารู้แล้ว ขอบคุณมากท่านหัวหน้าเผ่า ข้าจะไม่ฆ่าตัวตายแล้ว ข้าจะเลี้ยงดูลูกสาวของข้าให้เติบโต ข้าจะบอกนางว่าแม่ของนางยิ่งใหญ่มากเพียงใด”
ดวงตาของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยประกายน้ำตาคลอ นางเบือนหน้าหนี เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นน้ำตาในดวงตาของนาง
เมื่อวานตอนเช้า อาหนิวยังออกไปล่าสัตว์เพื่อมาทำน้ำแกงไก่บำรุงร่างกายให้อาสะใภ้กินอยู่เลย ภาพความรักความอบอุ่นของพวกเขายังคงตราตรึงอยู่ตรงหน้า ตอนนี้ผ่านมาแค่เพียงหนึ่งคืนเท่านั้น แต่ต่างกันลิบลับ
ความเจ็บปวดเช่นนี้ หากไม่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเองก็คงไม่มีใครรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดภายในใจของอาหนิว
ไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสสูงและท่านผู้อาวุโสเจ็ดมายืนอยู่ข้างนางตั้งแต่เมื่อไร เขาพูดปลอบ
“ท่านหัวหน้าเผ่า ท่านไม่ได้พักผ่อนมาหนึ่งคืนแล้ว ไม่รีบกลับไปพักผ่อนสักหน่อยหรือ ธุระที่นี่ข้าได้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“มีเพียงไข่มุกมังกรเท่านั้นที่สามารถกำจัดคำสาปโลหิตได้ใช่หรือไม่?”
“เอ่อ……คือ……หัวหน้าเผ่า เรื่องการตามล่าเพื่อค้นหาไข่มุกมังกรนั้นปล่อยไปก่อนก็ได้ ตอนนี้คนของเผ่าหยกได้ออกไปหาเบาะแสของไข่มุกมังกรเม็ดที่หกและเม็ดที่เจ็ดแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานจะได้ทราบข่าวคราว”
“ใช่ ไข่มุกมังกรไม่ได้ตามหาได้ง่ายๆ รักษาร่างกายให้แข็งแรงสำคัญกว่า ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นหัวหน้าเผ่า แต่ไม่ว่าท่านหาไข่มุกมังกรเจอหรือไม่นั้น ไม่มีใครโทษท่านหรอก”
ผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสเจ็ดอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเป็นกังวลใจ และพวกเขาพูดอย่างเงอะงะเพื่อปลอบใจนาง
ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินเข้า ถึงแม้ว่าจะโศกเศร้าเพียงใด ก็พากันเข้ามาปลอบใจ
“หัวหน้าเผ่า พวกข้าชินแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตพวกข้าก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะถูกคนรักคนใกล้ชิดฆ่า หรืออาจเจ็บปวดจนตายทั้งเป็น พวกข้าไม่รีบเลยจริงๆ ท่านไม่ต้องรู้สึกผิดหรือเศร้าโศกเสียใจเพราะพวกข้าเลย”
“หัวหน้าเผ่า ท่านดูสิ คำสาปโลหิตก็ออกฤทธิ์และมีอาการกำเริบทุกวันที่สิบห้าของทุกเดือนเท่านั้นเอง โดยปกติแล้ว พวกข้าก็ใช้ชีวิตปกติดี ฉะนั้นมีเพียงวันที่สิบห้าเท่านั้นที่พวกเราต้องทนทุกข์ ไม่มีอะไรเลย ท่านอย่าได้เศร้าใจไปเลยดีหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนเอามือกุมปากของนางเอาไว้ และฝืนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
นัยน์ตาพร่ามัวสะท้อนแววตาที่ดูกังวล
นางหันหลังและวิ่งไปที่เรือนไม้ไผ่
ไม่ว่าความทรงจำของนางจะฟื้นกลับมาแล้วครึ่งหนึ่งหรือยังไม่ฟื้นกลับมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก
หากชาวบ้านในเผ่าหยกโทษนาง โกรธเกลียดนางก็ยังดี แต่ทุกคนในเผ่ากลับยอมทนกับความเจ็บปวด ความจากลา และแต่ละคนล้วนมาพูดปลอบใจนาง เพราะกลัวว่านางจะรู้สึกผิด
เมื่อเป็นเช่นนี้……
ไม่ได้เป็นการทำร้ายนางหรอกหรือ?
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก นางกลับลืมทุกอย่างและลืมภารกิจที่ต้องทำ
นางใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างสุขสบายและเป็นอิสระ
แต่ผู้คนในเผ่าของนางกลับต้องแบกรับความทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่
หากไม่ใช่เพราะการหันหลังกลับอย่างกะทันหัน นางก็คงไม่รู้ว่าบนโลกมนุษย์นี้ยังมีพิษคำสาปโลหิตที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่
บริเวณใกล้เคียงกับเรือนไม้ไผ่
ผู้อาวุโสสามยกฝ่ามือขึ้นและต้องการจะตบตัวเองให้ตายทั้งเป็น
ผู้อาวุโสสี่และผู้อาวุโสหกเข้ามาขัดขวางเขาเอาไว้
“หากเจ้าตายไป วันที่สิบห้าเดือนหน้าที่ชาวบ้านต้องกำเริบเพราะพิษคำสาปโลหิตอีก ใครจะเป็นคนหยุดพวกเขาไว้?”
“โทษข้าเอง โทษข้าทั้งหมด หากไม่ใช่เป็นเพราะข้าก็คงไม่มีชาวบ้านจำนวนมากแหกประตูเหล็กและฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง ข้าต่างหากที่เป็นฆาตกร ข้าไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะพิษคำสาปโลหิตของเจ้ากำเริบ ทุกคนต่างก็เข้าใจว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดขึ้น ข้าจะบอกอะไรให้นะเจ้าสาม เรื่องในเผ่าก็มีเยอะมากพอแล้ว เจ้าช่วยทำให้พวกข้าคลายความกังวลลงหน่อยได้หรือไม่”
“พวกเจ้าปล่อยข้าไป ให้ข้าตายเสียเถอะ”