กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 459
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 459
ผู้อาวุโสสี่เดินโซซัดโซเซออกมาอย่างอกสั่นขวัญหาย เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างไรความรู้สึก “คนที่สมควรตายที่สุดควรคือข้า เป็นข้าที่ควบคุมคำสาปโลหิตไว้ไม่ได้ ทำให้คนในเผ่าที่ผูกติดอยู่ที่ประตูเหล็กออกมาได้ทั้งหมด ข้าคือคนที่สมควรตาย”
ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสสี่พากันแสวงหาความตาย
ผู้อาวุโสสูงมาถึง เขามีสีหน้าโกรธจัดและขว้างไม้เท้าในมืออย่างแรง
“พวกเจ้าอยากตายก็ไปตายให้ไกลๆ ข้า ผู้คนของเผ่าหยกล้มตายไปมากมาย พวกเจ้าไม่ช่วยทุกคนในฐานะผู้อาวุโสก็ไม่สมควรแล้ว ยังคิดจะมาคิดฆ่าตัวตายที่นี่ด้วยรึ ถ้าทุกคนเป็นเหมือนพวกเจ้าหมด ใครจะคอยตามหาไข่มุกมังกร ท่านหัวหน้าเผ่าคนเดียวรึ!”
“ผู้อาวุโสสูง…”
ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ซึ่งมีผมเป็นสีขาวดอกเลาคุกเข่าลง หลั่งน้ำตาอย่างนึกตำหนิตนเอง
“หัวหน้าเผ่ายังอยู่ในหมู่บ้าน ถ้าหัวหน้าเผ่าเห็นพวกเจ้าในสภาพแบบนี้… เห็นพวกเจ้าเป็นเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะทำให้นางทุกข์ใจหรือ”
เมื่อเห็นความเศร้าเสียใจของผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ ผู้อาวุโสสูงจึงลดเสียงลง แม้ว่าในใจจะเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดด้วยมีดก็ตาม
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเจ็บปวดและเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยิ่งเป็นแบบนี้เราก็ยิ่งต้องร่วมใจกันตามหาไข่มุกมังกรให้เจอ ขอเพียงแค่ตามหาไข่มุกมังกรได้โดยเร็ว คำสาปโลหิตของเผ่าหยกก็จะถูกทำลาย ไม่เช่นนั้นคำสาปโลหิตของเผ่าหยกจะยังคงถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น พวกเจ้าต่างรู้ดีว่าผู้ที่ถูกคำสาปโลหิตต้องเจ็บปวดเพียงใด บรรพบุรุษของเราต้องตายอย่างอนาถเพราะคำสาปโลหิตนี้ไปมากมายแค่ไหน หรือพวกเจ้าต้องการให้ลูกหลานเผ่าหยกรุ่นหลังต้องลิ้มรสความทุกข์ทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่พวกเราพบเจอ”
คำพูดของผู้อาวุโสสูงดังกังวานและทรงพลัง ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่เช็ดน้ำตาและพยายามลุกขึ้นยืน
พวกเขาจะตายไม่ได้
ต่อให้ต้องตายก็ต้องหาไข่มุกมังกรให้ได้
ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านนับพันนับหมื่นคนของเผ่าหยก
ผู้ที่ตกอยู่ในคำสาปโลหิตจะถ่ายทอดคำสาปนี้ให้บุตรหลานรุ่นหลัง ถ้าแก้ไม่ได้ คำสาปนี้จะยังคงอยู่ไปอีกหลายยุคหลายสมัย
พวกเขาลิ้มรสความเจ็บปวดจากคำสาปโลหิตมาเกือบทั้งชีวิต แล้วพวกเขาจะเต็มใจปล่อยให้คนรุ่นหลังต้องมาทนรับความทุกข์ทรมานที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเช่นนี้ได้อย่างไร
“หัวหน้าเผ่าฝึกฝนวิทยายุทธอย่างหนักมาตั้งแต่เกิดเพื่อตามหาไข่มุกมังกร นางต้องแบกรับภาระที่หนักหนา พวกเจ้าจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับการหาไข่มุกมังกรขณะที่อยู่ต่อหน้าท่านหัวหน้าเผ่าไม่ได้เด็ดขาด รู้หรือไม่”
“ท่านผู้อาวุโสสูงวางใจเถิด พวกเรารู้ดี ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าไม่มีเวลาไหนที่หัวหน้าเผ่าไม่คิดจะตามหาไข่มุกมังกร พวกเราต้องทุกข์ทรมาน แต่ภาระที่นางแบกไว้นั้นหนักหนายิ่งกว่า”
“เอาละ ทุกคนแยกย้าย รีบดูแลทุกคนในเผ่าให้เรียบร้อย อย่าทำให้หัวหน้าผ่าต้องกังวลอีก”
“อื้ม”
“แล้วก็ ผู้เฒ่าสี่ ผู้เฒ่าห้า พวกเจ้าสองคนเตรียมเก็บของ อีกสองสามวันนี้ให้ออกไปจากเผ่าหยก ไปสืบหาร่องรอยของไข่มุกมังกร ไม่กี่ปีมานี้คำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์รุนแรงขึ้น พวกเราเผ่าหยกจะรออยู่เฉยๆ ไม่ได้ หากไม่รีบหาไข่มุกมังกรให้พบ เกรงว่าคงรักษาเผ่าทั้งเผ่าไว้ไม่ได้”
“รับทราบ”
ผู้อาวุโสสามเอ่ยอย่างลังเล “เช่นนั้นต้องบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าเผ่าหรือไม่”
ผู้อาวุโสสูงโกรธเกรี้ยวและอยากจะเอาไม้เท้าทุบเขาให้ตายเสียเดี๋ยวนี้
“เจ้าคิดว่าหัวหน้าเผ่ายังเหนื่อยและยังเจ็บปวดไม่มากพอรึ”
“ข้า… ข้าทราบแล้ว ผู้อาวุโสสูงวางใจได้ พวกเขาจะไม่บอกท่านหัวหน้าเผ่าเด็ดขาด”
“พวกเจ้ายังไม่รีบส่งคนออกไปตามหาท่านหัวหน้าเผ่าอีก อย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าเผ่าเด็ดขาด”
“ขอรับๆๆ”
กู้ชูหน่วนซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น นางได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดทั้งหมดและรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจอย่างห้ามไม่อยู่
ขณะนั้นเอง คนของเผ่าก็เข้ามาใกล้นางขึ้นทุกที
กู้ชูหน่วนจัดการกับความรู้สึกของตัวเองและลุกขึ้นยืน แสร้งทำเป็นตะโกนเรียกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ท่านผู้อาวุโสสูง พวกท่านอยู่นี่นี่เอง”
ผู้อาวุโสสูงและทุกคนชะงัก “ท่านหัวหน้าเผ่า เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่…”
นางได้ยินสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่นี้หรือไม่
“ข้าอยากจะไปเยี่ยมท่านพี่เฉินเฟย ก็เลยมาที่นี่ เหตุใดพวกท่านจึงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ล่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ”
“ไม่มี ไม่มีอะไร…”
“พวกท่านอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนพอดี พวกท่านพอจะสะดวกเข้าไปคุยกับข้าในเรือนหรือไม่”
“ท่านหัวหน้าเผ่าก็พูดเป็นเล่น ท่านเป็นถึงหัวหน้าของเผ่าหยก เพียงแค่ท่านออกคำสั่ง ใครจะกล้าปฏิเสธ”
ผู้อาวุโสสูงเชิญกู้ชูหน่วนเข้าไปในเรือนอย่างนอบน้อม
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ตามเข้าไปด้วย
ภายในห้องนั้น กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านผู้อาวุโสสูง ท่านจะช่วยข้าปลดผนึกหน่อยได้หรือไม่”
“ปลดผนึก?”
“ใช่” นางอยากฟื้นคืนวิทยายุทธ อยากจะหาไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดให้ได้โดยเร็วที่สุด เรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้
ผู้อาวุโสสูงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลยว่า “ไม่ได้”
“เพราะอะไร” กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ผู้อาวุโสหกชิงตอบอย่างรวดเร็ว “อาหน่วน… ไม่สิ ท่านหัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสสูงทำเช่นนี้ก็เพื่อท่าน หลังจากผ่านเรื่องเมื่อวานนี้มา คิดว่าท่านน่าจะรู้อะไรไม่มากก็น้อย พวกเราเผ่าหยกล้วนตกอยู่ในคำสาปโลหิต ผู้ชายที่ตกอยู่ในคำสาป ร่างกายจะค่อยๆ เน่าเปื่อยจากภายในสู่ภายนอก จนสุดท้ายก็ต้องตายด้วยความเจ็บปวด ท่านดูคนในเผ่าของเราสิ ยังอายุไม่ถึงสี่สิบ เส้นผมก็กลายเป็นสีขาวกันหมดแล้ว นั่นหมายความว่าร่างกายภายในถูกบั่นทอนไปมากแล้ว ที่พวกเราเหล่าผู้อาวุโสฝืนอยู่มาได้จนถึงตอนนี้เป็นเพราะพวกเรามีกำลังภายในที่ลึกซึ้งคอยค้ำจุนเอาไว้”
“ส่วนพวกผู้หญิง ทุกครั้งที่คำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์ กระดูกทั่วทั้งร่างจะแตกหักทีละชิ้น ต้องทรมานยิ่งกว่าตาย หากจะรอให้กระดูกงอกขึ้นใหม่ต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบวัน ท่านเองก็เป็นคนของเผ่าหยก ที่คำสาปโลหิตของท่านไม่สำแดงฤทธิ์ เป็นเพราะผู้อาวุโสสูงสุด*บางคนสงสารท่าน พวกเขาจึงช่วยท่านผนึกพลังของคำสาปโลหิตไว้ที่จุดตันเถียนโดยแลกด้วยชีวิต”
“ต่อมาพลังผนึกของผู้อาวุโสสูงสุดเริ่มอ่อนแรงลง ท่านจึงผนึกวรยุทธ์ของตนเอง หลังจากนั้นคำสาปโลหิตก็ไม่สำแดงฤทธิ์ขึ้นมาอีก หากท่านปลดผนึกตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเปิดเผยตัวตนของท่านในฐานะคนของเผ่าหยก แต่คำสาปโลหิตที่ควบคุมไว้อย่างยากลำบากก็จะระเบิดพลังออกมาด้วย”
กู้ชูหน่วนพอจะเข้าใจบ้างแล้ว
สาเหตุที่คนของเผ่าหยกเลือกให้หัวหน้าเผ่าของพวกเขาสูญเสียวรยุทธ์มากกว่าจะปลดผนึกของนาง ทั้งยังช่วยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผนึกของนางแข็งแกร่งขึ้น นั่นเป็นเพราะพวกเขากลัวว่าคำสาปโลหิตของนางจะสำแดงฤทธิ์
นางหัวเราะเยาะ “มันก็แค่คำสาปโลหิต คนในหมู่บ้านยังยืนหยัดได้ แล้วเหตุใดข้าจะทำไม่ได้ ในหนึ่งเดือนจะมีสิบวันที่วรยุทธ์สูงขึ้นจนถึงระดับเจ็ด เท่านี้ก็นับว่าคุ้มแล้ว”
คราวนี้ผู้อาวุโสสูงที่มักจะพูดจาดีอยู่เสมอไม่ยอมง่ายๆ และไม่ฟังแม้แต่คำพูดของหัวหน้าเผ่า
“ไม่ได้ จะปลดผนึกพลังของท่านไม่ได้ ท่านหัวหน้าเผ่า เรารับฟังทุกอย่างไม่ว่าท่านจะพูดอะไร แต่ยกเว้นเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น”
“ใช่ เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อผนึกคำสาปโลหิตไว้ที่จุดตันเถียน ถ้าปลดผนึกพลังของท่าน ผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านั้นจะพลีชีพโดยเปล่าประโยชน์”
ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะพูดอย่างไร ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็เอาแต่ปฏิเสธ
นางกำหมัดแน่น “ก็ได้ ในเมื่อพวกท่านไม่ช่วยข้าปลดผนึก เช่นนั้นข้าจะฝึกฝนใหม่เอง ก็แค่ระดับเจ็ดเท่านั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะบรรลุไม่ได้”
“ท่านหัวหน้าเผ่า…”
“เหตุใดเผ่าเพลิงฟ้าจึงสาปแช่งเผ่าหยกด้วยคำสาปโลหิตที่ชั่วร้ายเช่นนี้ เรื่องนี้พวกท่านคงบอกข้าได้ใช่หรือไม่”
เหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากันและไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน
## ผู้อาวุโสสูงสุด คือ ผู้อาวุโสไท่ซั่งทั้งหลาย ตัวอย่างเช่น ผู้อาวุโสหวงไท่ซั่ง ผู้อาวุโสเทียนไท่ซั่ง