กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 470
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 470
ปัง……
ทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง และมองดูตำราที่พวกเขาแย่งชิงกัน
ไม่นานกู้ชูหน่วนก็กลืนน้ำลาย และกล่าวด้วยความตกใจ “ท่านดูคู่มือหยินหยางของสามีภรรยาก็พอทน แต่นี่ท่านยังดูตำรากามสูตร อะไรกัน…… ท่านอ๋อง ดูไม่ออกเลยว่าท่านมีความนิยมชมชอบที่หนักหน่วง”
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกอยากตายขึ้นมาในทันทีทันใด
เขาสาบานได้
เขายังไม่ได้ดูตำรากามสูตรเล่มนี้เลยแม้แต่หน้าเดียว และตำรากามสูตรที่เขากับกู้ชูหน่วนแย่งกันจนเปิดออกนั้นก็เป็นหน้าแรกที่เขาเห็น
ทั้งหมดเป็นความผิดของซูมู่
ซูมู่กลัวว่าหลังจากที่เขาถูกกู้ชูหน่วนขืนใจไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาจะเลิกสนใจผู้หญิงทุกคน และกลัวว่าจะผิดเพี้ยนจนไม่รู้ว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง
ดังนั้นจึงให้ตำรากามสูตรแก่เขามาหนึ่งเล่ม
เมื่อเห็นภาพในตำรากามสูตร เขาก็อยากจะโยนมันทิ้งในทันที
บังเอิญว่ามีข่าวคราวของกู้ชูหน่วน เขาจึงรีบวิ่งไปหากู้ชูหน่วนด้วยความร้อนใจ และซุกตำรากามสูตรไว้ใต้หมอน
แต่เขาไม่คิดว่ากู้ชูหน่วนจะไปพลิกหมอนของเขาและเจอตำรากามสูตร
ทำไมโลกนี้ถึงมีเรื่องที่น่าอายเช่นนี้
เยี่ยจิ่งหานหน้าแดงและกล่าวด้วยน้ำที่เยือกเย็น “พูดจาไร้สาระอะไร ข้าจะดูสิ่งนี้ได้อย่างไร”
“ท่านไม่ได้ดู แล้วมันไปอยู่ที่หัวนอนท่านได้อย่างไร?เกรงว่าท่านคงจะแอบดูทุกคืนใช่หรือไม่ เป็นปกติที่ผู้ชายมักจะมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ วางใจได้ ข้าจะไม่ล้อเลียนท่าน”
ในขณะที่กู้ชูหน่วนพูด นางก็ออกแรงแย่งตำรากามสูตรไปและยังคงมองดูมันด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานมืดลง เขายกมือขึ้นและแย่งตำรากามสูตรกลับไปอีกครั้ง “เจ้าเป็นหญิง จะดูตำรากามสูตรได้อย่างไร ยังมีความละอายอยู่หรือไม่?”
“เฮ้ ห้ามผู้อื่นไม่ให้ทำ แต่ตนเองทำได้งั้นหรือ?ท่านดูได้ แล้วทำไมข้าจะดูไม่ได้”
กู้ชูหน่วนต้องการจะแย่งกลับไป
แต่เยี่ยจิ่งหานสูงเกินไป ตำรากามสูตรถูกเขาชูไว้สูงขึ้น กู้ชูหน่วนจึงไม่สามารถแย่งไปได้
เยี่ยจิ่งหานโกรธจัด กำลังภายในของเขาเคลื่อนไปที่ฝ่ามือและรวมตัวกันเป็นไฟ จากนั้นก็เผาไหม้ตำรากามสูตร
“พระชายาหานผู้สง่างาม เจ้าไร้ยางอาย แต่ข้ายังต้องละอาย”
“เยี่ยจิ่งหาน ท่านป่วยไปแล้วหรือ หากป่วยก็รีบไปรักษา สมองของท่านน่าจะมีปัญหา เพียงแค่ตำรากามสูตรเล่มหนึ่ง ท่านต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้เลยหรือ?”
ชิ่ว……
อากาศเย็นในห้องลดลงจนถึงจุดเยือกแข็งในทันที
ใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานเต็มไปด้วยไฟ ดูเหมือนว่าเขาจะอดทนจนถึงที่สุดแล้ว และพร้อมที่แผดเผาได้ทุกเมื่อ
กู้ชูหน่วนถอยหลังไปหลายก้าว นางปิดปากสนิท และไม่กล้าที่จะกระตุกหนวดเสือ
“เอาเถอะ ท่านดู ดูให้ดี ๆ และเรียนรู้ท่วงท่าเหล่านั้น ข้าไม่แย่งท่านแล้ว”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่เคยดูตำราประเภทนั้น” เยี่ยจิ่งหานกัดฟันและอธิบายอีกครั้ง
แต่เขารู้สึกว่าเขาไม่ต้องอธิบายก็ได้ เพราะหากอธิบายจะกลายเป็นว่าเขามีพิรุธ
“เจ้าค่ะ ๆ ๆ ท่านไม่เคยดูตำราประเภทนั้นเลย แต่ท่านอ๋อง ท่านจะอาบน้ำอีกรอบหรือไม่?ข้ายังได้กลิ่นกายของท่านอยู่เลย”
กู้ชูหน่วนไม่อยากจะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา จึงอยากจะไล่เขาไปอีกครั้ง
เยี่ยจิ่งหานดมกลิ่นกายของตัวเอง
ยังมีกลิ่นอยู่หรือ?
ทำไมเขาไม่ได้กลิ่น?
เขาอาบน้ำไปสามรอบแล้ว
หากอาบน้ำอีก ผิวก็คงจะหลุดลอกออกมา
“กู้ชูหน่วน เจ้ากำลังเล่นสนุกอะไรกับข้าอยู่หรือ?”
“ข้าจะกล้าหยอกล้อท่านได้อย่างไร ข้าเคารพท่าน เกรงกลัวท่าน และให้เกียรติท่าน ท่านจะอาบน้ำหรือไม่ก็ไม่เป็นไรข้าจะไปเทน้ำให้ท่าน”
“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ จะทำงานที่ตรากตรำเช่นนั้นได้อย่างไร”
“การได้ปรนนิบัติดูแลท่าน เป็นความโชคดีของข้า ท่านแก่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจ”
“ข้ายังไม่แก่”
กู้ชูหน่วนมองลงไปที่เสื้อคลุมอาบน้ำของเขาและจาม “ยากที่จะบอกว่าท่านแก่หรือไม่”
เส้นเลือดบนใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานปูดขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าสงสัยนัก เช่นนั้นก็มาลองดูกัน แล้วข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็น”
ในขณะที่พูด เยี่ยจิ่งหานก็โอบเอวของนางและวางนางลง
กู้ชูหน่วนพยายามดิ้น แต่ก็ดิ้นไม่หลุด นางจึงดึงชุดคลุมอาบน้ำของเขาออก
เมื่อชุดคลุมอาบน้ำหลุด ก็เผยให้เห็นรูปร่างที่บึกบึนและล่ำสันของเขา
ผิวสีเข้มของเขามีหยดน้ำหยดลงมาเล็กน้อย ช่างทำให้คนเคลิบเคลิ้ม
รูปร่างของเขาไม่มีพุง ยอดเยี่ยมเสียจนทำให้คนต้องอิจฉา
กู้ชูหน่วนกลืนน้ำลายและกล่าวตื่นตะลึงอย่าง “มีใครเคยบอกหรือไม่ว่ารูปร่างของท่านช่างไร้ที่ติ”
ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากจนจมูกเกือบจะแตะจมูก กู้ชูหน่วนพ่นลมหายใจใส่บนตัวเขา
เยี่ยจิ่งหานหายใจเร็วขึ้น รอยยิ้มที่งดงามของกู้ชูหน่วนสะท้อนอยู่ในแววตาของเขา รวมถึงการขมวดคิ้ว และทุกการเคลื่อนไหวของนาง
ทุกครั้งที่นางทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด เขาก็ฆ่านางไม่ลงทุกครั้ง
เมื่อได้ยินสิ่งที่กู้ชูหน่วนพูด ภาพที่เห็นในตำรากามสูตรเมื่อครู่ก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งอย่างน่าประหลาดใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกู้ชูหน่วนวาดวงกลมบนหน้าอกของเขา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังเล่นอยู่กับไฟ?”
เยี่ยจิ่งหานเตือนด้วยน้ำเสียงที่แตกพร่า
“ท่านอ๋อง ท่านชอบข้าหรือไม่?” กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างยั่วยวน นางยิ้มให้เขาอละกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่หาได้ยาก
เยี่ยจิ่งหานเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่ง
เขายังไม่จะทันตอบสนอง ตอนที่กู้ชูหน่วนกำลังคิดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ เขาก็วิงเวียน
เขารู้สึกว่าไม่ค่อยดี
หญิงผู้นี้วางยาเขา
“กู้ชูหน่วน เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก”
“หนึ่ง สอง สาม……”
เมื่อกู้ชูหน่วนนับถึงสาม และนั่นเอง……
เยี่ยจิ่งหานส่ายหัวสองสามครั้ง เขาฝืนต่อไปไม่ไหวและล้มลง
กู้ชูหน่วนผลักเขาออกไป นางปัดมือของตัวเองและเยาะเย้ย “พ่อหนุ่มน้อย เห็นว่าพี่หญิงเป็นลูกพลับนิ่ม ๆ งั้นหรือ เจ้าคิดอยากจะบีบก็บีบ แต่ไม่ดูเสียก่อนว่าพี่หญิงทำอะไร”
กู้ชูหน่วนลุกขึ้น นางจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ให้ดี และเริ่มค้นหาบนเตียง
ที่ปลายเตียงไม่มี และกู้ชูหน่วนกำลังจะไปหาที่หัวเตียง แต่นางเห็นเยี่ยจิ่งหานนั่งอยู่ตรงหน้านางด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น
“หา……”
กู้ชูหน่วนสะดุ้งตกใจ และโซเซจนเกือบจะล้มลง
“ท่านถูกวางยาจนสลบไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
เยี่ยจิ่งหานยิ้มอย่างเยือกเย็น “ข้าแช่ในถังยามาตั้งแต่ยังเด็ก พิษเล็กน้อยเช่นนี้ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
“ก็จริง ข้าลืมไปได้อย่างไร ร่างกายของท่านเต็มไปด้วยพิษ”
เยี่ยจิ่งหานไม่ตอบกลับ แต่ล้อเลียนนาง เขาเอามือกอดหน้าอกด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจ
กู้ชูหน่วนทำอะไรไม่ถูกนางจึงให้เหตุผลว่า “ท่านอ๋อง ข้าเห็นว่าท่านเหนื่อยมาก ข้าจึงตัดสินใจใส่ยาขับเหงื่อให้ท่าน ท่านจะได้หลับสบาย ท่านดูสิ ข้ากำลังช่วยจัดระเบียบปลายเตียงให้ท่าน?”
เหตุผลนี้ช่างไม่รอบคอบเอาเสียเลย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเยี่ยจิ่งหานเลย แม้แต่นางเองก็ไม่เชื่อ
เมื่อมองไปที่เยี่ยจิ่งหานอีกครั้ง เขาก็ยังคงมีท่าทีเหมือนเดิม
กู้ชูหน่วนถอนหายใจและร้องไห้ “ข้าจะบอกความจริงกับท่าน ระหว่างทางกลับ ข้าได้พบกับคนของเผ่าเพลิงฟ้า คนของเผ่าเพลิงฟ้าบอกว่านายน้อยของพวกเขาชอบข้า หากข้าไม่แต่งงานกับนายน้อยของพวกเขา ข้าไม่มีทางที่จะอยู่อย่างสงบสุข”
“และคนของเผ่าเพลิงฟ้ายังบอกให้ข้ามาหาของล้ำค่าในจวนอ๋องด้วย”
เยี่ยจิ่งหานคลับคล้ายคลับคลา
หญิงผู้นี้เต็มไปด้วยคำพูดที่โกหก ใครจะรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
“ท่านไม่เชื่อหรือ?พวกเขาทำให้ข้าต้องคำสาป เมื่อคำสาปสำแดงฤทธิ์ ข้าก็จะเจ็บปวดทรมาน หากจะพูดว่าตายไปเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ก็คงจะน้อยไป”
“ต้องคำสาป?” เยี่ยจิ่งหานใจเต้นแรง
“ใช่”
“คำสาปอะไร?”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคำสาปอะไร แต่ทุกเดือนจะหนึ่งวันที่คำสาปจะสำแดงฤทธิ์ และทุกตารางนิ้วของร่างกายก็จะถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ”
เยี่ยจิ่งหานหรี่ตาลง
“คำสาปโลหิต……”