กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 477
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 477
“พระเจ้า นี่มันเกินขอบเขตเกินความคาดหมายไปแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอก”
“เจ้าลองคิดดู เทพแห่งสงครามมีตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ข้างกายจะไม่มีคนที่คอยดูแลเลยหรือ นอกจากคุณหนูสาม กู้ชูหน่วนแล้ว เทพแห่งสงครามก็ไม่มีผู้คอยปรนนิบัติเรื่องบนเตียงเลย”
“เมื่อก่อนข้าก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่เลยตอนนี้ก็นับว่าเข้าใจดีแล้ว ที่แท้ท่านอ๋องก็ยอมรับและรสนิยมของเขาก็แตกต่างจากคนอื่น ก็ถูกที่เขาเป็นถึงเทพแห่งสงคราม การชอบผู้หญิงอัปลักษณ์ ทั้งอ้วนทั้งเตี้ย หากถูกเผยแพร่ออกไป เช่นนั้นก็คงอับอายขายหน้าแย่”
“พระเจ้าทรงโปรด ภาพลักษณ์ของเทพแห่งสงครามได้ถูกทำลายไปแล้วในใจของข้า”
“ไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะ ใครจะไปคิดว่าเขาจะเป็นคนเด็ดขาดและเลือดร้อนเช่นนั้นล่ะ ช่างเป็นเทพแห่งสงครามที่โหดเหี้ยมอำมหิตเหลือเกิน”
“เช่นนั้น ตอนนี้คุณหนูกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเป็นคนสวยแล้ว เทพแห่งสงครามไม่ชอบนางหรือ?”
“พูดถึงตรงนี้ ข้าก็เพิ่งได้ข่าวใหม่มาหนึ่งเรื่อง ท่านอ๋องของเราไม่ชอบพระชายาในตอนนี้ ฉะนั้นเขาจึงสร้างความลำบากใจให้พระชายาตลอดเวลา และแน่นอนว่าพระชายาของเราก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ ฉะนั้นพวกเขาเหมือนน้ำร้อนกับน้ำเย็น ทุกวันมักมีปัญหาวุ่นวายเกิดขึ้นไม่หยุด”
“พูดราวกับเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นล่ะ เจ้าไม่ใช่คนในจวนท่านอ๋องเสียหน่อย เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?”
“ข้าก็ไม่ใช่คนในจวนท่านอ๋องหรอก แต่ญาติของญาติของญาติข้าทำงานอยู่ในจวนท่านอ๋อง ข้าฟังมาจากที่พวกเขาพูดกัน”
“พระชายาช่างใจกล้าเหลือเกิน นางไม่กลัวท่านอ๋องฆ่าเลยหรือ?”
“กลัวน่ะสิ ฉะนั้นบางครั้งพระชายาก็แสร้งทำใบหน้าอัปลักษณ์ เมื่อนางแสร้งทำใบหน้าอัปลักษณ์ ท่านอ๋องก็จะฆ่านางไม่ลง อีกอย่างท่านอ๋องยังมอบทองคำจำนวนมากเพื่อให้คุณหนูกู้ทำใบหน้าอัปลักษณ์ทุกวันด้วย”
“ข่าวนี้ช่างน่าตกใจอย่างมาก ข้าต้องใช้เวลาทำใจเสียหน่อย ไม่ได้ๆ ข้ายังรับไม่ได้”
“อัยหยา เรื่องที่เจ้าควรกังวลตอนนี้ไม่ใช่ว่าเจ้ารับได้หรือไม่ได้ แต่เจ้ามีน้องสาวที่หน้าตาอัปลักษณ์ขี้เหร่หรือไม่ต่างหาก จากนั้นรีบไปรายงานตัวที่จวนท่านอ๋องเสีย ตอนนี้จวนท่านอ๋องกำลังรับหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์ยิ่งขี้เหร่ยิ่งอ้วนยิ่งเตี้ยยิ่งดีเลย หากถูกคัดเลือกละก็ ทั้งชีวิตนี้จะได้อยู่ดีมีสุขไปทั้งชาติ แถมยังได้เป็นญาติกับราชวงศ์จักรพรรดิอีกด้วย มีคนตั้งมากมายไปเข้าแถวที่หน้าจวนท่านอ๋องเพื่อรายงานน่ะ”
“อ๋า……จริงหรือ เป็นไปได้หรือ ข้ามีน้องสาวที่หน้าตาขี้เหร่อัปลักษณ์ไร้ที่เปรียบพอดีเลย และตอนนี้ก็ยังไม่ได้แต่งงานเลย เช่นนั้นข้าให้นางไปลองดูเสียหน่อยดีกว่า ไม่แน่อาจจะถูกคัดเลือกก็เป็นได้”
“ข้าก็มีพี่สาวคนหนึ่ง นางอ้วนมาก แม้แต่เดินก็แทบเดินไม่ตรง ไม่เช่นนั้น ข้าก็ให้นางไปลองดูด้วยดีกว่า”
ผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ขี้เหร่ อ้วนเตี้ยทุกคนในเมืองหลวงต่างพากันไปที่จวนท่านอ๋อง จนทำให้จวนท่านอ๋องชุลมุนวุ่นวายไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
ภายในห้องตำราในจวนหานอ๋อง
ใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานเคร่งขรึม สีหน้าที่กำลังระงับความโกรธของเขาสามารถปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
เจี้ยงเสวี่ยและชิงเฟิงยืนทำสีหน้าขมขื่นและยืนคอยปรนนิบัติด้วยอาการสั่นเกร็ง
“ปัง……”
ทันใดนั้น เยี่ยจิ่งหานก็พังทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะล้มลงระเนระนาดและกล่าวด้วยความโกรธ “ข้าบอกให้พวกเจ้าเผาทำลายภาพวาดทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ และจับคนที่วิพากษ์วิจารณ์มา เหตุใดภาพวาดนี้ยังถูกเผยแพร่ออกไปและเป็นที่ซุบซิบนินทาของชาวบ้านไปทั่ว?”
“นาย……นายท่าน ข้าน้อยสาบานได้ นี่เป็นภาพที่หนักที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์……เรื่องนี้……ดูเหมือนจะมีคนจงใจสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา”
เยี่ยจิ่งหานจ้องมองไปที่ชิงเฟิง เส้นเลือดบนมือของเขาเปล่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“พระชายาเป็นผู้เผยแพร่ภาพวาดออกไป ส่วนคนที่จงใจสร้างเรื่องขึ้นมาคือนิกายเทพอสูร เผ่าเพลิงฟ้าและจักรพรรดิ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปจับคนที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กลับมาให้ได้ขอรับ”
“ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็พูดกันให้ทั่ว เจ้าจับมาได้หมดหรือ?”
ชิงเฟิงก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
“เริ่มแผนการที่จะจัดการกับเผ่าเพลิงฟ้าล่วงหน้า ส่วนนิกายเทพอสูรนั้น……เปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของฐานทัพหลักของนิกายเทพอสูรให้กับเผ่าเพลิงฟ้า”
“ขอรับ……”
“และยังมีจักรพรรดินั่นด้วย ข้าเห็นว่าเขาคงว่างมาก ในเมื่อว่างไม่มีอะไรทำ เช่นนั้นก็ให้เขาเหนื่อยเสียหน่อย เคลื่อนย้ายกองกำลังทหารกลับมาทั้งหมด ออกคำสั่งไปหากใครกล้าช่วยเหลือจักรพรรดิองค์น้อยนั่น เช่นนั้นก็ถือเป็นศัตรูกับข้า”
ชิงเฟิงกล่าวตอบรับอย่างประหม่า “นายท่าน หากเคลื่อนย้ายกองกำลังทหารกลับมา เกรงว่า……เกรงว่ารัฐเยี่ยจะไม่สามารถขัดขวางการจู่โจมของรัฐหวาเอาได้ขอรับ”
ถึงแม้ว่ากองกำลังทหารเท่านั้นจะเป็นกองกำลังที่แย่ที่สุดของนายท่าน แต่กองกำลังที่แย่ที่สุด ตอนนี้กลับเป็นกองกำลังที่จักรพรรดิให้ความสำคัญมากที่สุด
“นี่เป็นเรื่องที่เจ้าควรเป็นกังวลหรือ? ตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรเป็นกังวลก็คือคอของเจ้าจะยังคงอยู่บนบ่าหรือไม่ หากเรื่องนี้ไม่สามารถจัดการให้ดีได้ เช่นนั้นเจ้าก็ถือศีรษะของเจ้ามาพบข้า”
“ขอรับ……ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ”
ชิงเฟิงออกไปอย่างเร่งรีบ เจี้ยงเสวี่ยกล่าวกระซิบ “นายท่าน เปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งหลักของนิกายเทพอสูรให้เผ่าเพลิงฟ้า เผ่าเพลิงฟ้าจะต้องจู่โจมนิกายเทพอสูรอย่างแน่นอน แต่……นิกายเทพอสูรก็คือเผ่าหยก หากเราต้องการไข่มุกมังกรทั้งห้า เราก็ยังต้องพึ่งเผ่าหยก หากทำเช่นนี้จะเป็นการไม่ดีหรือไม่ขอรับ……”
“เจ้าเป็นนาย หรือว่าข้าเป็นนาย”
“ข้าน้อยทำเกินหน้าที่ นายท่านได้โปรดลงโทษขอรับ”
“ประเดี๋ยวเจ้าไปรับโทษโบยแปดสิบที”
“ขอรับ”
เยี่ยจิ่งหานโกรธมาก เขาตบฝ่ามือลงอย่างแรงและโต๊ะไม้จันทน์ที่มีน้ำหนักกว่าร้อยกิโลก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
นิกายเทพอสูร……
พวกเขาไม่มีอะไรทำกันหรืออย่างไร?
เดิมทีเยี่ยจิ่งหานเพียงแค่สงสัยว่าเผ่าหยกและนิกายเทพอสูรเกี่ยวข้องอะไรกับกู้ชูหน่วน แต่ตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้ว่า กู้ชูหน่วนไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับพวกเขา อีกทั้งเป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นอย่างมาก
หรืออาจพูดได้ว่า กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยสมรู้ร่วมคิดและอยู่ด้วยกันแล้ว ฉะนั้นอี้เฉินเฟยจึงรักใคร่นาง ช่วยเหลือนางตั้งแต่ตอนแรก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เยี่ยจิ่งหานก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กู้ชูหน่วนล่ะ ตอนนี้นางกำลังทำอะไร?”
“พระชายาบอกว่าช่วงนี้พักผ่อนไม่เพียงพอ และตอนนี้กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ที่เรือนอุสุม อีกทั้งยังรับสั่งว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนทั้งนั้นขอรับ”
ภายนอกห้องมีเสียงคนใช้รายงานเข้ามาด้วยเสียงสั่นคลอน “ท่าน……ท่านอ๋อง ภายนอกจวนท่านอ๋องถูกหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์จำนวนมากมารายล้อมเอาไว้ พวกนางต่างต้องการเข้ามาเป็นคนใช้ในจวนท่านอ๋อง และขอร้องให้ท่านอ๋องรับพวกนางเอาไว้”
“ไล่ออกไปให้หมด”
“ไล่……ไล่แล้วขอรับ แต่ไล่ไม่ไป”
“ไล่ไม่ไป เช่นนั้นก็จับให้หมดทุกคนและโบยคนละห้าสิบที จากนั้นโยนออกไป”
“ขอรับ…”
สีหน้าของคนใช้ซีดเผือด
โบยห้าสิบที เช่นนั้นก็เป็นการโบยให้ตายไม่ใช่หรือ?
ท่านอ๋องโมโหมากจริงๆ
เยี่ยจิ่งหานโมโหจนเส้นเลือดปูดเป่ง
กู้ชูหน่วน……
ผู้หญิงคนนี้……
ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
“เจี้ยงเสวี่ย ประกาศออกไปว่าพระชายามีคุณธรรมที่ไม่ดีพอ ห้ามออกจากจวน ให้นางคิดทบทวนอยู่ในเรือนอุสุมห้ามออกไปไหน และใครก็ตามห้ามส่งข่าวภายนอกให้นางได้รับรู้ หากใครขัดคำสั่งจะถูกฆ่าทันที”
“ขอรับ”
เยี่ยจิ่งหานก้าวออกไปและเดินทางไปยังเรือนอุสุมด้วยความโกรธ
ตลอดระยะทางที่เดินผ่านไปนั้น คนใช้ทุกคนต่างคุกเข่าลง ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เพราะเกรงกลัวว่าท่านอ๋องจะลงโทษเอาได้
เยี่ยจิ่งหานเปิดประตูเรือนอุสุมออกอย่างแรง
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาก็คือ กู้ชูหน่วนกำลังนอนไขว่ห้างอยู่บนเตียง
เยี่ยจิ่งหานทั้งโกรธทั้งโมโหและทำอะไรไม่ถูก
ผู้หญิงคนนี้ สร้างปัญหาใหญ่เช่นนี้ให้กับเขา
แต่นางกลับไม่รู้สึกอะไรและนอนกรนอย่างสบายใจ
เขาระเบิดออกมา “กู้ชูหน่วน”
เสียงตะโกนที่ดังออกมาทำให้นกน้อยใหญ่ต่างหวาดกลัวและบินหนีไป
จากนั้นกู้ชูหน่วนก็ตกใจตื่น
นางแคะหูและบ่นพึมพำ “ตะโกนเสียงดังเช่นนั้นเพื่ออะไรกัน มีคนตายในจวนหรืออย่างไร?”
ชิวเอ๋อร์อยากจะตักเตือนนางและให้นางรีบคุกเข่ายอมรับผิด แต่กู้ชูหน่วนทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและมีอะไรเกี่ยวกับนาง และไม่เห็นเยี่ยจิ่งหานอยู่ในสายตา