กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 520
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 520
“จอมมารได้โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบและฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะ”
“จอมมารได้โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบและฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะ”
ภายในห้องโถงใหญ่ ลูกน้องยืนเรียงหน้ากระดานเป็นสองแถวและหลายคนในนั้นกุมมือขึ้นและพูดขึ้นมาเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา
เพราะคำพูดของพวกเขาจึงทำให้มีคนอื่นเข้าร่วมแถวและขอให้จอมมารสังหารกู้ชูหน่วนเสีย
จอมมารที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำ การเคลื่อนไหวของเขาดูเชื่องช้าและเกียจคร้าน มือที่เรียวยาวสีขาวลูบผมสีดำนุ่มสลวยอย่างสง่างาม เขาหล่อเหลา โดยแทบแยกไม่ออกระหว่างชายและหญิง
เขาแต่งกายด้วยชุดสีแดง แดงฉูดฉาดและแดงระเรื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยสักเมฆเพลิงที่เขียนระหว่างคิ้วกับรูม่านตาสีน้ำเงินหนึ่งสีและสีม่วงหนึ่งที่แสนแปลกประหลาด ซึ่งกระตุ้นเสน่ห์และดูน่าดึงดูดถึงขีดสุดในทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้คนด้านล่างก็เงียบสงบลง เพราะผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำมีเพียงรอยยิ้มชั่วร้ายจางๆ ที่มุมริมฝีปากเท่านั้น และไม่พูดอะไร
“พูดจบแล้วหรือ?” จอมมารค่อยๆ ถามขึ้นมาโดยไม่แหงนหน้ามอง
“พูด……พูดจบแล้วขอรับ จอมมารได้โปรด……อ่า……”
เสียงกรีดร้องอย่างโอดครวญดังขึ้นและร่างกายของผู้พูดระเบิดเป็นก้อนควันเลือด
หลังจากนั้น ร่างกายของผู้ที่ขอร้องให้สังหารกู้ชูหน่วนก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็ระเบิดเป็นควันเลือดทันที
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นสูง แต่พวกเขาไม่มีเวลาดิ้นรนหรือยื้อพยายามเลยแม้แต่น้อย และตายลงอย่างน่าอนาถในทันที แม้แต่ศพก็ไม่เหลือไว้ดูต่างหน้า
ไม่เพียงแค่พวกเขา ยังมีลูกน้องที่แยกกันยืนสองฝั่ง แต่ก็ไม่เห็นว่าจอมมารจะลงมือทำอะไรพวกเขา มีเสียงกรีดร้องอย่างโอดครวญและคนเหล่านั้นก็เสียชีวิตลงทันที
จากนั้นจอมมารจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้าและยิ้มจางๆ อย่างเย็นชา “ยังมีใครต้องการให้ข้าฆ่าท่านพี่หญิงอีกบ้าง?”
เงียบสงัด
ทั่วทั้งสถานที่เงียบสงัด
ด้วยเหตุการณ์อันน่าสลดและอเนจอนาถของกลุ่มคนก่อนหน้านี้ ใครจะกล้าอ้าปากขอร้องให้จอมมารสังหารนางอีก
หนึ่งในคนที่อยู่ในกลุ่ม ชายร่างผอมบางพูดอย่างสั่นเครือว่า “จอมมาร ถึงอย่างไรเสียนางก็เป็นภรรยาของเทพแห่งสงคราม หาก……หากนางเป็นสายลับที่เทพแห่งสงครามส่งมา……ตุ่บ……”
แขนเสื้อกว้างของจอมมารถูกยกขึ้น และผู้ที่พูดก็ระเบิดเป็นละอองเลือดขึ้นอีกครั้ง
จอมมารพูดอธิบาย “นางไม่ได้เป็นภรรยาของเยี่ยจิ่งหาน นางเป็นภรรยาของข้า ซือม่อเฟย หากยังพูดเช่นนี้ให้ข้าได้ยินอีก เช่นนั้นข้าจะทำให้เขาคนนั้นเสียใจที่ได้เกิดมายังโลกมนุษย์”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเกิดอาการตัวสั่นเทาและพูดพร้อมกัน “จอมมารช่างชาญฉลาดอัจฉริยะ”
“เฮอะ……ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่เห็นด้วย แต่นั่นจะมีประโยชน์อะไร โลกนี้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจะได้รับการนับถือ หากพวกเจ้าเห็นต่าง เช่นนั้นพวกเจ้าก็ชนะข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด”
“ข้าน้อยไม่กล้า”
ทุกคนต่างเก็บกดเก็บกลั้นเอาไว้ในใจ
ไม่มีใครสามารถเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามได้ยกเว้นจอมมาร
แต่ตอนนี้ จอมมารได้อนุญาตให้ผู้หญิงซึ่งไม่รู้มีเจตนาเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม โดยไม่คำนึงถึงกฎของบรรพบุรุษของเขา
นี่……
นี่ถือเป็นการกระทำที่ผิดไม่ใช่หรือ?
พวกเขารู้สึกไม่เห็นด้วย แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมา
เพราะจอมมารของพวกเขาไม่เคยมีจิตใจดีกับลูกน้อง เขาโหดเหี้ยม อยากฆ่าก็ฆ่า และไม่เคยนึกถึงความสัมพันธ์อันใดเลย
รูม่านตาของกู้ชูหน่วนค่อยๆ หดลงเล็กน้อย
ใครๆ ต่างก็พูดว่าจอมมารฆ่าคนราวกับมด คำพูดนี้ไม่เกินไปเลยจริงๆ
หากจะพูดตามหลักแล้ว ลูกน้องเหล่านี้ไม่ได้พูดผิดหรือทำอะไรผิดเลย แต่เมื่อเขาโบกมือเขาก็จัดการคนนั้นให้ตายลง และสายตาดูถูกเหยียดหยามและเย็นชาในดวงตาของเขา ทำให้เขาดูน่ารังเกียจและไม่เป็นที่ชื่นชอบเอาเสียเลย
กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองเข้าใจซือม่อเฟยอยู่บ้าง ตอนนี้ดูเหมือนว่านางไม่เคยรู้จักและเข้าใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ซือม่อเฟยบางครั้งก็งี่เง่า เรียบง่ายไร้เดียงสาและโง่เขลา
บางครั้งก็เลือดเย็นและโหดเหี้ยม ฆ่าคนอย่างเย็นชา ราวกับว่าชีวิตมนุษย์ไร้ค่าในสายตาของเขา
“ท่านพี่หญิง ข้าบอกว่าท่านนอนพักผ่อนที่เตียงไม่ใช่หรือ ท่านลุกขึ้นมาทำไมกัน?”
ในหูมีเสียงที่ชัดเจนและไพเราะของจอมมาร เป็นเสียงที่ไพเราะและอ่อนโยน จากนั้นกู้ชูหน่วนก็มีสติตอบสนองในทันที
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ว่าผู้คนของเผ่าปีศาจหายไปตั้งแต่เมื่อไร ตรงหน้าของนางมีเพียงซือม่อเฟยที่ยืนยิ้มอย่างไร้เดียงสา
“นอนนานเกินไป ข้ารู้สึกเบื่อน่ะ”
กู้ชูหน่วนมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกและรู้สึกเหมือนได้เห็นภูเขาเล็กๆ จำนวนมาก
นางเดินกะเผลกกลับไปที่ห้อง
ยกริมฝีปากของเขาขึ้นและยิ้ม และหามกู้ชูหน่วนเดินไปทางห้องพักส่วนตัว
“เจ้าทำอะไรน่ะ ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ” กู้ชูหน่วนดิ้น
“ขาของท่านไม่ดี ข้าจึงเป็นขาให้ท่านยังไงล่ะ”
“ขาของเจ้าต่างหากที่ไม่ดี ทั้งตระกูลเจ้านั่นแหละขาไม่ดี”
“ท่านเป็นญาติคนเดียวในครอบครัวของข้า”
จอมมารแหงนหน้าขึ้นมองนาง ถึงแม้ว่าเขากำลังยิ้ม แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร กู้ชูหน่วนกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความน่าสงสาร
นางหยุดการดิ้นรนชั่วขณะหนึ่งและจ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
ถึงแม้ว่าจะรู้จักเขามานานแล้ว แต่ทุกครั้งที่มองใบหน้าของเขา นางมักจะตกตะลึงทุกครั้งไป
ช่างงดงามอย่างมาก
งดงามมากกว่านางอีก
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “ข้าไม่ได้เป็นญาติของเจ้า”
“ข้าบอกว่าใช่ก็ใช่สิ”
แววตาที่น่าสงสารของจอมมารหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ และถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่น่าพอใจ
“ท่านบอกว่าท่านนอนนานจนเบื่อหน่าย เช่นนั้นข้าจะอุ้มท่านออกไปเดินเล่นรอบๆ”
ต่อหน้าของกู้ชูหน่วน จอมมารไม่เคยวางตัวเป็นผู้นำเลย
จอมมารอุ้มนางไว้บนหลัง และตลอดทางที่เขาเดินผ่าน ต่างก็ทำให้คนในเผ่าปีศาจตกใจ
จอมมารที่ดูสูงศักดิ์มาตลอด กลับยอมให้ผู้หญิงคนหนึ่งขี่หลัง?
แถมยังเป็นผู้หญิงของเทพแห่งสงคราม?
หรือว่าจอมมารของพวกเขาจะตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นเข้าแล้ว?
ทุกคนต่างไม่เชื่อว่าจอมมารที่เอาใจยากมาโดยตลอด กลับทำตัวเรียบง่ายและพาผู้หญิงคนหนึ่งเดินเล่นได้เหมือนกับคนทั่วไป
หากพวกเขาไม่ได้เห็นเองกับตา พวกเขาไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด
และในใจก็เกิดความเข้าใจขึ้นว่าเหตุใดที่จอมมารถึงฆ่าหัวหน้าเหล่านั้น
“ท่านพี่หญิง ทิวทัศน์ของหุบเขาอวิ๋นฉีเป็นอย่างไรบ้าง?”
ในตอนเย็น อากาศอบอุ่น ท้องฟ้าสวยงาม ภูเขาเชื่อมต่อกันสลับซับซ้อนและรูปร่างของภูเขาก็แตกต่างกันไปอย่างประณีตและปราดเปรียวยิ่งนัก
ตำหนักแต่ละตำหนักของที่นี่มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง แค่เดินที่นี่ก็เหมือนราวกับเดินอยู่บนก้อนเมฆ
เป็นสถานที่ที่ดีที่จะทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลังและใช้ชีวิตอย่างสันโดษที่นี่
“ลมแรง พัดจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ไม่เห็นมีอะไรดีเลย” กู้ชูหน่วนพูดสิ่งตรงข้ามออกมา
จอมมารก็ไม่ได้สนใจอะไร เพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะเป็นดวงตาให้ท่าน ไม่ว่าท่านอยากมองอะไร ข้าก็จะทำให้ท่านได้เห็น”
“เหตุใดเจ้าถึงพูดจาหวานซึ้งกับข้าเช่นนี้?”
“หวานซึ้ง? อาม่อพูดออกมาจากใจจริงทุกคำพูด”
กู้ชูหน่วนเห็นคนใช้ของจอมมารจำนวนมากมักแอบมองดูพวกเขา มีทั้งอิจฉาริษยา มีทั้งตกตะลึงและตกใจ
เดิมทีนางต้องการจะดิ้นรนอีกครั้งเพื่อลงจากหลังของเขา แต่หลังจากเห็นปฏิกิริยาการแสดงออกของพวกเขาแล้ว นางจึงยอมให้จอมมารอุ้มอยู่บนหลังแต่โดยดี และสูดดมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของดอกลำโพงบนร่างกายของเขา
เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ทำให้ทุกคนในเผ่าปีศาจเข้าใจผิด ต่อไปนางจะได้มีพลังอำนาจบ้างในเผ่าปีศาจ
“เมื่อสักครู่เหตุใดเจ้าต้องฆ่าพวกเขาด้วยล่ะ?”
“ไม่มีอะไร เห็นแล้วขัดตาก็เลยฆ่าทิ้งน่ะ”
“แค่นี้หรือ? เช่นนั้นหากวันไหนเจ้ามองข้าแล้วรู้สึกขัดตา เช่นนั้นเจ้าก็จะฆ่าข้าทิ้งด้วยใช่หรือไม่?”
“ท่านเป็นท่านพี่หญิงของข้า ต่อให้ข้าจะฆ่าทุกคนเสีย ข้าก็จะไม่มีวันทำอันตรายใดๆ ต่อท่านแม้แต่นิดเดียว”
ราวกับเขากลัวว่ากู้ชูหน่วนจะไม่เชื่อ จอมมารวางนางลงที่ก้อนหินใหญ่และม่านตาหลากสีคู่หนึ่งมองไปที่กู้ชูหน่วนและกล่าวคำสาบาน