กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 540
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 540
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในเวลานี้คนรับใช้ก็ตะโกนขึ้นอีกครั้งว่า “หออันดับหนึ่งในใต้หล้ามาถึงแล้ว……”
หออันดับหนึ่งในใต้หล้า?
ว่ากันว่าหออันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่านางเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ทำให้ตัวตนของนางยิ่งลึกลับมากยิ่งขึ้น
ผู้คนต่างมองด้วยความสงสัย
คนของหออันดับหนึ่งในใต้หล้า ล้วนแต่สวมหน้ากาก และมองไม่เห็นใบหน้า ผู้นำเป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม อรชรอ้อนแอ้น มีส่วนเว้าส่วนโค้ง นัยน์ต่คู่นั้นดูมีชีวิตชีวาราวกับพูดได้ และมองผู้คนด้วยสายตาที่หยาดเยิ้ม
ผู้คนต่างตกตะลึง
คนของหออันดับหนึ่งในใต้หล้าควรจะเยือกเย็นมากไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงได้ท่าทางอรชรอ้อนแอ้นเช่นนี้?มีเสน่ห์เย้ายวน?
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วอยู่ไกล ๆ
หออันดับหนึ่งในใต้หล้าเป็นหนึ่งในกองกำลังของนาง
แต่หญิงที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร นางไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ
นี่เป็นเจ้าหออะไรกัน?
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานทักทายในทันที หลังจากยิ้มทักทายแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านแขกผู้มีเกียรติเป็น……”
ผู้คนจำนวนมากที่นั่นต่างพูดไม่ออก
และไม่รู้ว่าผู้ที่มาคือหออันดับหนึ่งในใต้หล้าเช่นเดียวกับผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลาน
แต่พวกเขาคิดว่าผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหออันดับหนึ่งในใต้หล้า
ในเมื่อพวกเขาไม่คุ้นเคยกับหออันดับหนึ่งในใต้ แล้วเหตุใดหออันดับหนึ่งในใต้หล้าและเผ่าน้ำแข็งจึงมาเข้าร่วมการชุมนุมเป็นครั้งแรก?
และยังมีเผ่าหยกที่นั่งอยู่ในตำแหน่งด้านบนทางขวา
เผ่าหยกคือเผ่าอะไร?
เหตุใดพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้อยู่ในตำแหน่งที่ทัดเทียมกับเผ่าเพลิงฟ้า และจัดให้นั่งอยู่ข้างหน้าเยี่ยจิ่งหาน ซือม่อเฟย รวมทั้งเผ่าน้ำแข็ง และหออันดับหนึ่งในใต้หล้า เกรงว่าจะมีอำนาจไม่น้อย
“ข้าแซ่สี และมีชื่อตัวเดียวคือคำว่าชิ่น เป็นเพียงปรมาจารย์เล็ก ๆ ของหออันดับหนึ่งในใต้หล้า”
“หุบเขาต้นหุยสามารถเชิญหออันดับหนึ่งในใต้หล้ามาได้ ถือว่าเป็นเกียรติแก่หุบเขาต้นหุย เชิญปรมาจารย์สีนั่งก่อนเถิด”
สีชิ่นชำเลืองมองไปที่ที่นั่ง ตำแหน่งที่สามทางซ้ายเขียนว่าหออันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่ตอนนี้ไป๋จิ่นและฮวาฉี่หลัวของเผ่าน้ำแข็งกำลังนั่งอยู่
สีชิ่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลาน
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานใจเต้นแรง
แย่แล้ว
เมื่อครู่ยุ่งอยู่กับเรื่องของจอมมาร เจ้าลืมคำว่าหออันดับหนึ่งในใต้หล้าไปเลย
จะให้หออันดับหนึ่งในใต้หล้านั่งตรงไหน?
ตำแหน่งที่สองหรือตำแหน่งที่สี่?
นั่งในตำแหน่งที่สี่ก็กลัวว่าจะทำให้ขุ่นเคือง
นั่งตำแหน่งที่สอง แล้วจะจัดการกับจอมมารอย่างไร?
เขากลัวว่าสีชิ่นจะรับมือได้ยากเหมือนกับจอมมาร
จึงทำได้เพียงกล่าวว่า “เชิญปรมาจารย์สีนั่งในตำแหน่งที่สามทางขวา”
เดิมทีตำแหน่งที่สามทางขวาเป็นของจอมมาร แต่จอมมารไม่ยอม
เปลี่ยนจากตำแหน่งที่สามทางซ้ายไปตำแหน่งที่สามทางขวา น่าจะไม่ทำให้ใครขุ่นเคือง
สีชิ่นยังไม่ทันได้พูด จอมมารก็พูดเสียก่อน “เอาที่นั่งของข้าให้นาง แล้วข้าจะไปนั่งที่ไหน?”
“นี่…..” ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานใจคอห่อเหี่ยว
จอมมารยิ้มเยาะ “ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลาน ข้าเดินทางมาไกลหลายลี้ เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะตามคำเชิญของพวกท่าน แล้วให้พวกท่านทำให้ข้าอับอายขายหน้าอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ คนของหุบเขาต้นหุยก็ร้อนรนเหมือนในท้องเต็มไปด้วยไฟ
ใช่ พวกเขาหุบเขาต้นหุยเชิญเขามา
แต่เขาไม่ได้มาสง่าผ่าเผย แต่ฉวยโอกาสในช่วงที่ชุลมุนเข้ามา
ที่หุบเขาต้นหุยต้องวุ่นวาย บางทีอาจจะเป็นเพราะจอมมาร
อีกอย่าง……
อีกอย่างเกี้ยวของพวกเขาหุบเขาต้นหุยก็ถูกจอมมารทำลายไปหมดแล้ว แม้แต่ในหุบเขาก็ยังถูกเขาก่อกวน
พวกเขาคิดว่าจอมมารไม่ได้มาเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ แต่มาเพื่อสร้างความวุ่นวาย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้คนในหุบเขาหุย แม้แต่ผู้คนที่อยู่ที่นี่ก็รู้สึกว่าจอมมารมาเพื่อหาเรื่อง
เผ่าน้ำแข็งยอมสละที่นั่งในตำแหน่งที่สองให้ เขาก็ยังไม่พอใจ และจงใจจะหาเรื่องหุบเขาต้นหุย
คนรับใช้ของหุบเขาต้นหุยรีบมารายงาน “ผู้นำแห่งหุบเขาบอกว่านิกายเทพอสูรได้ส่งคนมาแจ้งว่าพวกเขามีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ จึงไม่ได้มาเข้าร่วมการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะ”
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานสับสนมึนงง
เป็นเกียรติของพวกเขาที่สามารถเชิญนิกายและเผ่าต่าง ๆ มาได้
หากนิกายเทพอสูรมาด้วย ก็จะเป็นการชุมนุมที่สมบูรณ์มาก ๆ
“นิกายเทพอสูรรักษามาโดยตลอด ครั้งนี้ไม่ได้มาเข้าร่วมงานชุมนุม บางทีอาจจะมีเรื่องบางอย่างที่สำคัญจริง ๆ เจ้าส่งสารไปบอกนิกายเทพอสูรว่า หากต้องการอะไร ที่พวกเราพอจะกระทำได้ หุบเขาต้นหุยยินดีที่จะช่วยเต็มที่”
“ขอรับ”
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะคาดเดา
นิกายเทพอสูรกับเผ่าเพลิงฟ้าเหมือนน้ำกับไฟ เป็นเพราะเผ่าเพลิงฟ้ามาหรือไม่ นิกายเทพอสูรจึงหลบเลี่ยงที่จะไม่มา?
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้
“นิกายเทพอสูรนั้นแข็งแกร่งมาก และพวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวเผ่าเพลิงฟ้า”
“จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ได้ ผู้นำนิกายเทพอสูรหายสาบสูญไปนานแล้ว จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย หากต้องเผชิญหน้ากับเผ่าเพลิงฟ้า แน่นอนว่ายังไม่มั่นใจ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่มาในครั้งนี้เป็นเรองหัวหน้าเผ่าและนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าที่มา ฟังทางนี้ ว่ากันว่าวรยุทธของทั้งสองคนนี้เข้าสู่ขั้นสูงสุดระดับหกแล้ว”
“อะไรนะ?วรยุทธของรองหัวหน้าเผ่าซือคงก็มาถึงระดับหกแล้วหรือ?”
“ไม่น่าจะใช่ ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าในวันนั้นเขาจะเป็นรองหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าล่ะ วรยุทธของเขามีมากแค่ไหน?”
“ใครจะไปรู้ หลายปีที่ผ่านมาไม่เห็นว่าหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าจะเคลื่อนไหวอะไรเลย เพียงแต่ได้ยินมาว่าเผ่าเพลิงฟ้านั้นลึกล้ำมาก และมีผู้อาวุโสสูงสุดมากมาย อีกทั้งยังมีวรยุทธที่สูงส่ง”
“ไม่ว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด นิกายเทพอสูรก็ไม่ได้รับมือได้ง่าย ๆ เจ้าไม่คิดหรือว่าสาวกของผู้นำนิกายเทพอสูร แต่ละคนก็แข็งแกร่งเช่นกัน”
“เอาล่ะ ๆ ไม่ว่าพวกเราจะแข็งแกร่งหรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเรา มาดูการการชุมนุมกลั่นยากันดีกว่า ดูว่าจะสามารถทำยาอายุวัฒนะชั้นได้เท่าไหร่ และจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากน้อยแค่ไหน”
“ก็จริง จุดประสงค์หลักที่พวกเรามาที่นี่ ก็เพื่อที่จะประมูลยาอายุวัฒนะกลับไปไม่ใช่หรือ ครั้งนี้ได้มาพบยอดฝีมือจำนวนมากที่เร้นกายจากโลกภายนอก แม้ว่าเราจะประมูลยาอายุวัฒนะไม่ได้ก็ไม่สูญเปล่าแล้ว”
ผู้คนของเผ่าเพลิงฟ้ายิ้มเยาะ และดูถูกเหยียดหยามนิกายเทพอสูรที่ไม่กล้าเข้าร่วมการชุมนุม
มีเพียงนัยน์ตาของ เหวินเส่าอี๋เท่านั้นที่ลึกล้ำ เขาใช้นิ้วชี้หมุนแผ่นหยกบนมือของเขาอย่างเหม่อลอย ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
นิกายเทพอสูรและเผ่าเพลิงฟ้าขัดแย้งกันมาหลายปีแล้ว เขาไม่เข้าใจพวกเขาเลยจริง ๆ
แม้ว่าคนของนิกายเทพอสูรจะรู้ว่าการเผชิญหน้ากับเผ่าเพลิงฟ้านั้นเป็นหนทางแห่งความตาย พวกเขาก็ยังจะเดินหน้าและก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ และเป็นไปไม่ได้ที่จะถอยกลับ
นิกายเทพอสูรไม่ได้มาเข้าร่วมการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะในครั้งนี้ เกรงว่าพวกเขาจะมีจุดประสงค์อื่น
เมื่อเหวินเส่าอี๋และรองหัวหน้าเผ่าซือคงชำเลืองมองไปยังที่นั่งในตำแหน่งแรกทางขวา และเขียนว่าเผ่าหยก
นัยน์ตาของทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะเยือกเย็นมากยิ่งขึ้น
คนของนิกายเทพอสูรไม่มา
เผ่าหยกก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเป็นเวลานานแล้วเช่นกัน ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานและคนอื่น ๆ ต่างก็เกรงว่าเผ่าหยกจะไม่มา
อีกอย่างเผ่าหยกจะเทียบได้กับเผ่าอื่น ๆ ได้อย่างไร พวกเขาหายสาบสูญไปนานหลายปีแล้ว หากไม่ได้รับเชิญก็เป็นเรื่องปกติ
ในตอนนี้ต้องจัดหาที่นั่งให้กับจอมมารก่อน การชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะก็จะได้เริ่มเสียที
ไม่ว่าจะจัดการอย่างไร ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานก็อดไม่ได้ที่จะต้องปวดหัว
“ผู้นำแห่งหุบเขา ได้เวลาแล้ว” คนรับใช้กล่าวอย่างระมัดระวัง
“จอมมาร ท่านว่าที่นั่งแรกทางขวายกให้ท่าน ดีหรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่ได้ ข้าพูดชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ ข้าไม่อยากนั่งด้วยกันกับเยี่ยจิ่งหาน”
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานทำได้เพียงกล่าวอย่างไร้ยางอายว่า “หานอ๋อง ท่านสามารถ……”
“ไม่ได้”