กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 580
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 580
“อากาศหนาวเย็นมากขนาดนี้ และมีหิมะปลิวว่อน จะไปเอาหมูย่างมาจากไหน หากเป็นงูย่างมีอยู่หนึ่งตัว
“ท่านรับปากว่าจะให้หมูย่างข้าสิบตัว”
หากไม่ใช่เพราะหมูสิบตัวนั้น มันคงจะไม่รีบเร่งพาพวกเขาเหาะมาสามวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก?
“หากหาไข่มุกมังหรเม็ดที่หกเจอ ช้าค่อยย่างให้เจ้า”
“เสี่ยวจิ่งเอ๋อร์ไม่สนใจ หากนายท่านไม่ให้เสี่ยวจิ่งเอ๋อร์ เสี่ยวจิ่งเอ๋อร์ก็จะไม่ทำงาน”
“เฮ้ ไม่ได้สั่งสอนเพียงไม่กี่วัน เจ้าก็กลายเป็นงูเอาแต่ใจ”
กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นและอยากจะทุบมัน เมื่อเห็นแววตาเล็ก ๆ ที่น้อยใจ นางก็คิดว่ามันพยายามอย่างมากในช่วงสามวันสามคืนที่ผ่านมา นางขึงเอามือที่ยกขึ้นหยิกใบหน้าเล็ก ๆ ของมัน
“เหวินเส่าอี๋ เจ้าลองไปหาว่ามีหมูป่าหรือกระต่ายป่าหรือไม่ เอามาย่างให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินหน่อย”
เหวินเส่าอี๋เอนหลังพิงต้นไม้แห้งเหี่ยวอย่างไร้เรี่ยวแรง และกล่าวอย่างอ่อนแรง “เจ้าคิดว่าจะมีของป่าในสถานที่เช่นนี้หรือ?”
“หากไม่มีของป่าก็ตัดมือและแท้าของเจ้าออกมา ดูจากผิวอันบอบบางและเนื้อที่นุ่มนวลของเจ้าแล้ว เซียวจิ่วเอ๋อร์คงจะชอบมากอย่างแน่นอน”
นัยน์ตาของเสี่ยวจิ่งเอ๋อร์เป็นประกายและพยักหน้าอย่างแรง
มันเคยเป็นยอดฝีมือระดับหก การกินเลือดเนื้อของเขา ไม่เพียงแต่จะอร่อย แต่ยังช่วยเสริมพลังของมันด้วย
เป็นนายท่านที่ปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี ไม่เสียแรงที่มันทำงานอย่างหนักมาตลอดสามวันสามคืน
เหวินเส่าอี๋กระตุกมุมปาก “เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าบาดเจ็บสาหัสหนักขนาดนี้?”
เดิมทีเขาก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว และยังเดินทางมาตลอดสามวันสามคืน โดยไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่นอน และเขาสงสัยว่าร่างนี้อาจไม่ใช่ของเขาแล้ว
“ข้าเพียงแค่เห็นว่าเจ้าเป็นเฉลยของข้า”
เหวินเส่าอี๋หันหน้าไปทางอื่นอย่างเย่อหยิ่ง
กู้ชูหน่วนคว้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมาและเขย่าร่างของมัน “โธ่ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เขาไม่ยอมไปหาของป่าให้ เช่นนั้นเจ้าก็กินขาที่สาม ของเขาไปก่อน (หมายถึงอวัยวะเพศชาย) ลองดูว่าตรงไหนนุ่มและอร่อยที่สุด หลังจากกินขาที่สามของเขาแล้ว ค่อยกินมือทั้งสองของเขาก็ยังไม่สาย”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งสายตาเมินเฉยให้นาง
ในเมื่อขาที่สามของเขาอร่อยมากเช่นนั้น ทำไมนางถึงไม่กิน
กู้ชูหน่วนยิ้มและพูดกล่าวว่า “ข้าอยากให้อาหารที่อร่อยที่สุดกับเจ้า”
“ช่างเถอะ อาหารรสเลิศเช่นนี้ ราชางูเช่นข้าคงไม่มีวาสนา ข้ายกขาที่สามของเขาให้ท่าน ส่วนอย่างอื่นเหลือไว้ให้ข้า”
“จุ๊ ๆ ๆ เจ้ารังเกียจขาที่สามของเขา ช่างเถอะ ข้าจะลองทำเนื้อแห้งแล้วเก็บไว้กินเพลิน ๆ เมื่อหิวก็จะได้กินมันเป็นอาหารว่างได้”
เหวินเส่าอี๋ไม่เข้าใจที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูด แต่จากคำพูดของกู้ชูหน่วน เขาก็เข้าใจความหมาย
ไม่น้อย
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้สาระของกู้ชูหน่วน เหวินเส่าอี๋ก็รู้สึกปวดหัว
จนกระทั่งตอนนี้ เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมทุกครั้งที่เยี่ยจิ่งหานเผชิญหน้ากับกู้ชูหน่วน เขามักจะไม่สามารถระงับความโกรธได้
เป็นเพราะนางเหลวไหลเช่นนี้ จึงไม่มีใครทนได้
กู้ชูหน่วนเตะเหวินเส่าอี๋ที่บาดเจ็บสาหัสและอ่อนแรง “เฮ้ พูดให้ดี ๆ หน่อย เจ้าขะไปหาของอร่อยหรือไม่ คิดให้ดี ๆ แล้วค่อยตอบข้า”
เหวินเส่าอี๋สามารถขยับได้เล็กน้อยแล้ว แต่เนื่องจากเขาบาดเจ็บสาหัส และจุดฝังเข็มทั่วร่างกายของเขาก็ถูกกู้ชูหน่วนใช้เข็มทองสกัดจุดไว้ ในเวลานี้อย่าว่าแต่โกรธเลย แม้แต่เดินก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก
เขาไม่ตอบ และคลานโซเซขึ้นมา จากนั้นก็ลากร่างที่หนักอึ้งของเขาไปหาของป่า
กู้ชูหน่วนลูบคาง “ช่างเชื่อฟังเสียจริง?”
เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์มองนางอย่างดูถูกอีกครั้ง
“ท่านข่มขู่เขาเช่นนี้ทั้งวัน เขาจะกล้าขัดขืนได้อย่างไร?หากขาที่สามของเขาถูกทำเป็นเนื้อตากแห้งจริง ๆ เช่นนั้นก็คงน่าอายเกินไป”
“อย่างมากที่สุด ข้าก็แค่ทำให้ขาที่สามของเขากลายเป็นเนื้อตากแห้ง เจ้าคิดแต่เรื่องไม่ดี และอยากจะแทะจนไม่เหลือซาก”
“อย่างมากที่สุดข้าก็จะกินเขาเข้าไป พอกัดเข้าไปคำแรก เขาก็จะไม่รู้สึกอะไรแล้ว หากท่านอยากตัดขาที่สามของเขาไปทำเนื้อตากแห้ง เช่นนั้นเขาก็ต้องทนกับความอัปยศอดสูไปตลอดชีวิต ท่านว่าอย่างไหนโหดร้ายมากกว่ากัน?”
กู้ชูหน่วนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น เหวินเส่าอี๋ดูเหมือนจะรักศักดิ์ศรี หากตอนของเขาทิ้งไป คงจะโหดร้ายเสียยิ่งกว่าการฆ่าเขา เจ้างุนงงอะไรอยู่ ยังไม่รีบไปเก็บฟืนอีก ไม่ก่อไฟแล้วจะย่างอย่างไร?”
“ท่านรับปากว่าจะย่างหมูให้ข้า ไม่ช่ว่าท่านต้องไปเก็บฟืนหรือ?”
“ใครเป็นนายกันแน่?” กู้ชูหน่วนดึงหางของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมา
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สะบัดหาง และพยายามดิ้นให้หลุดจากการควบคุมของนาง
“นายท่าน ท่านรังแกงู”
“ไม่ได้กินน้ำแกงงูมานานแล้ว คิดถึงรสชาติที่อร่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้กินน้ำแกงงูท่ามกลางหิมะ และดื่มด่ำกับทิวทัศน์หิมะ”
“ฟ่อ ๆ ๆ ……”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำหน้าบูดบึ้ง และหงอยเหงาเศร้าซึม ไม่รู้ว่ากำลังต่อว่าอะไรอยู่
กู้ชูหน่วนยิ้มเล็กน้อย นางหาที่หลบลมและเริ่มก่อไฟ
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับมาอย่างรวดเร็ว และไม่นานไฟก่อติด
เหวินเส่าอี๋ออกไปนานแล้ว นานเสียจนนางคิดว่าเหวินเส่าอี๋หลงทางแล้วหรือไม่ และเขาก็กลับมาพร้อมกับกระต่ายหิมะสองตัว
ใบหน้าของเขาซีดเซียว ริมฝีปากไม่มีสีเลือด และร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เบ้ปากอย่างไม่พอใจและส่งเสียงฟ่อ ๆ “แค่สองตัว น้อยมาก”
“อย่าดูถูก หาของกินได้ในสถานที่เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว”
กู้ชูหน่วนต้องการจะให้เขาถอนขนกระต่าย แต่เมื่อเห็นว่าเหวินเส่าอี๋ไร้เรี่ยวแรง นางจึงไม่กลั่นแกล้งเขา
ไม่นาน กู้ชูหน่วนก็ย่างกระต่ายหิมะเสร็จ และมีกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว