กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 604
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 604
กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดจึงได้ออกจากอาณาเขตของหุบเขาน้ำแข็งที่พังทลายลงมา
กู้ชูหน่วนจ้องมองหุบเขาน้ำแข็งที่พังทลายลงราบด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในหัวใจ
ตั้งแต่แรกที่ได้รู้จักกับเหวินเส่าอี๋จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของเขาสูงค่าสุดพรรณนาได้จนถึงช่วงเวลาแห่งความโกรธแค้นเกลียดชังที่รู้ว่าเขาเป็นศัตรูคู่แค้นของเผ่าหยก จนกระทั่งถึงการช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างทางได้สะท้อนวนเวียนไปมาอยู่ในสมอง
โดยเฉพาะแม้จะตกอยู่ในอันตรายเขาก็ไม่ได้สนใจรีบวพุ่งเข้าไปในหุบเขาน้ำแข็งเพื่อช่วยเหลือด้วยชีวิต จนในที่สุดก็ถูกหินน้ำแข็งถล่มลงมาทับจนเสียชีวิตอยู่ที่นั่น
ในใจของกู้ชูหน่วนนั้นวุ่นวายสับสนยิ่งนัก
ไม่รู้ว่าความเกลียดชังที่มีต่อเหวินเส่าอี๋ได้มลายหายไปตั้งแต่เมื่อใด พร้อมกับความอาลัยและเจ็บปวดใจเข้ามาแทนที่
หุบเขาน้ำแข็งดังเสมือนภูเขาสูงตระหง่านถล่มลงมาเลยโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่วรยุทธ์สูงส่งสักเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะจากไปโดยมีชีวิตรอดได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเหวินเส่าอี๋ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะนั้น
ต้องการที่จะขุดก้อนหินอันหนักอึ้งนั่นออกมาก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในใจของเยี่ยจิ่งหานก็สับสนเช่นเดียวกัน
เขาไม่อยู่ร่วมใต้ฟ้ากับเผ่าเพลิงฟ้า เหวินเส่าอี๋ในฐานะนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าหากบอกว่าเขามีความรู้สึกต่อกู้ชูหน่วนและใช้ช่วยกู้ชูหน่วนด้วยชีวิตก็เข้าที แต่ว่าเหตุใดถึงต้องช่วยเขาหล่ะ?
“โครม….. ”
ภูเขาหิมะอันสูงตระหง่านหลายลูกในระยะไกลได้พังทลายลงมาพร้อมๆกัน ใบหน้าของทั้งสองคนแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“หิมะถล่มแล้ว รีบไป”
ไม่ต้องให้เยี่ยจิ่งหานกล่าวกู้ชูหน่วนก็จูงเขาวิ่งกะโผลกกะเผลกไปทางด้านหน้าแล้ว
เมื่อเผชิญกับภัยพิบัติหิมะถล่มอันใหญ่หลวงดังตรงหน้านี้ จากมนุษย์นั้นดูเล็กน้อยไปเลย
แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ดก็ไม่สามารถต้านทานหิมะถล่มได้ เว้นแต่จะหลบหนีด้วยความว่องไวอันรวดเร็วที่สุด
ภูเขาหิมะพังทลายลงมาทีละลูกๆอย่างต่อเนื่อง ที่นี่ราวกับเป็นจุดจบของโลก ภูเขาหิมะขนาดใหญ่กำลังเทลงมาปกคลุมหุบเขาน้ำแข็งทั้งหมด ความเร็วยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงไหลลงมาด้วยความรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง
กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานประคับประคองซึ่งกันและกัน ล้มลงแล้วลุกขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า
บางทีสวรรค์ต้องการจบพวกเขาลง ไม่ว่าจะวิ่งเร็วเพียงใดความเร็วของหิมะถล่มก็รวดเร็วกว่าพวกเขาอยู่เสมอ
สิ่งที่น่าสลดใจยิ่งกว่าก็คือไม่เพียงแต่ภูเขาหิมะที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาที่ถล่มลงมา ภูเขาหิมะลูกใหญ่มหึมาตรงหน้าก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นและภูเขาทั้งลูกก็ได้พังทลายลง
ตอนนี้ไม่ว่าพวกเขาจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่มีหนทางให้ไป
เยี่ยจิ่งหานพลิกมือกลับกอดกู้ชูหน่วนเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น “กลัวไหม?”
กลัวไหม?
กลัวอยู่แล้ว
แต่นางไม่กลัวว่าตัวเองจะตายอยู่ที่นี่
นางกลัวว่าก่อนที่ตนเองจะตายก็ยังไม่สามารถรวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดลูกให้ครบเพื่อคลายคำสาปของเผ่าหยกได้
“มีข้าอยู่ถึงจะต้องตายก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าตายก่อน”
เนื่องจากสถานที่ที่พวกเขาอยู่เป็นทางขึ้นเขา
เยี่ยจิ่งหานกอดกู้ชูหน่วนกระโดดขึ้นและกลิ้งลงมาทางลงเขาด้านขวาของพื้นหิมะเลยโดยตรง
เขารู้ว่าแม้ว่าสิ่งนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ แต่นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา
“โครม…”
หิมะถล่มเคลื่อนตัวเร็วกว่าที่พวกเขาคิด
หิมะถล่มได้อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วและพวกเขาก็ไม่มีทางไป เยี่ยจิ่งหานใช้ร่างกายของตนปกป้องกู้ชูหน่วนไว้ภายใต้ร่างของเขาและปล่อยให้ภูเขาหิมะตกลงมาบนร่างของเขา
ด้วยพละกำลังสุดท้ายก็ต้องปกป้องกู้ชูหน่วนเอาไว้
การกระทำของเยี่ยจิ่งหานเป็นไปด้วยความมีเงื่อนไขทั้งนั้นด้วยจนกู้ชูหน่วนรู้สึกอบอุ่นใจอย่างอธิบายไม่ถูก
นางก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่เยี่ยจิ่งหานทำนั้นไร้ความหมาย แต่การกระทำของเขาทำให้นางรู้สึกอบอุ่นนิ่งนัก ช่างอบอุ่นเป็นพิเศษ
ความตายในตอนนี้ไม่ได้ดูน่าหวาดกลัวเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
เสียง “ครึก” เสียงหนึ่ง แผ่นหลังของกู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าชนกับสิ่งใดจนคนทั้งคนได้ตกลงไปในทันที
แม้แต่เยี่ยจิ่งหานที่อยู่บนตัวนางก็ตกลงไปด้วย
“อ๊า……”
ในขณะที่พวกเขาตกลงไปนั้นหิมะถล่มก็มาถึงยังตรงหน้า หิมะอันใหญ่โตบดบังการมองเห็นของพวกเขาไปหมด
“ตูบ……”
ทั้งสองตกลงบนพื้นอย่างแรง แรงกระแทกอันมหาศาลทำให้พวกเขาหมดสติไปตรงนั้น
เมื่อกู้ชูหน่วนฟื้นขึ้นมาด้วยความงุนงงก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใดแล้ว
นางลืมตาขึ้นแต่มองนิ้วมือทั้งห้าไม่เห็น อวัยวะภายในของนางจนถึงตอนนี้ยังคงปั่นป่วนไม่หยุด ความเจ็บปวดทั่วร่างกายราวกับว่าได้แตกสลายเช่นนั้น
ฉากก่อนสลบสะท้อนเป็นฉากๆอยู่ในสมองของนาง นางรีบเริ่มคลำค้นหาอย่างวุ่นวาย “เยี่ยจิ่งหาน……เยี่ยจิ่งหาน……ท่านอยู่ที่ใด”
ในมือแตะต้องถูกของเหลวเหนียวๆ กู้ชูหน่วนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
นางรีบหยิบคบไฟออกจากกาย
เนื่องจากอากาศหนาวเกินไปหรือเนื่องจากคบไฟชื้นเป็นเวลาเนิ่นนานนางก็จไม่สามารถจุดคบไฟได้
กู้ชูหน่วนหยิบไข่มุกราตรีลูกหนึ่งออกมาด้วยความสั่นเทาจากวงแหวนอวกาศ จึงได้ทำให้เกิดประกายแสงสว่างขึ้นมาเล็กน้อย
นี่คือถ้ำถ้ำหนึ่ง ถ้ำไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ลึกยิ่งนัก ไม่รู้ว่าใช้ทำอันใด
เหนือศีรษะนางคือภูเขาหิมะที่ถล่มลงมา
ภูเขาหิมะถูกประกบด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ถล่มลงมาจากหุบเขาน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็งนั้นติดอยู่ที่ทางเข้าถ้ำพอดี
ถึงได้ไม่ได้ทำให้หิมะถล่มลงมาได้โดยตรง
ข้างกายนางคือเยี่ยจิ่งหานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป
อาการบาดเจ็บของเยี่ยจิ่งหานสาหัสนัก ลมหายใจช่างแผ่วเบายิ่งนักและตรงหลังก็มีเลือดไหลริน
ภาพๆหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของกู้ชูหน่วน ขณะที่พวกเขาตกลงในถ้ำหิมะเยี่ยจิ่งหานกลัวว่านางจะตกลงมาจนตายจึงได้หันตัวอีกครั้งกอดนางเอาไว้
เพราะเหตุนั้นผู้ที่ตกลงมาก่อนคือเยี่ยจิ่งหานไม่ใช่นาง
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็คือเยี่ยจิ่งหาน
ช่วยเหลือด้วยชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า ในเวลานี้ดวงตาของกู้ชูหน่วนแดงก่ำไปหมดแล้ว
ในวงแหวนอวกาศมีตัวยามากเท่าใดกู้ชูหน่วนได้ใช้รักษาเยี่ยจิ่งหานจนหมด
เนื่องจากอาหารในวงแหวนอวกาศได้ให้เสี่ยวจิ่งเอ๋อร์กินจนหมดแล้ว แม้แต่สุราชั้นดีที่นางหวงแหนก็ให้เสี่ยวจิ่งเอ๋อร์ดื่มจนไม่เหลือเลยแม้แต่หยดเดียว เหลือเพียงผ้าห่มผืนหนึ่งเท่านั้น
กู้ชูหน่วนรีบคลุมผ้าห่มให้กับเยี่ยจิ่งหาน
หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มเยี่ยจิ่งหานสลบไสลอยู่ตลอดไม่ได้ฟื้นขึ้นมาเลย
วันที่สองเยี่ยจิ่งหานมีไข้สูงและฝันร้ายไม่หยุดหย่อน กู้ชูหน่วนกอดเขาเอาไว้แน่นให้ความอบอุ่นแก่เขาและใช้ยาช่วยลดไข้ให้เขา
ท่ามกลางความคลุมเครือไม่ชัดเจนนางได้ยินเยี่ยจิ่งหานเรียกอยู่ตลอดว่า “ท่านแม่……อย่า……อย่าทำร้ายนาง……”
ท่านแม่?
ท่านแม่ของเยี่ยจิ่งหานคือผู้ใด?
ดูเหมือนนางก็ไม่เคยรู้และก็ไม่เคยได้ยินเยี่ยจิ่งหานกล่าวถึงแม่บังเกิดเกล้าของเขา
วันที่สามเยี่ยจิ่งหานค่อยๆฟื้นขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดราวกับกระดาษ
กู้ชูหน่วนดีใจยิ่งนัก “ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ท่านสลบไปอย่างน้อยก็สามวันแล้ว”
“ที่นี่ที่ใด?”
เสียงเยี่ยจิ่งหานอ่อนแรงนัก หากว่าไม่ได้ตั้งใจฟังก็ไม่สามารถฟังออกได้
“พึ่งใบบุญของท่านพวกเราโชคดีนักที่ตกลงในถ้ำหิมะโดยที่ไม่ได้จมอยู่ใต้หิมะถล่ม”
กู้ชูหน่วนมองดูภูเขาหิมะที่ถูกปกคลุมเหนือศีรษะลึกกี่เมตรก็ไม่รู้ได้โดยที่ทำสิ่งใดไม่ถูก
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสกันหมด แม้ว่าจะไม่ก็จะไม่สามารถขยับภูเขาหิมะได้
นางทำได้เพียงฝากความหวังสุดท้ายอันน้อยนิดไว้ที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ หวังว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะมาช่วยพวกเขา
อย่างไรก็ตาม……
สามวันผ่านไปแล้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ยังไม่ปรากฏตัว
นางไม่รู้ว่าเจ้างูน้อยที่สับสนนั้นปลอดภัยดีอยู่หรือเปล่า
เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เจ้าเป็นอย่างไร ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
“บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยอีกไม่กี่วันก็หาย แต่ท่านสิ……”
ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายในถ้ำหิมะได้
“ที่นี่ไม่มีสิ่งใดให้กิน หากท่านหิวก็สามารถดื่มน้ำเย็นสักหน่อยได้”
เดิมทีก็หนาวแล้วยังจะดื่มน้ำเย็นอีก ทั้งร่างกายแม้แต่ลำไส้ก็เกือบจะแช่แข็งไปหมดแล้ว
แต่หากว่าพวกเขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ทำได้เพียงแค่ดื่มเท่านั้น
“ขอโทษด้วย เป็นข้าที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าให้ดีได้”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ “ข้ามีมือมีเท้ายังต้องให้ท่านปกป้องด้วยหรือ?”