กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 606
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 606
“ชาวเผ่าหยกทุกคนถูกคำสาปโลหิต เหตุใด…”
“เหตุใดข้าจึงไม่ถูกคำสาปโลหิตน่ะหรือ”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า
นางไม่เชื่อว่าคำสาปโลหิตจะแก้ได้ง่ายขนาดนั้น
ถ้าแก้ได้ง่ายขนาดนั้น เหตุใดชาวเผ่าหยกจึงต้องพยายามค้นหาไข่มุกมังกรมานานนับพันปี
“ข้าถูกพิษเหมันต์ตั้งแต่ยังเด็ก นอกจากนี้ยังถูกพิษใบไม้โลหิต ซึ่งในจำนวนนั้นท่านแม่เป็นคนวางยาพิษข้าเอง”
“เพื่อยับยั้งคำสาปโลหิตงั้นหรือ”
“ใช่”
“แต่…นั่นเป็นแค่การยืดเวลาสำแดงฤทธิ์ของคำสาปโลหิตให้ช้าลง ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ บางทีอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้ ข้าอาจจะเป็นเหมือนพวกเขาก็ได้”
ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนตามหาไข่มุกมังกรทั้งเจ็ด
ประการแรกคือเพื่อช่วยตัวเอง
ประการที่สองคือต้องการช่วยผู้ร่วมเผ่าของมารดา
ตอนนั้นมารดาของเขาใช้พิษเพื่อยับยั้งคำสาปโลหิต แม้ว่าคำสาปโลหิตจะไม่สำแดงฤทธิ์ แต่ตลอดเวลาหลายปีมานี้เขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานแทบทั้งวันทั้งคืน
กู้ชูหน่วนโอบเอวที่แข็งแกร่งของเขาโดยไม่รู้ตัว วางแก้มบนแผงอกแกร่งและฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเยี่ยจิ่งหานสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือกันและกันมาหลายครั้ง หรือเป็นเพราะความเห็นอกเห็นใจของคนเผ่าหยกที่มีชะตาเดียวกัน กู้ชูหน่วนจึงรู้สึกว่าเยี่ยจิ่งหานในตอนนี้อบอุ่นกว่าเมื่อก่อนมาก
“แล้วบิดาของท่านล่ะ รู้จักกันมาตั้งนาน แต่ไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงพระองค์เลย”
“หลังจากท่านแม่เสียชีวิต เสด็จพ่อทุ่มเททั้งรัฐเพื่อออกค้นหาไข่มุกมังกร ทว่าไม่ได้อะไรกลับมาเลย ในที่สุดพระองค์ก็สิ้นพระชนม์เพราะตรอมใจคิดถึงท่านแม่”
“ตอนนั้นท่านอายุเท่าใดรึ”
“ประมาณสี่ขวบ”
“เสด็จพ่อกับท่านแม่ของท่านคงรักท่านมาก ไม่อย่างนั้นท่านแม่ของท่านคงไม่ยอมทำพิษร้ายจากใบไม้โลหิตใส่ท่านเพื่อระงับคำสาปโลหิต และเสด็จพ่อของท่านก็คงไม่มอบอำนาจทางการทหารให้ท่าน”
โดยทั่วไปถ้าพิษร้ายจากใบไม้โลหิตเข้าสู่ร่างกาย คนผู้นั้นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้คงเป็นเพราะท่านแม่ของเขาใช้พลังทั้งหมดปกป้องเส้นเลือดหัวใจของเขาไว้
“อืม” สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานมืดมนและเดาอารมณ์ของเขาไม่ออก ทว่ารอบๆ กายมีรังสีแห่งความเศร้าแผ่ออกมา
เขาโน้มศีรษะซบบนเรือนผมของกู้ชูหน่วน ดมกลิ่นหอมของเส้นผมและถามว่า “แล้วเจ้าล่ะ มีตัวตนอยู่มากแค่ไหน ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าคืออัครเสนาบดีกู้กับฮูหยินกู้จริงหรือ”
“ข้าไม่รู้ ที่ลือกัน…ว่าจักรพรรดิพระองค์ก่อนรักท่านแม่ของข้า ท่านแม่ของข้ารักอัครเสนาบดีกู้ ในที่สุดฝ่าบาทก็รู้ว่าท่านแม่เป็นน้องสาวบุญธรรม จากนั้นจึงให้ท่านอภิเษกกับอัครเสนาบดีกู้ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่”
“ผู้หญิงคนเดียวที่เสด็จพ่อรักคือเสด็จแม่ พระองค์ไม่มีทางรักท่านแม่ของเจ้า หรือต่อให้รักก็น่าจะเป็นความรักฉันพี่น้องเท่านั้น”
“อย่างนั้นหรือ…”
กู้ชูหน่วนตอบอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าจักรพรรดิพระองค์ก่อนมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ไม่ธรรมดากับแม่ของนาง
ฮูหยินของอัครเสนาบดีเป็นแม่แท้ๆ ของนางจริงหรือ
เจ้าของเดิมมีตัวตนมากมายขนาดนี้ ตัวตนของคุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดีอาจจะเป็นเพียงตัวตนปลอมๆ ก็ได้
“เจ้าไม่รู้จักพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเองอย่างนั้นหรือ” เยี่ยจิ่งหานถามขึ้นมาทันใด
“ท่านจะเชื่อหรือไม่หากข้าบอกว่าข้าสูญเสียความทรงจำ แม้แต่ตัวข้าเองข้ายังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร”
เยี่ยจิ่งหานนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่จนกู้ชูหน่วนคิดว่าเขาคงไม่เชื่อคำพูดของนาง
แต่ไม่คิดว่าเยี่ยจิ่งหานจะตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าเชื่อ”
“หืม…เหตุใดจึงเชื่อ…”
“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะสัมผัสที่หกของผู้ชายกระมัง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ไม่ว่าเจ้าจะมีตัวตนมากมายแค่ไหน ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นภรรยาของข้า เป็นภรรยาที่แต่งงานอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ทั้งยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามพฤตินัย”
เขาจริงจังกับความเป็นสามีภรรยามาก
กู้ชูหน่วนกลอกตา
เหนื่อยที่จะแยกทางกับเขา
“วันนั้นตอนที่อยู่บนภูเขาร้าง ข้าโดนวางยาพิษ”
“แล้วครั้งที่สองเล่า”
“ครั้งที่สอง…ครั้งที่สองเพราะห้ามตัวเองไม่อยู่”
ครั้งที่สองนางไม่รู้ว่าใครโผเข้าหาใครก่อน มันผ่านมานานมากจนนางจำไม่ได้
“ห้ามตัวเองไม่ได้ก็ดีเหมือนกัน สามีหวังว่าหลังจากนี้ภรรยาจะห้ามตัวเองไม่ได้ทุกคืน”
เยี่ยจิ่งหานว่าแล้วจึงกอดกู้ชูหน่วน ที่มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข
ผู้ชายคนนี้…
จะมีชีวิตออกไปได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ยังจะมีเวลามาคิดเรื่องอย่างว่านั่นอีก
“อาหน่วน ข้าขอถามเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่”
“ท่านอยากรู้สิ่งใดก็ถามมาสิ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน”
“เจ้าชอบข้าบ้างสักนิดหรือไม่ แม้จะแค่น้อยนิดก็ตาม”
หัวใจของเยี่ยจิ่งหานเต้นแรงขึ้นอย่างฉับพลัน กกหูของเขากลายเป็นสีแดง แม้แต่ใบหน้าที่ซีดขาวยังกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
โชคดีที่ที่นี่มืดสลัว ไม่อย่างนั้นเขาคงอายถ้านางเห็น
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรอยู่เป็นนาน
จากที่ตั้งตารอคอยเยี่ยจิ่งหานเริ่มกังวล สุดท้ายก็กลายเป็นความผิดหวัง
พลังทั้งหมดที่เยี่ยจิ่งหานมีดูเหมือนจะเหือดแห้งลงไป เขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและเอนกายพิงกำแพงน้ำแข็งอย่างไร้เรี่ยวแรง
เงียบสนิท…
ในถ้ำหิมะมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคน
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ข้ามีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ หากยังทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น ข้าก็ยังไม่กล้านึกถึงเรื่องความรักระหว่างชายหญิง”
“ภารกิจใดหรือ ข้าช่วยเจ้าทำให้สำเร็จได้นะ”
“ตามหาไข่มุกมังกรทั้งเจ็ด”
“ตามหาไข่มุกมังกร เพื่อนำไปให้เผ่าหยกใช่หรือไม่” นางมีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายมากๆ กับเผ่าเพลิงฟ้า ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะเผ่าเพลิงฟ้าเอง แต่น่าจะเป็นเพราะเผ่าหยก
หรือว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนของเผ่าหยก
“อื้ม…”
“เราพบไข่มุกมังกรหกลูกจากทั้งหมดเจ็ดลูกแล้วมิใช่หรือ ขอเพียงแค่ตามหาลูกสุดท้ายพบ เราก็จะรวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดได้”
ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ยิ้มขึ้นมา เป็นยิ้มที่ใสบริสุทธิ์
“ใช่…เหลือแค่ลูกเดียว ขอเพียงแค่หาพบอีกลูกก็จะรวบรวมไข่มุกมังกรครบทั้งเจ็ดลูก ดังนั้นข้าจะตายไม่ได้ หากข้าตาย ไข่มุกมังกรลูกที่หกจะหายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์”
ท่านพี่เฉินเฟยและผู้คนมากมายในเผ่าหยกทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“เยี่ยจิ่งหาน ท่านถามว่าข้าเคยชอบท่านบ้างหรือเปล่า ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยมีคนรักมาก่อน ข้าถูกเขาหลอกอย่างโหดร้ายมาก และก็เป็นเพราะเขา ข้าจึงต้องตายอย่างอนาถและข้ามภพมาอยู่ที่จวนอัครเสนาบดี”
เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้วและเกิดความสงสัยมากมายภายในใจ ทว่ากู้ชูหน่วนไม่ยอมให้เขาขัดจังหวะ
“ข้ารู้ว่าท่านมีคำถามมากมาย ตัวข้าเองก็ยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดและไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ท่านฟังอย่างไร ข้าเคยสาบานว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่มอบความรักที่แท้จริงให้กับผู้ชายคนไหนอีก แต่ว่า ถ้าพวกเรามีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ บางทีข้าอาจจะลองคบหาดูใจกับท่านดู”
หัวใจที่เงียบเหงาและผิดหวังของเยี่ยจิ่งหานกลับมามีประกายแห่งความหวังอีกครั้ง
และไม่รู้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เขากอดกู้ชูหน่วนไว้แน่นอย่างมีความสุข
ท่าทางที่ไร้เดียงสานี้แตกต่างจากท่าทีโหดร้ายเด็ดขาดในอดีตอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าบอกว่าถ้าเราออกไปจากที่นี่ได้ เจ้าจะยอมรับว่าเจ้าเป็นภรรยาที่แท้จริงของข้า อาหน่วน เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
“ข้าบอกแค่ว่าข้าจะลองคบหาดูใจ”
“ความหมายก็เหมือนๆ กัน”
“เช่นนั้นก็มีชีวิตออกไปให้ได้ก่อน”
“ได้สิ เราจะออกไปจากที่นี่เร็วๆ นี้ ก่อนมาที่นี่ข้าบอกชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยไว้ พวกเขาน่าจะพาคนมาตามหาเราจนเจอ เราเพียงแค่ต้องอดทนให้ได้อีกสักระยะ”
“อื้ม”
ขั้วโลกเหนือกว้างใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเยี่ยจิ่งหานพากันมาทั้งหมด พวกเขาก็อาจจะหาไม่เจอก็ได้
ทว่า…อย่างน้อยก็ยังมีความหวังเล็กๆ
เมื่อถูกเยี่ยจิ่งหานกอดไว้แบบนี้กู้ชูหน่วนก็ยิ่งเวียนหัว
นางฟุบอยู่บนแผงอกของเขาอย่างอ่อนแรงและหายใจเร็วขึ้น
ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้นางจึงพูดแบบนั้นกับเยี่ยจิ่งหาน นางไม่เข้าใจเลย