กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 638
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 638
ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยตกตะลึง
กู้ชูหน่วนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่กลับนึกไม่ถึงว่าสิ่งใดกู้ชูอวิ๋นก็กล่าวออกมาได้ทั้งนั้น
ความโกรธในตัวเยี่ยจิ่งหานแว๊บผ่านไปพร้อมดวงตาคู่เย็นยะเยือกนั้นมองไปยังกู้ชูอวิ๋นราวกับมองผู้ที่ได้ตายไปแล้ว
กู้ชูหน่วนยิ้มและกล่าวว่า “พี่รองเพื่อความอยู่รอดแล้วคำพูดใดท่านก็สามารถกล่าวออกมาได้ทั้งนั้นจริงๆ”
เจี้ยงเสวี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นายท่าน หญิงผู้นี้พูดจาไร้สาระและยั่วยุความสัมพันธ์ของท่านกับพระชายาสังหารเสียก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำเกินไป”
เยี่ยจิ่งหานกำขลุ่ยหยกขาวอย่างเกียจคร้านพร้อมกับเคาะบ้างไม่เคาะบ้างบนฝ่ามือ สำหรับคำพูดของเจี้ยงเสวี่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธซึ่งเท่ากับว่าตัดสินโทษประหารชีวิตของกู้ชูอวิ๋นแล้ว
ขนาดชิงเฟิงที่ซื่อๆบื้อๆก็ยังไม่สามารถทนฟังต่อไปได้ “นายท่านและพระชายาเป็นพี่น้องกัน หึ เจ้าจะพูดปดก็ควรจะร่างโครงเรื่องไว้ด้วยหรือเปล่า”
หากนายท่านและพระชายาเป็นพี่น้องกันจริงๆนางคงจะถูกกัดจนนองเลือดตายไปพร้อมกับลมหายใจแผ่วเบา มีหรือที่จะยังช่วยพวกเขาปกปิดความจริง?
นางเป็นผู้ที่มีเมตตาเช่นนั้นหรือ?
เมื่อครู่ยังรู้สึกสงสารกู้ชูอวิ๋นแต่ในตอนนี้เขาเพียงแค่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ
กู้ชูอวิ๋นฝืนทนพิงอยู่มุมกำแพงและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทนต่อร่างกายอันเจ็บปวดแทบทนไม่ไหวของตนเอง
ในแววตาของนางมีความยินดีที่แก้แค้น “พวกเจ้าเป็นพี่น้องแท้ๆกัน หานอ๋องไม่ใช่พระอนุชาของจักรพรรดิพระองค์ก่อนแต่เป็นโอรสของจักรพรรดิพระองค์ก่อน เสด็จแม่ของท่านคือพระสนมอวี้ใช่หรือไม่? เพียงแค่ในปีนั้นพวกเขาเพื่อที่จะปกป้องท่านจึงได้หลอกลวงว่าท่านเป็นพระอนุชาของจักรพรรดิองค์ก่อน”
กู้ชูหน่วนกระพริบตาไปที่ตัวของเยี่ยจิ่งหานเป็นการให้สัญญาณว่ายังมีกี่คนที่รู้ความลับนี้ของเขา
แววตาของเยี่ยจิ่งหานหมองหม่นไม่ได้ตอบสนองนางกลับ
นี่เป็นความลับในโลกนี้มีคนรู้เรื่องนี้อยู่ไม่กี่คน แล้วกู้ชูอวิ๋นรู้เรื่องนี้มาจากที่ใด?
“สำหรับเจ้ากู้ชูหน่วน เสด็จแม่ของเจ้าก็คือพระสนมอวี้เช่นเดียวกัน ในปีนั้นพระสนมอวี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ได้สิ้นพระชนม์ไปทว่าถูกช่วยเอาไว้ แต่ว่าเผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้าต่างก็ไล่ตามสังหารพระนาง พระนางไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้แต่งงานกับท่านพ่อของข้าเพื่อปกปิดฐานะของตน”
“เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดท่านพ่อถึงไม่ดีกับเจ้า? เนื่องจากที่แท้เจ้าไม่ใช่บุตรสาวของเขาและไม่ใช่เชื้อสายของเขา เพียงเพราะแม่ของเจ้าเป็นพระสนมอวี้ผู้หญิงที่ทรงรักใคร่ที่สุดของจักรพรรดิพระองค์ก่อน ดังนั้นจักรพรรดิพระองค์ก่อนเพื่อปกป้องพวกเจ้าทั้งสองแม่ลูกจึงได้มองสถานะใหม่ให้พระสนมอวี้โดยทรงรับเป็นพระขนิษฐาบุญธรรมพระราชทานให้เป็นองค์หญิงและแต่งงานกับท่านพ่อของข้า”
“ท่านพ่อผู้น่าสงสารของข้ารู้อยู่แล้วว่าหญิงผู้นั้นแต่งงานเข้ามาก็นอกใจเขาแล้วยังบังคับขู่เข็ญคนรักในวัยเด็กของตนเองจนตายโดยที่เขาก็ทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้”
กู้ชูหน่วนกลอกตา “กู้ชูอวิ๋นสมองของเจ้าถูกลาเตะจนเลอะเลือนหรือ? คำโกหกเช่นนี้ก็สามารถแต่งออกมาได้”
“ข้าไม่ได้แต่งเป็นแม่ทัพใหญ่เซี่ยวที่บอกข้าด้วยตนเอง”
เจี้ยงเสวี่ยหัวเราะเยาะ “เรื่องไร้สาระ”
“พวกเจ้าไม่เชื่อใช่ไหม กู้ชูหน่วนเจ้าก็เป็นคนของเผ่าหยกใช่ไหม เจ้าก็อยู่ภายใต้คำสาปโลหิตเช่นเดียวกัน”
ขณะที่กู้ชูอวิ๋นกล่าวคำพูดเช่นนี้ในใจก็รู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง
เนื่องจากคนของเผ่าหยกในทุกวันที่สิบห้าพระจันทร์เต็มดวงคำสาปโลหิตจะกำเริบ แต่กู้ชูหน่วนดูเหมือนจะไม่เคยกำเริบเลย……
ระหว่างนั้นเกิดเรื่องใดขึ้นนางเองก็ไม่รู้แน่ชัด แต่นางรู้ว่าเลือดครึ่งหนึ่งในร่างกายของกู้ชูหน่วนต้องมีครึ่งหนึ่งที่เป็นของเผ่าหยกเป็นแน่
จู่ๆแววตาของกู้ชูหน่วนก็เย็นลงจากนั้นหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “เจ้ารู้เรื่องไม่น้อยเลยนะ”
เยี่ยจิ่งหานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าข่าวนี้ส่งผลกระทบกับเขาไม่น้อย
นางก็เป็นคนของเผ่าหยก?
แล้วเหตุใดคำสาปโลหิตถึงไม่กำเริบ?
“ก็พอรู้แต่ไม่รู้มากเท่ากับเจ้าและข้าก็ยังรู้ด้วยว่าหานอ๋องก็ถูกคำสาปโลหิตด้วย ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้เขาถึงได้ตามหาไข่มุกมังกรอยู่ตลอดมาดังนั้นเขาถูกวางยาพิษตั้งแต่เด็กก็เพื่อหนามยอกต้องเอาหนามบ่งและระงับอาการกำเริบของคำสาปโลหิต”
“ไม่ต้องกล่าวถึงว่าพวกเราทั้งสองเป็นคนของเผ่าหยกหรือไม่ แม้ว่าจะใช่ก็ไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าเป็นพี่น้องกัน”
“ในเมื่อข้ากล่าวเช่นนี้ก็ต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว แม่ทัพใหญ่เซี่ยวเข้าใจผิดคิดว่าข้าเป็นธิดาของพระสนมอวี้ดังนั้นจึงบอกความลับมากมายให้แก่ข้า ในนั้นยังมีจดหมายโลหิตที่พระสนมอวี้ทิ้งไว้เพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์กับจักรพรรดิพระองค์ก่อน”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดจักรพรรดิพระองค์ก่อนถึงต้องการแยกพวกเจ้าออกจากกัน? เนื่องจากเผ่าเพลิงฟ้าไล่ล่าสังหารกระขั้นชิดยิ่งนัก พระองค์ทรงเกรงว่าพวกเจ้าสองคนจะได้รับบาดเจ็บดังนั้นในขณะที่พวกเจ้ากำเนิดก็ได้ปลอมแปลงสถานะของพวกเจ้าทำให้ชีวิตของพวกเจ้าสับสนวุ่นวายเลยโดยตรง ผู้หนึ่งกลายเป็นพระอนุชาของจักรพรรดิพระองค์ก่อน อีกผู้หนึ่งกลายเป็นบุตรีคนที่สามของภรรยาเอกแห่งจวนเสนาบดี”
“จักรพรรดิพระองค์ก่อนปกป้องพวกเจ้าด้วยความอย่างยากลำบาก พระธิดาอยู่ข้างพระวรกายแท้ๆแต่พระองค์กลับไม่กล้ายอมรับ แต่เช่นไรเขาก็คาดคิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปสิบกว่าปีไปๆมาๆพวกเจ้าจะกลายเป็นสามีภรรยากันโดยบังเอิญ ฮ่าๆๆ…… พี่น้องแท้ๆกลายเป็นสามีภรรยากันเป็นเรื่องที่น่าขันที่สุดในโลก……”
“เสียงปรบมือดังแปะๆๆๆ……”
ทันทีที่คำพูดของกู้ชูอวิ๋นจบลงใบหน้าก็โก่งโค้งงอไปทั้งซ้ายขวาตามจังหวะการถูกตบเป็นจำนวนหลายฝ่ามือ
หลายฝ่ามือเหล่านี้ใช้เรี่ยวแรงมากมายเสียจนกู้ชูอวิ๋นกระอักเลือดออกมา แม้แต่ฟันสองสามซี่ก็ปนออกมากับเลือดด้วย
เสียงกระหายเลือดอันเย็นชาและไร้ความปรานีค่อยๆดังขึ้น ในห้องทรมานอันเงียบสงัดทำให้เสียงดังชัดเจนเป็นพิเศษและทำให้ผู้คนได้ยินเสียงแห่งความกระหายเลือดจนขนลุกขนพอง
“หากเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกคำเดียวข้ารับประกันว่าเจ้าจะเสียใจภายหลังที่ได้มายังโลกนี้”
ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยยืนตัวตรงและรอด้วยความเคารพอยู่ด้านหนึ่งโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
อยู่ข้างกายนานท่านมาหลายปีแล้วพวกเขายังดูไม่ออกว่านายท่านโมโห พวกเขาก็คงจะอยู่ในโลกนี้อย่างเปล่าประโยชน์ซะแล้ว
กู้ชูอวิ๋นถุยเลือดในปากออกมาและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เป็นพวกเจ้าที่ขอให้ข้ายอมจำนน สิ่งที่ข้ากล่าวในตอนนี้ก็เป็นเพียงความจริงก็เท่านั้น พวกเจ้าพี่น้อง……”
“เพี๊ยะ……”
ก็เป็นอีกฝ่ามือหนึ่งตบไป ร่างกายของกู้ชูอวิ๋นถูกตบจนลอยไปในอากาศจากนั้นอ้าปากพร้อมกับกระอักเลือดคำหนึ่งออกมา ใบหน้าของนางบวมขึ้นด้วยความรวดเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าซึ่งรอยตบนั้นชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนัก
หากไม่ใช่คำพูดประโยคหนึ่งของกู้ชูหน่วนว่า “เก็บชีวิตของนางไว้ก่อน”
เกรงว่าเยี่ยจิ่งหานนั้นได้สังหารนางไปแล้ว
กู้ชูอวิ๋นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและหัวเราะได้อย่างสบายอกสบายใจราวกับว่าความเจ็บปวดทั้งหมดที่ได้รับเมื่อครู่นี้ได้รับการตอบแทนในเวลานี้แล้วเช่นนั้น
“ถึงแม้พวกเจ้าจะไม่อยากยอมรับเช่นไรแต่พวกเจ้าก็ยังเป็นพี่น้องกัน ฮ่าฮ่าฮ่า……พวกเจ้าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป”
กู้ชูหน่วนเดินเข้ามาใกล้และมองนางลงมาจากที่สูงราวกับมองมดตัวหนึ่ง “ข้าจะถามเจ้าจดหมายโลหิตอยู่ที่ใด?”
“ในจวนเสนาบดีใต้เตียงของเรือนอวี้อินมีทางลับหนึ่งอยู่ที่นั่น”
ร่างของฝูกวงแว๊บไปและร่างของเจี้ยงเสวี่ยก็แว๊บไปเช่นเดียวกันซึ่งไปยังจวนเสนาบดีทีละคนๆ
“ว่ามาเถอะ เรื่องเกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่เซี่ยวกล่าวออกมาให้หมดให้ชัดเจน หากว่าเจ้ายังต้องการกล่าวคำลวงอีกหล่ะก็ข้าก็ไม่มีความคิดเห็น อย่างไรผู้ที่เจ็บปวดรวดร้าวก็ไม่ใช่ข้าถูกอาจารย์ซั่งกวนเห็นเข้าก็ไม่ใช่ข้า”
“หากเจ้าให้อาจารย์ซั่งกวนเข้ามา อย่าได้คิดว่าจะได้คำพูดใดออกมาจากปากข้าแม้แต่เล็กน้อย”
“งั้นก็เชิญเถอะ”
กู้ชูหน่วนไม่กลัวว่านางจะไม่พูดความจริงเนื่องจากนางมีวิธีจัดการกับนาง
เพียงแต่คำว่าพี่น้องแท้ๆกลับทำให้นางรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากู้ชูอวิ๋นจงใจพูดจาเรื่อยเปื่อยเอาคืนหรือว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นพี่น้องแท้ๆกัน
ตั้งแต่ทะลุมิติมาจนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่รู้ว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของตนเองเป็นผู้ใดกันแน่
ดูเหมือนว่านางมีความจำเป็นที่จะต้องสอบถามผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าหยกให้ดีๆเกี่ยวกับชาติกำเนิดของนาง
“ข้าบังเอิญเปิดเข้าไปในห้องลับและได้เห็นจดหมายโลหิตที่พระสนมอวี้ทิ้งไว้จากด้านในและสิ่งของแทนใจที่พระสนมอวี้ทิ้งเอาไว้ ด้านในเขียนไว้ว่าไข่มุกมังกรลูกที่เจ็ดอยู่ในอกของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว ต้องการนำไข่มุกมังกรออกมาก็ต้องควักหัวใจของเขา ข้าอยากรู้นักว่าไข่มุกมังกรคือสิ่งใดก็เลยไปที่จวนท่านแม่ทัพ คิดไม่ถึงว่าแม่ทัพใหญ่เซี่ยวจะเข้าใจผิดว่าข้าเป็นเจ้าแล้วยังบอกข้าว่าที่แท้เจ้าคือธิดาโดยสายเลือดของพระสนมอวี้ ฮ่าๆๆ……”
“เยี่ยจิ่งหานเป็นโอรสของพระสนมอวี้ก็เป็นแม่ทัพใหญ่เซี่ยวที่บอกเจ้าหรือ?”
“ก็ประมาณนั้น” แม่ทัพใหญ่เซี่ยวไม่ได้บอกว่าหานอ๋องเป็นโอรสที่พระสนมอวี้ได้ทรงให้กำเนิด แต่ตามข้อมูลที่นางได้รับหานอ๋องนั้นเป็นโอรสของพระสนมอวี้