กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 639
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 639
“แม่ทัพใหญ่เซี่ยวตายได้อย่างไร? เจ้าสังหารเขาใช่หรือไม่?” สีหน้าเฉยเมยของกู้ชูหน่วนพร้อมกับน้ำอันสียงเย็นชา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ไร้ซึ่งความเกียจคร้านตามแต่ใจตนดังก่อน
กู้ชูอวิ๋นเหล่มองกู้ชูหน่วนและหัวเราะอย่างหนักหน่วง “ข้านั้นต้องการจะสังหารเขาแต่น่าเสียดายที่ท่านผู้เฒ่าผู้นั้นสิ้นใจรวดเร็วเกินไป ในขณะที่ข้าไปถึงเขาก็ได้เสียชีวิตแล้ว”
“เจ้าเร่งไปถึงก่อนข้าหรือว่าเร่งไปถึงหลังข้า?”
“ภายหลัง”
“แล้วที่เจ้าไปหาแม่ทัพใหญ่เซี่ยวก่อนข้านั้นด้วยเรื่องอันใดกัน”
ใบหน้าของกู้ชูหน่วนดูไม่ออกว่านางเชื่อหรือไม่ แต่ว่าสามารถดูออกได้ว่าอารมณ์ของนางในขณะนี้นั้นช่างไม่ดีมากมายนัก……
กู้ชูอวิ๋นหมองลงและเป็นเวลาสักพักที่ไม่ได้เอ่ยปากกล่าวสิ่งใด
“ตอนนี้ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด เจ้าอย่าได้ทำในสิ่งที่เจ้าจะเสียใจในภายหลัง” กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง
กู้ชูอวิ๋นกัดฟัน “ข้าไปที่จวนท่านแม่ทัพเพื่อต้องการถามเรื่องเกี่ยวกับเผ่าหยก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแม่ทัพใหญ่เซี่ยวจะสังเกตเห็นว่าข้าไม่ใช่ธิดาของพระสนมอวี้ จึงปฏิบัติต่อข้าอย่างโหดร้ายยิ่งนักแล้วยังไล่ข้าออกไปด้วย”
“เพียงเท่านี้?”
“ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ความจริงก็เป็นเช่นนี้”
“แล้ววรยุทธ์ในตัวของเจ้าได้มาได้อย่างไร?”
“ในการชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกรได้พบการผจญภัยเล็กน้อยเข้าจึงได้ร่ำเรียนวรยุทธ์มาบ้าง”
“พบการผจญภัยเล็กน้อยก็สามารถฝึกฝนวรยุทธ์อันล้ำลึกเช่นนี้ได้? กู้ชูอวิ๋นเจ้าคิดว่าตนเองเป็นคนโง่หรือคิดว่าผู้อื่นเป็นคนโง่กัน?”
“ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าหล่ะ”
“ข้าไม่อยากรู้ว่าเหตุใดจู่ๆวรยุทธ์ของเจ้าถึงได้เพิ่มพูนทะยานขึ้น ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าคืออะไร?”
“อำนาจที่อยู่เบื้องหลังของข้า……หึ……คิดว่าข้าเหมือนดังเจ้าที่มีผู้ที่แข็งแกร่งมากมายที่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้? ข้าเป็นเพียงแค่บุตรีคนที่สองของจวนเสนาบดีก็เท่านั้น”
“จวนเสนาบดีอันเล็กก็รู้เรื่องราวของเผ่าหยกหรือ?”
“เรื่องราวของเผ่าหยกนั้นข้าเห็นในจดหมายโลหิต”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ
เยี่ยจิ่งหานและคนอื่นๆหัวเราะด้วยความเย็นชา
เหตุผลนี้ช่างฟังไม่ขึ้นยิ่งนัก
คนทั่วไปไหนเลยจะรู้เรื่องราวของเผ่าหยกได้
ในตัวของกู้ชูอวิ๋นมีความลับมากมายนัก
อย่างไรก็ตาม……
เรื่องที่กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานต้องการรู้มากที่สุดในขณะนี้คือผู้ใดที่สังหารแม่ทัพใหญ่เซี่ยวและแย่งชิงไข่มุกมังกรไปรวมทั้งพวกเขาเป็นพี่น้องกันหรือไม่
หากว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน พวกเขาก็ช่างไม่อยากเชื่อจริงๆและไม่สามารถยอมรับได้
กู้ชูหน่วนบีบคางของนางและบังคับให้กู้ชูอวิ๋นมองนางจากนั้นนางก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไข่มุกมังกรลูกที่เจ็ดอยู่ที่ใด?”
“ข้าไม่รู้”
“ดีมาก ใบหน้านี้ของเจ้าช่างงดงามนัก สัมผัสแล้วก็ทั้งเรียบเนียบและบอบบาง แต่ข้าเกลียดใบหน้านี้ของเจ้า ดังนั้น……”
กู้ชูหน่วนพลิกฝ่ามือและมีดที่มีประกายแสงอันเย็นก็ได้อยู่ในมือเสียแล้ว
นางยิ้มอย่างชั่วร้าย “ข้าไม่จำเป็นต้องปล่อยให้งูเป็นหมื่นกัดเจ้า ข้าทำให้เจ้าเสียโฉมเองก็ไม่เลวนะ”
ทันทีที่กล่าวจบกู้ชูหน่วนก็ใช้แรงในมือ บนคอของกู้ชูอวิ๋นก็มีรอยเลือดแผลหนึ่งเพิ่มขึ้น เลือดสีแดงสดไหลช้าๆตามลำคอขาวเรียวของนางราวกับดอกบัวโลหิตที่กำลังผลิบานงดงาม
กู้ชูอวิ๋นเจ็บปวดจึงเอื้อมมือไปปิดคอเลยทันทีแต่กลับคิดไม่ถึงว่ามือขวาเกิดเสียงแคร็กเสียงหนึ่งซึ่งถูกกู้ชูหน่วนหักเลยโดยตรง
“อ๊ะ แผลจากมีดนี้เบี้ยวเสียแล้ว ไม่ได้กรีดลงบนใบหน้าเพียงแค่กรีดลงอที่คอเท่านั้น แต่ถือว่าโชคดีที่แผลจากมีดนี้ลึกไม่พอจึงไม่ได้ตัดคอเจ้าให้ขาด”
“กู้ชูหน่วน ที่ควรพูดข้าก็ได้พูดไปหมดแล้วเจ้ายังต้องการอย่างไรอีก”
“คำตอบที่เจ้าพูดข้าไม่พอใจ และคนอย่างข้าเมื่อไม่พอใจขึ้นมาเรื่องบ้าบิ่นอันใดก็สามารถกระทำออกมาได้”
กู้ชูหน่วนออกแรงกดในมือมือซ้ายของกู้ชูอวิ๋นก็ถูกหักจนนางเจ็บปวดเสียจนหายใจอันเย็นเข้า
มือทั้งสองข้างถูกหักจึงทำได้เพียงให้กู้ชูหน่วนกระทำได้ตามที่ต้องการ ซึ่งความรู้สึกนี้ช่างย่ำแย่ยิ่งนัก
“ข้าจะนับถึงสามหากเจ้าไม่พูดข้าจะกรีดมีดหนึ่งลงบนใบหน้าของเจ้า ใบหน้าอันงดงามเช่นนี้หากว่าถูกกรีดลายพร้อยก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเพียงใดทุกข์ใจ อาจารย์ซั่งกวนก็เป็นหนึ่งในนั่นสินะเดียว”
“หนึ่ง……”
กู้ชูอวิ๋นรู้สึกแน่นในทรวง การแสดงออกอันเฉยเมยบนใบหน้าได้หายไปตั้งนานอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
“สอง……”
กู้ชูอวิ๋นยังคงลังเลว่าจะบอกหรือไม่หรือว่าจะบอกเช่นไร มีดของกู้ชูหน่วนก็ได้กรีดลงไปอย่างดุดันเสียแล้ว
ด้วยความเจ็บปวดบนใบหน้า เลือดอันร้อนค่อยๆไหลรินลงมาตามใบหน้า กู้ชูอวิ๋นตะลึงงันจนลืมความเจ็บปวดบนใบหน้าไปเลย
นางตะโกนร้อง “กู้ชูหน่วนเจ้าบอกว่านับถึงสามไม่ใช่หรือ?”
“โอ๊ย ดูเหมือนว่าข้าจะนับผิดไป ไม่งั้นพวกเรามานับกันใหม่ พี่รองเจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นเพียงคนซื่อบื้อผู้หนึ่ง ทุกคนทั้งใต้หล้ารู้ดีว่าคุณหนูสามแห่งจวนเสนาบดีไม่รู้หนังสือและไม่รู้จักตัวอักษร”
กู้ชูอวิ๋นโมโหจนจะเป็นบ้า
ไม่รู้การเขียน?
ไม่รู้จักตัวอักษร?
นางยังจะเอาหน้าอยู่หรือไม่?
อันดับที่หนึ่งของการชุมนุมแข่งขันวิชาการกลับกล้ากล่าวว่าตนเองไม่รู้จักตัวอักษรหรือ?
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการล้อนางเล่น
“ข้าเริ่มนับใหม่แล้วนะ หากว่านับผิดพี่รองอย่าได้โทษข้านะ”
“หนึ่ง……”
“ครึก……”
ใบหน้าของกู้ชูอวิ๋นเจ็บปวดอีกและเลือดก็หยดลงที่เท้าของนางโดยที่เลอะกระโปรงของนางจนเป็นสีแดง
นางแทบไม่กล้าจินตนาการว่าหน้าตาของตนเองถูกทำให้เสียโฉมหมดแล้วหรือไม่
กู้ชูหน่วนรีบกล่าวว่า “พี่รอง ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มีดในครั้งนี้เบี้ยวไปแต่โชคดีที่ทั้งสองแผลไม่ลึก ฝืนรักษาสักหน่อยก็คงจะสามารถหายคืนได้แต่ก็ไม่รู้ว่าแผลที่สามจะลึกหรือไม่หน่ะสิ”
“ไม่งั้นพวกเรามานับกันใหม่อีกหนึ่งครั้ง? ครั้งนี้ข้าจะนับให้ดีอย่างแน่นอน?” กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม
กู้ชูอวิ๋นระงับความโกรธทั้งหมดพร้อมกับกัดฟันกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ที่สังหารแม่ทัพใหญ่เซี่ยวแต่เจ้าสามารถลงมือจากเผ่าเพลิงฟ้า ไข่มุกมังกรลูกนั้นบางทีพวกเขาอาจแย่งชิงไปที่ข้ารู้มีเพียงเหล่านี้ แม้ว่าเจ้าจะทำลายโฉมหน้าของข้าจนย่อยยับข้าก็ไม่รู้”