กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 670
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 670
ก็เท่านั้นเอง
ต่อให้ผู้หญิงคนนี้จะโหดร้ายกับเขาแค่ไหน เขาก็ไม่อยากเห็นนางตายอยู่ดี
เหวินเส่าอี๋ถอนหายใจอย่างแผ่วเบาและเดินตามผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองไปตลอดทาง เขาอยากรู้ว่ากู้ชูหน่วนจะใช้วิธีไหนเพื่อหลบหนีออกไป
ที่นี่เป็นพื้นที่ราบสูงและกู้ชูหน่วนยังคงมุ่งตรงไปบนยอดเขา ดวงตาที่อบอุ่นของเหวินเส่าอี๋เหลือบมองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่อยู่บนข้อมือของนางอย่างฉับพลันและเหมือนจะเดาได้ว่านางคิดจะทำอะไร
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด กู้ชูหน่วนหยุดบิดขี้เกียจ นางมองสำรวจขอบหน้าผาพลางเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “วิวทิวทัศน์ที่นี่งดงามเหลือเกิน คงจะดีกว่านี้ไม่มีกลิ่นคาวเลือดเหล่านั้น”
“ข้าให้เวลาเจ้าอีกครึ่งก้านธูป ถ้ายังไม่มอบไข่มุกมังกรกับกุญแจให้พวกข้า ข้าจะควักลูกตาของเจ้าก่อน แล้วค่อยปล่อยให้เจ้าชื่นชมความงามของที่นี่ไปชั่วนิรันดร์”
“ก็ได้ สาวน้อยคนนี้จะเชื่อฟังเจ้า”
กู้ชูหน่วนสาวเท้ามุ่งหน้าต่อไปพลางฮัมเพลงไปตลอดทาง
ขณะที่ทุกคนกำลังเผลอ กู้ชูหน่วนก็ถีบตัวกระโดดลงไปจากหน้าผาทันที
เหวินเส่าอี๋ส่ายหน้า
การกระโดดลงไปในหน้าผาลึกถือเป็นความคิดที่ดี แต่น่าเสียดายที่นางประเมินความสามารถของผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ต่ำเกินไป
มีแสงสีเขียววาบขึ้นมา ฝ่ามือของผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ดูเหมือนจะมีชีวิต ทันใดนั้นเถาวัลย์หวายสีเขียวยาวหลายสิบเมตรก็งอกขึ้นมา
เถาวัลย์ที่ดูเหมือนงูเขียวคดเคี้ยวพุ่งลงไปอย่างรวดเร็วและห่อหุ้มร่างกายของกู้ชูหน่วนซึ่งกำลังตกลงไปเอาไว้ จากนั้นจึงดึงนางกลับขึ้นมาบนหน้าผาก่อนจะหายกลับไปในฝ่ามือของผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่อีกครั้ง
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนคนสมองช้าอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
กู้ชูหน่วนตกตะลึงแต่กลับแสร้งทำเป็นตกใจกลัว นางตบหน้าอกของตัวเองไม่หยุดพลางเอ่ยเสียงสั่นว่า “อันตรายเหลือเกิน ถ้าช้ากว่านี้นิดข้าคงตกลงไปร่างแหลกเป็นแน่ ขอบคุณผู้อาวุโสจริงๆ ที่ช่วยชีวิตข้า”
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองชะงัก
พวกเขาไม่คิดว่านางจะหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้ เห็นกันอยู่ว่านางจงใจกระโดดลงไปจากหน้าผา
กู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองคงไม่คิดว่าข้าจะตั้งใจกระโดดลงไปหรอกนะ ในหัวของข้าไม่ได้มีแต่น้ำ ถ้ากระโดดลงไปจากหน้าผาสูงขนาดนี้ ข้าจะรอดได้อย่างไร”
“…..”
เหวินเส่าอี๋เหมือนจะยิ้ม “ท่านจงใจหรือพลาดพลั้ง ตัวท่านเองย่อมรู้ดี”
“เหวินเส่าอี๋ก็พูดเป็นเล่น แม้แต่มดปลวกยังรักชีวิต มีหรือที่คนจะไม่รักตัวกลัวตาย ถ้าเลือกได้ใครบ้างจะไม่อยากมีชีวิต”
“เอาละ ข้าไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น” ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยขัดจังหวะอย่างเย็นชา
“ข้ามภูเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้ว ไปกันเถอะ” กู้ชูหน่วนชี้ไปข้างหน้า ภายในใจยังคิดหาทางหนีตลอดเวลา
ตาเฒ่าสองคนนี้ คนหนึ่งควบคุมฝน คนหนึ่งควบคุมเถาวัลย์หวาย
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ดูเหมือนจะหนีไปได้ไม่ไกลนัก
ถ้าใช้พิษล่ะ?
ความแข็งแกร่งของชั้นสูงสุดระดับหก… นางไม่ได้พกพิษที่ร้ายแรงขนาดจะจัดการพวกเขาติดตัวมาด้วย
กู้ชูหน่วนเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป
นางมองเกลียวหมอกที่บดบังอยู่ตรงหน้าและรู้สึกถึงการหมุนเวียนของก๊าซชีวภาพที่นั่น ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็เกิดความคิดที่เฉียบแหลมขึ้นมาและชี้นิ้วไปทางนั้น “ข้าซ่อนไข่มุกมังกรกับกุญแจไว้ที่นั่น”
ทุกคนต่างเงยหน้ามอง ที่นั่นมีกลิ่นอายของปีศาจพวยพุ่งขึ้นมา อากาศเต็มไปด้วยก๊าซหนองน้ำ เป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
เหตุใดเมืองเล็กๆ เช่นนี้จึงมีกลิ่นอายของปีศาจหนาแน่นขนาดนั้น
“ถ้าพวกเจ้ากลัวนัก จะไม่เข้าไปก็ได้ ข้าไม่มีปัญหา” กู้ชูหน่วนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“เจ้าซ่อนของไว้ที่นั่นจริงรึ แล้วเจ้าเข้าไปได้อย่างไร”
“ข้าไม่ได้เข้าไป แต่ผู้อาวุโสหกแห่งเผ่าหยกบอกว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ภูมิประเทศแห่งนี้เต็มไปด้วยก๊าซชีวภาพ และพวกเจ้าจะหาที่นี่ไม่พบ ดังนั้นเราจึงนำไข่มุกมังกรมาซ่อนไว้ที่นี่เป็นการชั่วคราว หลังจากล่อพวกเจ้าออกไปแล้วจึงจะกลับมานำกลับไป เผื่อเอาไว้”
ผู้อาวุโสหก?
ผู้อาวุโสหกที่ขี้เมาและเจ้าเล่ห์นั่นนะหรือ
ถ้าบอกว่าเป็นคนอื่นพวกเขาอาจไม่เชื่อ แต่ถ้าเป็นผู้อาวุโสหกผู้นั้นก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะซ่อนไข่มุกมังกรไว้ที่นั่น
“จะเอาอย่างไร ไปหรือไม่ไป” กู้ชูหน่วนบุ้ยปากไปทางป่าก๊าซชีวภาพ
“ไป”
กู้ชูหน่วนหยิบยาสองเม็ดออกมา ยื่นให้เหวินเส่าอี๋เม็ดหนึ่งและกินเองอีกเม็ดหนึ่ง
“เพื่อหลีกเลี่ยงพิษ ข้ามีเหลืออยู่แค่สองเม็ด”
เหวินเส่าอี๋ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเหลือยาไว้ให้เขา อย่างน้อยนางก็ยังมีคุณธรรมอยู่บ้าง
เขามีพลังอยู่แค่ระดับหนึ่งและไม่มีทางรับรู้ถึงอันตรายได้เลย แต่เขารู้ดีว่าถึงแม้จะมีอะไรเกิดขึ้น แค่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองก็เพียงพอแล้วที่จะรับมือ
เพื่อเห็นแก่ยาสลายพิษที่นางให้มา เหวินเส่าอี๋จึงใจอ่อนไม่ยอมเปิดโปงเรื่องที่กู้ชูหน่วนโกหก
ในความเป็นจริงต่อให้เขาเปิดโปง กู้ชูหน่วนก็คงมีเหตุผลอีกนับไม่ถ้วนมาหลอกผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ดี
ทันทีที่เข้าไปในป่าหนองน้ำ วิสัยทัศน์ก็เริ่มกลายเป็นสีเทาพร่ามัว ที่นี่มีหมอกหนาจัดจนทำให้เห็นได้เพียงระยะหนึ่งถึงสองเมตรเท่านั้น
“มองเห็นหรือยัง ผู้อาวุโสหกซ่อนไข่มุกมังกรไว้ในถ้ำเล็กๆ บนยอดเขาที่สูงที่สุด”
ท่ามกลางความมืดสลัว กู้ชูหน่วนใช้ผ้าพันคอปิดปากปิดจมูกไว้แน่น จากนั้นจึงชี้ไปยังเงาขนาดยักษ์ที่อยู่ไกลออกไป
นางไม่รู้เหมือนกันว่าตรงนั้นใช่ภูเขาหรือไม่ นางสักแต่ว่าชี้ไปเท่านั้น
หมอกหนาเกินไป และก๊าซชีวภาพที่ลอยอยู่ก็บังคับให้พวกเขาไม่อาจต่อต้าน
พวกเขาพยายามเพ่งมอง
ตรงหน้ามีภูเขาลูกใหญ่อยู่จริงๆ แต่บนภูเขาลูกนั้นไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต ไม่รู้เหมือนกันว่าพืชสีเขียวบนนั้นเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร
ยิ่งเข้าไปลึกมากขึ้นเท่าไหร่ แม้แต่กู้ชูหน่วนกับเหวินเส่าอี๋ที่กินยาสลายพิษไปแล้วก็ยังทนแทบไม่ไหว
เมื่อเห็นว่าก๊าซชีวภาพเริ่มหนาแน่น กู้ชูหน่วนก็รีบหยิบกระปุกบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้วโยนทิ้งลงไปในหนองน้ำที่เต็มไปด้วยก๊าซชีวภาพ จากนั้นจึงคว้าเหวินเส่าอี๋ถลันออกไปยังทางที่เข้ามา
ก๊าซชีวภาพระเบิดขึ้นมาทันทีที่สัมผัสกับประกายไฟ ป่าหนองน้ำกลายเป็นทะเลเพลิงและลุกลามออกไปอย่างรวดเร็ว
เสียงระเบิดตูมตามดังขึ้นมาเรื่อยๆ มีระเบิดปะทุขึ้นมาไม่ขาดสาย
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองมีสีหน้ามืดมน ร่างของพวกเขาหายวับไปและพุ่งไปยังทิศที่เป็นทางออก
ในขณะเดียวกันเถาวัลย์สีเขียวก็พุ่งเข้าไปหวังจะเจาะทะลุหัวใจกู้ชูหน่วน
ขณะที่กำลังจะเจาะทะลุนั่นเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเถาวัลย์จึงเปลี่ยนทิศไปเจาะที่กระดูกสะบัก
ส่วนอีกคนหนึ่งใช้พลังของฟ้าฝนพัดทะเลเพลิงรอบๆ เหวินเส่าอี๋ออกไป ทำให้สายฝนเทกระหน่ำลงมา ช่วยให้เหวินเส่าอี๋ออกไปจากหนองน้ำได้อย่างรวดเร็ว
กู้ชูหน่วนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะเร็วอย่างไรก็ยังช้ากว่าก๊าซชีวภาพที่กำลังระเบิดและเถาวัลย์สีเขียวของผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่
เดิมทีนางก็กำลังสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอยู่แล้ว
เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ร่างกายของนางก็ไหววูบหลบผ่านเถาวัลย์สีเขียวไป ทว่าเถาวัลย์เหมือนจะมีดวงตาและตามโจมตีอย่างต่อเนื่อง ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะพยายามอย่างสุดความสามารถ นางก็ยังหลีกเลี่ยงเถาวัลย์หวายสีเขียวไม่ได้
นางถูกเถาวัลย์ฟาดเข้าที่หน้าอกจนรู้สึกได้ว่ากระดูกซี่โครงหักไปหลายซี่
พรึ่บ!
เถาวัลย์ยังคงโจมตีต่อไป ปลายเถาวัลย์กลายเป็นใบมีดฟาดลงไปหวังจะตัดขาของนาง
กู้ชูหน่วนอยากจะต่อต้าน แต่ร่างกายเหมือนถูกแช่แข็ง ดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด
หัวใจของนางเย็นเยียบ กู้ชูหน่วนเบิกตากว้างจ้องมองเถาวัลย์ที่ฟันเข้ามา ทันใดนั้นก็รู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ขณะที่สถานการณ์อยู่ในภาวะวิกฤต เสียงตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยวของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น “ใครกล้าทำร้ายนาง!”
มีแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านมาพร้อมกับเสียงคำรามนั้น
ที่กลางอากาศมีฝ่ามือขนาดใหญ่ราวกับภูเขาลูกยักษ์ประทับลงมา ทำให้แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่ว