กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 679
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 679
กู้ชูหน่วนมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครในเผ่าหยกร้องขอความเมตตาให้เยี่ยจิ่งหาน และไม่มีใครเห็นใจเขาเลย
ตรงกันข้าม ทุกคนต่างมองไปที่เยี่ยจิ่งหานด้วยสายตาที่แทบอยากจะถลกหนังของเขาออกมา
นางรู้สึกหนาวในหัวใจและกล่าวออกมาทีละคำ “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมเขาถึงบาดเจ็บสาหัสมากเช่นนี้?เป็นเพราะเขาไปแย่งชิงไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดมาให้พวกเรา เขารู้ดีว่าวรยุทธของเขาไม่สามารถเอาชนะเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพลิงฟ้าได้ แต่เขาก็ยังไปแย่งชิงมาอย่างไม่ลังเล หากไม่มีเขา พวกเราก็คงไม่สามารถรวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดได้”
“หากไม่ใช่เพราะแม่ของเขา พวกเราก็คงได้ไข่มุกมังกรเม็ดนี้มาตั้งนานแล้ว และคงไม่ต้องรอมานานหลายปีขนาดนี้ หนี้ของผู้ให้กำเนิดลูกก็ต้องชดใช้ ต่อให้เขาต้องแย่งชิงไข่มุกมังกรมาคืนพวกเราด้วยชีวิต นั่นก็สมควรแล้ว”
กู้ชูหน่วนไม่คิดเลยว่าเหล่าผู้อาวุโสสูงที่มีเหตุผลมาโดยตลอด จะกล่าวอย่างไม่แยแสเช่นนี้
แม่ของเขาก็คือแม่ของเขา เขาก็คือเขา เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?
“แล้วข้าล่ะ ในใจของพวกท่านข้ามีสถานะอย่างไร?พวกท่านนับถือข้าเป็นหัวหน้าเผ่าจริง ๆ หรือว่าเป็นเพราะข้าสามารถหลอมไข่มุกมังกรได้ พวกท่านจึงปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี?”
เสียงของกู้ชูหน่วนสะอื้นไห้ และสีหน้าท่าทางดูเศร้าหมอง
นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันเช่นนี้
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนโศกเศร้า ไอสังหารของเขาก็ปรากฏขึ้นมาในทันที และดอกลำโพงในมือของเขาก็หมุนเป็นเกลียวขึ้นมา
ราวกับว่าหากมีใครกล้าทำร้ายนาง ดอกลำโพงในมือของเขาก็จะทักทายอย่างไม่เกรงใจ
เขาไม่สนใจว่าพวกเขาจะมีกี่คน และไม่สนใจว่าฝีมือของพวกเขาจะความแข็งแกร่งมากแค่ไหน
เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนโศกเศร้า ผู้คนในเผ่าหยกต่างก็เป็นทุกข์
“อาหน่วน เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว พวกเรานับถือเจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าจริง ๆ ต่อให้เจ้าไม่สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้ เจ้าก็ยังเป็นหัวหน้าเผ่าหยกเพียงคนเดียวของของเรา ข้ามันปากเสีย เจ้าจะไม่สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้อย่างไร ท่านต้องสามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้อย่างแน่นอน”
“ในเมื่อพวกท่านยอมรับข้าได้ แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับเยี่ยจิ่งหาน?หรือว่าเขากับข้าไม่ได้เกิดมาจากแม่คนเดียวกัน?”
กู้ชูหน่วนถามอย่างระมัดระวัง นางหวังว่านางกับเยี่ยจิ่งหานจะไม่ใช่พี่น้องที่มีพ่อแม่คนเดียวกัน
สาวกในเผ่าไม่ค่อยเข้าใจมากนัก
แต่ผู้อาวุโสในเผ่าล้วนแต่สีหน้าถอดสี
หัวใจของกู้ชูหน่วนเต้นไม่เป็นจังหวะ มีแสงสว่างวาบขึ้นในใจของนาง และแม้แต่การหายใจก็ถี่ขึ้นด้วย “ข้ากับเขาไม่ได้มีพ่อแม่คนเดียวกันจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
“หัวหน้าเผ่า เราจะไม่พูดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนอีกดีหรือไม่ สิ่งที่สำคัญคือไข่มุกมังกร และเฉินเฟยก็ยังคงรอเจ้าอยู่”
“ไม่ ข้าต้องรู้เดี๋ยวนี้ ข้ากับเยี่ยจิ่งหานไม่ได้มีพ่อแม่คนเดียวกันใช่หรือไม่?นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกท่านสามารถยอมรับข้าได้ แต่กลับเกลียดชังเยี่ยจิ่งหาน”
“แน่นอนว่าเจ้ากับเขาเป็นพี่น้องกัน และเป็นพี่น้องแท้ ๆ” ผู้อาวุโสไป๋เฉ่ากล่าวอย่างหนักแน่น
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ผู้อาวุโสไป๋เฉ่า และไม่เข้าใจว่าทำไมผู้อาวุโสไป๋เฉ่าถึงบอกกับนางเช่นนี้
หรือว่าเพื่อที่จะแยกพวกเขาออกจากกัน?
ก็จริง สิ่งที่แม่ของเยี่ยจิ่งหานทำกับเผ่าหยกในตอนนั้น เขาจึงไม่คู่ควรกับหัวหน้าเผ่า
ยิ่งไปกว่านั้น……
อวี้เอ๋อร์ถูกแม่ของเยี่ยจิ่งหานร้าย นางจึงตายอย่างน่าอนาถอยู่ข้างนอก
ใบหน้าของกู้ชูหน่วนซีดเซียว และแทบจะยืนไม่อยู่ คำพูดของผู้อาวุโสไป๋เฉ่าก้องอยู่ในหัวของนาง พวกเขาเป็นพี่น้องกัน และเป็นพี่น้องแท้ ๆ ……
“อาหน่วน ผู้อาวุโสยังคงกล่าวเช่นเดิม เจ้าจะชอบใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เขา เจ้าไม่อยากฆ่าเขา พวกเรารับปากเจ้าว่าจะไม่ทำอะไรเขาในตอนนี้ หลังจากที่หลอมรวมไข่มุกมังกร และล้างคำสาปโลหิตแล้ว พวกเราค่อยพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง”
กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปในเผ่าด้วยความสิ้นหวัง จากนั้นไม่ว่าเหล่าผู้อาวุโสจะพูดอะไร นางก็ไม่ได้ยินอีก นางรู้เพียงว่าหัวใจของนางเจ็บปวดมาก
และความหวังเล็ก ๆ ของนางก็พังทลายลงเช่นกัน
เหล่าผู้อาวุโสก็รู้สึกลำบากใจ และตามกู้ชูหน่วนกลับเข้าไป
ในเผ่าหยก
สิ่งแรกที่กู้ชูหน่วนทำเมื่อกลับเข้ามาในเผ่า คือการไปเยี่ยมอี้เฉินเฟย
ในเรือนไม้ไผ่ที่ไกลออกไป มีชายคนหนึ่งที่ท่าทางอ่อนโยนและสง่างาม เขาสวมชุดสีขาวและนั่งอยู่บนรถเข็น ในทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวชุดแดงเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้ม
ใบหน้าของชายผู้นั้นสง่างาม และมีรอยยิ้มที่มุมปากของเขา นัยน์ตาทั้งคู่สดใส และมองไปที่หญิงผู้นั้นราวกับหวนคิดถึงอยู่นานกว่าจะขยับเขยื้อน
ราวกับว่าในสายตาของชายผู้นั้น มีเพียงนางเท่านั้นที่อยู่ในสายตาและหัวใจของเขา
เมื่อกู้ชูหน่วนที่กำลังวิ่งเข้ามาเห็นอี้เฉินเฟย ดวงตาของนางก็แดงก่ำ
ไม่เจอกันนาน ท่านพี่เฉินเฟยของนางยังคงสง่างามเหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แววตาที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจของเขา ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
หากพูดถึงการเปลี่ยนไป เขาซูบผอมลง แก้มและเบ้าตาบุ๋มลงไปไม่น้อย จนดูออกว่าเขาป่วยมานานมากแล้ว
นางคิดว่าอี้เฉินเฟยรจะนอนอยู่บนเตียงและไม่สามารถขยับตัวได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะยังสามารถนั่งรถเข็นได้ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะซีดเซียว แต่ก็ยังพอมีชีวิตชีวาอยู่บ้าง ไม่เหมือนกับผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ยิ่งเป็นเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็ยิ่งเป็นกังวล
ท่านพี่เฉินเฟยของนางไม่อยากให้นางต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงฝืนนั่งบนรถเข็นและรอนางกลับมา
ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้ม
อี้เฉินเฟยอ้าแขนออกไป กู้ชูหน่วนน้ำตาไหล นางยิ้มและโผเข้าไปในอ้อมแขนของอี้เฉินเฟยเหมือนเด็ก ๆ
กลิ่นกายของเขายังหอมเหมือนเดิม
ตอนที่อยู่ในอ้อมแขนของอี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น นางคิดถึงความรู้สึกอบอุ่นนี้เช่นนี้เป็นอย่างมาก
“ท่านพี่เฉินเฟย……ข้าขอโทษ ข้าล่าช้าไปนาน……”
“เจ้าเด็กโง่ ท่านพี่เฉินเฟยรู้ว่าเจ้าทำดีที่สุดแล้ว ไม่สำคัญว่าจะหาไข่มุกมังกรเจอหรือไม่ ขอเพียงแค่เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว”
อี้เฉินเฟยยกมือขึ้นลูบผมของนางอย่างเอ็นดู และความรักที่อยู่ในแววตาของเขาก็จะเอ่อล้นออกมา
ความสุขแทรกซึมเข้าไปในไขกระดูก แทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณ และไม่สามารถที่จะปกปิดได้
กู้ชูหน่วนส่งเสียงอืมเบา ๆ
นางรู้ดีว่าในใจของอี้เฉินเฟย นางสำคัญมากกว่าไข่มุกมังกร
นางไม่รู้ว่าอี้เฉินเฟยนั่งรออยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว แต่ใบไผ่ที่ตกอยู่บนพื้นกองเป็นชั้น ๆ
กู้ชูหน่วนต้องการจะตรวจดูชีพจรให้อี้เฉินเฟย แต่ถูกอี้เฉินเฟยดึงกลับไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“เจ้าเดินทางมาเหนื่อย ๆ หิวหรือไม่ ข้าทำขนมเปี๊ยะใส้ใบไผ่ เจ้าลองชิมดูสิ”
ในขณะที่พูด อี้เฉินเฟยก็เบือนหน้าหนี และหมุนรถเข็นเข้าไปของในด้วยตนเอง
เดิมทีกู้ชูหน่วนต้องการจะตรวจดูชีพจรของเขา
ดวงตาอันเฉียบคมของนางพบว่ามีรอยเลือดอยู่ที่ด้านล่างขวาของรถเข็น
ทันใดนั้นหัวใจของนางเต้นแรงขึ้นมา
ไม่ว่านางจะโง่แค่ไหน นางก็ย่อมรู้ว่ารอยเลือดเป็นของอี้เฉินเฟย
หากเขาแข็งแรงดี ทำไมถึงไม่ยอมให้นางตรวจดูชีพจร
“ตอนเด็ก ๆ เจ้าชอบกินขนมเปี๊ยะดอกไม้ที่ข้าทำมากที่สุด เวลาที่ข้าไม่ทำให้เจ้า เจ้าก็จะเอาแต่ใจ และเด็ดดอกไม้ทั้งหมดในเผ่าทิ้ง จนทำให้ข้าถูกผู้อาวุโสตำหนิ”
เมื่อนึกถึงอดีต อี้เฉินเฟยก็มีรอยยิ้ม
อาหน่วนแบกรับภาระหน้าที่อันหนักหนามาตั้งแต่เด็ก
และมีเพียงครั้งเดียวที่นางขอขนมเปี๊ยะดอกไม้จากเขา
ในเวลาต่อมาเขาก็รู้ว่าผู้อาวุโสให้นางออกไปจากเผ่าหยก
นางไม่อยากจากเขาไป จึงใช้วิธีนี้เพื่อก่อกวนเขา
แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือก่อนที่นางจะเด็ดดอกไม้ทั้งหมด เขาได้แอบเก็บดอกไม้ที่ดีที่สุดในเผ่าไว้แล้ว และทำขนมเปี๊ยะดอกไม้มากมาย เพื่อเตรียมที่จะมอบให้นางในวันรุ่งขึ้น
แต่น่าเสียดายที่นางจากไปในคืนนั้น เขาจึงไม่ได้มอบขนมเปี๊ยะดอกไม้เหล่านั้นให้นาง