กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 715
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 715
เหวินเส่าอี๋ถูกลากออกไป และผู้อาวุโสทั้งสองก็ออกไปด้วย
ในห้องขังเหลือเพียงแค่เยี่ยจิ่งหานและกู้ชูหน่วน
บรรยากาศเงียบสงัดอย่างน่าแปลก
เยี่ยจิ่งหานกล่าวว่า “แทนที่จะทำลายวรยุทธของเขา สู้ฆ่าเขาเสียเลยจะดีกว่า เพื่อที่เขาจะได้ไม่มาแก้แค้นเจ้าในภายหลัง”
“นั่นเป็นเรื่องของข้ากับเขา ท่านไม่ต้องมาหนักใจแทนข้า”
กู้ชูหน่วนลุกขึ้น และค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าเยี่ยจิ่งหาน นางหยิบกุญแจออกมาจากอ้อมอก แล้วโยนไปตรงหน้าเยี่ยจิ่งหาน
“ท่านไปเถอะ ท่านกับเจี้ยงเสวี่ยออกไปจากเผ่าหยกซะ ข้าเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว และจะมีคนพาพวกท่านออกไป”
เยี่ยจิ่งหานคิดว่านางจะคิดบัญชีในวันนั้นที่คำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์ เขาสังหารผู้คนของเผ่าหยกนับไม่ถ้วน รวมทั้งผู้อาวุโสเก้าด้วย แต่ไม่คิดว่านางจะให้กุญแจกับเขา และยังเตรียมการให้เขาออกไปจากที่นี่
“คนในเผ่าหยกมากมายแทบรอไม่ไหวที่จะกำจัดข้า หากเจ้าปล่อยข้าไป เหล่าผู้อาวุโสก็จะไม่ยอมรับเจ้า”
“ข้าบอกแล้วว่า เรื่องของข้า ท่านไม่ต้องมาหนักใจแทนข้า”
“หากจะไปก็ไปด้วยกัน”
เขาจะไม่ทิ้งนางไว้ที่เผ่าหยกเพียงลำพัง
แม้ว่านางจะเป็นหัวหน้าเผ่าหยกก็ตาม
เขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าเผ่าหยกเกลียดชังท่านแม่ของพวกเขามากแค่ไหน
หลายปีที่ผ่านมา หากไม่ใช่เพราะเขาวาสนาดี เขาก็คงถูกเผ่าหยกฆ่าตายไปนานแล้ว
และผู้ที่เกิดจากบิดามารดาเดียวกัน เป็นไปได้อย่างไรที่เผ่าหยกจะละเว้นนาง
สาเหตุที่ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี และเลือกให้นางเป็นหัวหน้าเผ่า ก็เพราะว่าต้องการให้นางหลอมรวมไข่มุกมังกร
เมื่อหลอมรวมไข่มุกมังกรแล้ว หรือหากหลอมรวมไข่มุกมังกรไม่สำเร็จ พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยกู้ชูหน่วนไปอย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่ากู้ชูหน่วนจะได้ยินเรื่องน่าขบขัน และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ไปด้วยกันกับท่าน?ทำไมข้าต้องไปกับท่านด้วย?เยี่ยจิ่งหาน ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าหยก ท่านฆ่าคนในเผ่าต่อหน้าต่อตาข้า และฆ่าผู้อาวุโสเก้า ผู้บริสุทธิ์ของเผ่าหยกมากมายต้องตายด้วยน้ำมือของท่าน ท่านไปเอาความกล้ามาจากไหนที่จะให้ข้าไปด้วยกันกับท่าน?”
“ข้าขอโทษสำหรับเรื่องในวันนั้น”
คำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์ เขาเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน
เขาไม่ได้ต้องการฆ่าผู้คนจำนวนมากของเผ่าหยก
“ขอโทษ?คำขอโทษสามารถทำให้ชีวิตของพวกเขากลับคืนมาได้งั้นหรือ?”
“อาหน่วน……”
“เพื่อเห็นแก่เรื่องในอดีต วันนี้ข้าจะปล่อยท่านไป แต่นับจากนี้ต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของเราจบสิ้น ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ”
“เป็นเพราะคำสาปโลหิตของข้าสำแดงฤทธิ์ และฆ่าผู้คนจำนวนมากของเผ่าหยก?”
“ใช่ เหตุผลนี้ยังไม่เพียงพออีกหรือ?”
“แน่นอนนว่าไม่เพียงพอ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้สติ”
“ก็เป็นเพราะท่านไม่ได้สติ ข้าจึงไม่ฆ่าท่าน”
“เป็นเพราะผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าหยกบีบบังคับเจ้าใช่หรือไม่?”
“เยี่ยจิ่งหาน ท่านต้องการบีบบังคับให้ข้าพูดให้ชัดเจนอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยจิ่งหานโซซัดโซเซ และพิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง
คำพูดของกู้ชูหน่วนยังคงก้องอยู่ในหัวของเขา ท่านต้องการบีบบังคับให้ข้าพูดให้ชัดเจนอย่างนั้นหรือ?
นางหมายถึงอะไร?
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขางั้นหรือ?
พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน เป็นสัจธรรมที่พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ทันใดนั้น เยี่ยจิ่งหานก็ไม่กล้าถามอะไรอีก
กู้ชูหน่วนหันกลับมา นางอดทนกับความเจ็บปวดใจและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าสูญเสียความทรงจำ หลังจากที่ท่านพี่เฉินเฟยเสียชีวิต ความทรงจำของข้าก็กลับคืนมา ก่อนที่ข้าจะพบกับท่าน ข้ากับท่านพี่เฉินเฟยต่างฝ่ายต่างรักกัน และสัญญาว่าจะรักกันตลอดไป แต่ข้ากลับจำเขาไม่ได้ และเขาก็รู้ตั้งนานแล้วว่าตัวเองเป็นผู้ที่มีร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์ และต้องสังเวยชีวิต ดังนั้นเขาจึงรักษาระยะห่างกับข้า”
เยี่ยจิ่งหานหรี่ตาลง
สีหน้าของเขาเศร้าหมองในทันที และแทบไม่อยากจะเชื่อคำพูดของกู้ชูหน่วน
“แม้ว่าท่านพี่เฉินเฟยจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เขาจะอยู่ในใจของข้าตลอดไป ส่วนท่าน…..ท่านเป็นเพียงผู้ที่ผ่านเข้ามาในความทรงจำของข้าและหายไป แน่นอนว่าเพราะเราเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ถือเสียว่าเป็นเพียงแค่ความฝัน”
“อาหน่วน……”
“ไปจากเผ่าหยกซะ นับจากนี้ไป ข้าไม่อยากพบท่านอีก”
หลังจากที่พูดจบ กู้ชูหน่วนก็หันหลังจากไป โดยไม่สนใจว่าเยี่ยจิ่งหานจะเจ็บปวดใจมากเพียงใด
เยี่ยจิ่งหานสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ไข่มุกมังกรไม่สามารถหลอมรวมได้ไม่ใช่หรือ?แล้วเจ้าจะหลอมรวมไข่มุกมังกรเพื่อล้างคำสาปโลหิตได้อย่างไร?”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน?”
“สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่ ก็เพื่อที่จะแก้แค้นข้า แก้แค้นที่ข้าฆ่าคนจำนวนมากของเผ่าหยกใช่หรือไม่?”
นางกับอี้เฉินเฟยจะเป็นคู่รักกันได้อย่างไร?
“ต่อให้เป็นการแก้แค้นแล้วอย่างไร อย่าลืมว่าเราสองคนเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน หรือว่าท่านจะทำลายข้อห้าม และอยู่ด้วยกันกับข้า?ต่อให้ท่านอยากจะอยู่ด้วยกันกับข้า ข้าก็ไม่เต็มใจ ในใจของข้ามีเพียงอี้เฉินเฟย”
ประโยคที่ว่าพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ทำให้เยี่ยจิ่งหานอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมา
อาการบาดเจ็บภายในของเขากำเริบขึ้นอีกครั้ง และการกัดกร่อนของคำสาปโลหิตก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นว่าเยี่ยจิ่งหานเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาในทันที
นางอยากจะไปดูอาการบาดเจ็บของเยี่ยจิ่งหาน แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของตัวเอง กู้ชูหน่วนก็หยุดชะงักและไม่เคลื่อนไหวใด ๆ
นางกลัวว่าขืนอยู่ต่อไป ตัวเองจะอดไม่ได้ที่จะใจอ่อน นางจึงทำได้เพียงสะบัดแขนเสื้อ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ในขณะที่เดินจากไป กู้ชูหน่วนก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้
เยี่ยจิ่งหานจ้องมองนางเดินจากไปจากด้านหลัง ราวกับว่ามีก้างปลาติดอยู่ในลำคอของเขา และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
เจี้ยงเสวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ในห้องขัง เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่
เขากล่าวอย่างเป็นกังวล “นายท่าน ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่……?”
เยี่ยจิ่งหานกุมหัวใจของตัวเองไว้แน่น ความเจ็บปวดทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก และจ้องมองกู้ชูหน่วนที่เดินจากไปอย่างไม่ละสายตา
แม้ว่า……
แผ่นหลังของนางจะหายไปจากสายตานานแล้วก็ตาม……
“นายท่าน……ท่านอย่าหาว่าผู้น้อยปากมากเลย ผู้น้อยรู้ว่าท่านรักพระชายา แต่พระชายานาง……นางเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่าน บางทีอะไรที่ควรปล่อยวางก็ควรจะปล่อยวาง…… ”
เหอะ……
ปล่อยวาง?
จะปล่อยวางได้อย่างไร?
นางเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตที่เขาชอบ ฝังลึกลงไปในไขกระดูกและจิตวิญญาณของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยวางได้
“เพื่อพระชายา และเพื่อตัวท่านเอง เช่นนั้น……เราควรไปจากเผ่าหยก และพยายามที่จะรักษาระยะห่างจากพระชายา”
ตอนที่เจี้ยงเสวี่ยพูดประโยคสุดท้าย เสียงของเขาก็เบาลง เพราะกลัวว่าเยี่ยจิ่งหานจะโกรธ
เยี่ยจิ่งหานหลับตาลงอย่างอ่อนแรง และไม่พูดอะไรอยู่นาน เมื่อเห็นเช่นนี้ เจี้ยงเสวี่ยก็เป็นกังวลมากยิ่งขึ้น
ไม่รู้ว่านายท่านกำลังคิดอะไรอยู่
ด้านนอกห้องขัง
ในทันทีที่กู้ชูหน่วนออกมา ผู้อาวุโสหกก็เดินเข้ามาหาและกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “เป็นอย่างไรบ้าง จัดการแล้วหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองผู้อาวุโสหก และรีบเดินไปที่เหวไร้ที่สิ้นสุด
“เหวินเส่าอี๋เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ต้องห่วง ลูกน้องของข้าออมมือแล้ว กระดูกสะบักของเหวินเส่าอี๋ไม่ได้ถูกถอดออกทั้งหมด ขอเพียงเจ้ารักษาได้ทันเวลา กระดูกสะบักของเหวินเส่าอี๋จะเชื่อมต่อได้อย่างแน่นอน”
กู้ชูหน่วนรีบเดินอย่างรวดเร็ว
นางไม่อยากจะคิดเลยว่าหากไม่สามารถช่วยให้กลับมาได้ เช่นนั้นชีวิตของเหวินเส่าอี๋จะไม่ถูกทำลายหรือ?
“อาหน่วน เหวินเส่าอี๋เป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า เหตุใดเราต้องทำให้ผู้คนในเผ่าหยกโกรธเคือง เพื่อที่จะช่วยเขาด้วย?”
“ใช่ เขาเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า แต่เขาไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อเผ่าหยก ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อเผ่าหยกอย่างแน่นอน และเดิมทีเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เรื่องแบบนี้ใครจะไปรู้”
ผู้อาวุโสหกส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แต่ผู้อาวุโสสูงสุด ผู้อาวุโสสูงและคนอื่น ๆ ต้องการที่จะสังเวยชีวิตของเหวินเส่าอี๋ และแม้แต่เยี่ยจิ่งหานก็ต้องการจะวางยาพิษในเหล้าเพื่อฆ่าเขา ผู้อาวุโสหกกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโศกเศร้าเสียใจ จึงแอบบอกแผนการของผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่น
และไม่คิดว่ากู้ชูหน่วนจะคิดหาทางออกด้วยวิธีนี้
และขังไว้ที่เหวไร้ที่สิ้นสุดตลอดไป เพื่อแสดงให้เห็นว่านางเป็นหนึ่งเดียวกับเผ่าหยก และเกลียดเหวินเส่าอี๋เข้ากระดูก
แม้ว่าจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่การใช้วิธีนี้เป็นการจัดการกับเหวินเส่าอี๋อย่างโหดเหี้ยม
และบรรดาผู้ที่มีตำแหน่งสูงของเผ่าหยกก็ยอมรับได้เช่นกัน
ประการที่สองเพื่อที่จะปกป้องเยี่ยจิ่งหาน นางจงใจลงมือกับเหวินเส่าอี๋ก่อน เพื่อสร้างความสับสนให้กับบรรดาผู้ที่มีตำแหน่งสูงของเผ่าหยก
และอีกด้านหนึ่งก็ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อข่มขู่ และบีบบังคับให้ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่น ๆ ปล่อยเยี่ยจิ่งหานไป
เดิมทีเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดต้องการจะฆ่าเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหาน
แต่กู้ชูหน่วนฆ่าหนึ่งคนเพื่อปกป้องหนึ่งคน สำหรับพวกเขาแล้ว ถือว่าเป็นการก้าวลงจากตำแหน่ง
ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่น ๆ คำนึงถึงความรู้สึกและตำแหน่งของหัวหน้าเผ่า จึงทำได้เพียงยอมปล่อยเยี่ยจิ่งหานไป
แต่……
เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมอาหน่วนถึงพูดกับเยี่ยจิ่งหานอย่างโหดร้ายและไร้ความปรานีเช่นนั้น
หรือว่านางคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองกับเยี่ยจิ่งหานเป็นพี่น้องกัน?
ก็จริง ไม่มีใครบอกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับนาง อาหน่วนคงคิดว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ
ผู้อาวุโสหกอยากจะบอกความจริงกับกู้ชูหน่วน
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่อิ่งจื่อทำกับอดีตหัวหน้าเผ่า รวมทั้งเรื่องที่ทำกับเผ่าหยก เขาก็ไม่สามารถให้อภัยได้จริง ๆ
“อาหน่วน เรื่องที่พวกเราไปที่เหวไร้ที่สิ้นสุด หากผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่น ๆ รู้จะทำอย่างไร?เจ้าว่าพวกเขาจะขับไล่ข้าออกจากเผ่าหยกหรือไม่?หากพวกเขาขับไล่ข้าออกไป เจ้าต้องช่วยพูดแทนข้าด้วยนะ”
“ไม่ต้องกังวล ต่อให้ผู้อาวุโสสูงสุดจะรู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร”
อย่างมากเขาก็แค่โกรธ และฆ่าเหวินเส่าอี๋
เมื่อนึกถึงรายงานเมื่อครู่
พวกตาเฒ่าของเผ่าเพลิงฟ้าคงจะอยู่ข้างนอกอย่างไม่ยอมแพ้ และคงพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้ามาในเผ่าหยก และเป็นไปได้ว่าจะทำลายเขตอาคมที่สองของเผ่าหยก
กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดที่ช่วยชีวิตเหวินเส่าอี๋
แต่หากไม่ช่วย นางก็คงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
ไม่นานกู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสหกก็ผ่านการคุ้มกันที่แน่นหนาและกลไกต่าง ๆ มาจนถึงเหวไร้ที่สิ้นสุด
ได้ยินชื่อก็รู้ถึงความหมายแฝง เหวไร้ที่สิ้นสุดซ่อนอยู่ในหุบเขาของเผ่าหยก ที่นี่มองไม่เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดทั้งปี มีเพียงกลิ่นเหม็นเน่าและความมืดมิด
“อยู่ที่ไหน?”
ข้างหน้ามีห้องขังมากมาย กว่าจะหาแต่ละห้องได้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
ด้วยอาการบาดเจ็บของเหวินเส่าอี๋ ไม่อาจล่าช้าได้ หากล่าช้าต่อไป นางไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมาเลยจริง ๆ
“นี่……เมื่อหลายปีก่อน ข้าเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นข้าเมามาก อันที่จริงมีกี่ห้องนั้น ข้า……จำไม่ได้แล้ว และไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี๋ถูกขังไว้ที่ไหน”
“ท่านกับผู้อาวุโสรองพาตัวเขาเข้ามาที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ ข้ากับผู้อาวุโสรองพาตัวเขาเข้ามาที่นี่ แต่……แต่พวกเขาเห็นว่าดื่มสุรามากเกินไปและอาจจะก่อเรื่องวุ่นวาย จึงไม่ให้ข้าเข้ามา ดังนั้น……”
กู้ชูหน่วนโกรธมาก
นางสั่งนักสั่งหนาว่าต้องรู้ให้ได้ว่าเหวินเส่าอี๋ถูกขังอยู่ที่ห้องไหน เพราะเขาเหลือเวลาไม่มาก
หากล่าช้าไปแม้แต่น้อย เหวินเส่าอี๋ก็อาจจะพิการ
แต่ในตอนนี้ ผู้อาวุโสหกกลับบอกนางว่าเขาไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี๋ถูกขังไว้ที่ไหน