กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 718
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 718
“ทำลายเขตอาคม ทำลายเขตอาคมไปกี่ชั้นแล้ว?” แม้แต่ผู้อาวุโสหกก็ตกใจเช่นกัน
แม้จะรู้ว่าเขตอาคมที่สองไม่อาจขวางกั้นพวกเขาได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขตอาคมที่สองจะถูกทำลายเร็วขนาดนี้
“ชั้นที่สอง”
“แล้วชั้นที่สามล่ะ?”
“ชั้นที่สามยังไม่ถูกทำลาย ผู้อาวุโสสูงบอกว่าไม่สามารถทำได้ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดบอกว่าหากยอดฝีมือออกมา พวกเขาเผ่าเพลิงฟ้าอาจจะสามารถทำลายเขตอาคมชั้นที่สามได้”
“เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“แล้วท่านไม่ไปหรือ……”
“บอกให้เจ้าไปก็ไปสิ จะพูดอะไรมากมายนัก”
“ขอรับ……”
หลังจากที่คนรับใช้ออกไปแล้ว ผู้อาวุโสหกก็เดินไปหากู้ชูหน่วน และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “อาหน่วน เจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ยอดฝีมือของเผ่าเพลิงฟ้าจะออกมาโจมตีเผ่าหยกของพวกเรา?”
กู้ชูหน่วนส่ายหัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “บางทีอาจจะเป็นไปได้”
“หากต้องต่อสู้กันจริง ๆ ระหว่างเผ่าหยกกับเผ่าเพลิงฟ้ายังไม่รู้ว่าชัยชนะจะตกอยู่ในมือใคร อีกอย่างก็อยู่ในอาณาเขตของเผ่าหยก แน่นอนว่าเผ่าหยกของเราย่อมได้เปรียบ หากพวกเขากล้ามา ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้กลับไปแม้แต่คนเดียว”
“ภายนอกฝีมือของเผ่าหยกกับเผ่าเพลิงฟ้าอาจจะพอ ๆ กัน แต่ในความเป็นจริง……หากต้องต่อสู้กัน แน่นอนว่าเผ่าหยกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเผ่าเพลิงฟ้า”
กู้ชูหน่วนหยุดชะงักและกล่าวต่อว่า “เพื่อที่จะผนึกคำสาปโลหิตของข้า เผ่าหยกต้องสละชีวิตของผู้อาวุโสสูงสุดไปมากมาย และสูญเสียพละกำลังไปไม่น้อย โชคดีที่เผ่าหยกมีสายสนกลในมานับพันปี และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้คือค่ายกลพิฆาต”
“แน่นอน บรรพบุรุษทิ้งสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย”
“เผ่าหยกไม่ได้ต่อสู้กับเผ่าเพลิงฟ้าอย่างเป็นทางการมานานแล้ว?ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้ารู้ว่าเผ่าเพลิงฟ้ามียอดฝีมือระดับเจ็ดหรือไม่?”
“หากพวกเขามียอดฝีมือระดับเจ็ด ก็คงจะจัดการกับเผ่าหยกของพวกเราไปนานแล้ว และไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้”
“ในตอนแรกข้าก็เป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด แต่ข้าก็ไม่ได้ไปโจมตีเผ่าเพลิงฟ้า?”
“ท่านทำให้ข้าสับสน ท่านต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
“เผ่าเพลิงฟ้าน่าจะวางแผนที่จะโจมตีเผ่าหยกมานานแล้ว เพียงแต่พวกเขาหาทางเข้าเผ่าหยกไม่พบ และครั้งนี้ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพบทางเข้าเท่านั้น แต่เป็นเพราะพวกเราจับตัวเหวินเส่าอี๋นายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าไว้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีเหตุผลที่ดีที่จะโจมตีเผ่าหยก”
“ดังนั้นท่านหมายความว่า…..พวกเขาจะโจมตีเผ่าหยกอย่างสุดกำลัง?”
“ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเราพบไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดแล้ว หากพวกเขาไม่ฉวยโอกาสสุดท้ายที่จะล้มล้างเผ่าหยกของเรา หากหลอมรวมไข่มุกมังกรได้แล้ว ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาในการทำลายเผ่าหยก?”
“เช่นนั้นจะตะลึงอะไรอยู่ รีบไปหาเหล่าผู้อาวุโสสูงเร็วเข้า”
“ผู้อาวุโสสูงสุดน่าจะเดาเรื่องนี้ได้แล้ว เขาถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนี้”
กู้ชูหน่วนมองไปที่เหวินเส่าอี๋ที่ยังคงหมดสติอยู่บนหลังของตัวเอง
เดิมทีพวกเขายังไม่สามารถทำลายเขตอาคมชั้นที่สอง ดังนั้นนางจึงสามารถส่งเหวินเส่าอี้ออกไปได้
แต่ในตอนนี้เขตอาคมชั้นที่สองได้ถูกทำลายแล้ว และเหลือเพียงชั้นที่สามเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถออกไปได้แล้ว
และไม่สามารถส่งเหวินเส่าอี๋ออกไปได้เช่นกัน
นอกเสียจากผู้อาวุโสสูงสุดจะยอมปล่อยเขาไป
แต่หากผู้อาวุโสสูงสุดยอม แล้วเขาจะฆ่าเหวินเส่าอี๋ได้อย่างไร?
นางรู้สึกลำบากใจ
หลังจากที่คิดไปคิดมาแล้ว ก็ไม่รู้จะจัดการกับเหวินเส่าอี๋อย่างไรดี
ผู้อาวุโสหกก็ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรเช่นกัน เขาจึงกล่าวว่า “เช่นนั้นเราโยนเขากลับไปที่เหวไร้ที่สิ้นสุดเถอะ”
กู้ชูหน่วนจ้องมองไปที่เขา
โยนกลับไปที่เหวไร้ที่สิ้นสุด?เช่นนั้นจะต่างอะไรกับการฆ่าเขา
“กระดูกสะบักของเขาถูกถอด ไร้วรยุทธ อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะพยายามรักษาเขาอย่างเต็มที่ ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรักษาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้เรามีศัตรูอยู่ตรงหน้า จะมีเวลารักษาเขาได้อย่างไร?”
“พาเขาไปที่ห้องของข้าก่อน”
“เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ พาเขาไปที่ห้องของเจ้า?เขาเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า เจ้าไม่กลัวว่าผู้อื่นจะรู้หรือ?”
“ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด อีกอย่างในห้องของข้าก็มีห้องลับไม่ใช่หรือ?พาเขาไปในห้องลับก่อน ใครจะไปรู้”
เขาทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพิจารณาไตร่ตรอง
เมื่อคิดถึงเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็เร่งฝีเท้า และหลบหลีกการคุ้มกันที่แน่นหนา และวางเหวินเส่าอี๋ไว้ที่ห้องลับในห้องนอนของตัวเอง
จากนั้นก็กล่าวว่า “ท่านประกาศคำสั่งของข้าให้รวบรวมคนในเผ่าทั้งหมด ห้ามตกหล่นแม้แต่คนเดียว”
“ทั้งชายหญิง ทั้งคนแก่และเด็กเลยหรือ?”
“ใช่”
หลังจากที่รวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดได้แล้ว ผู้อาวุโสหกก็ดื่มสุราน้อยลง
เขาไม่ได้ใส่ใจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีกะจิตกะใจ
เขารู้ดีกว่าใครว่าสถานการณ์ของเผ่าหยกในตอนนี้อันตรายมากแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงทำตามที่นางบอกอย่างรวดเร็ว
ในห้องลับ
กู้ชูหน่วนตรวจดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแน่ใจว่าเลือดของเหวินเส่าอี๋หยุดไหลแล้ว ภายในสามเขาก็จะพ้นขีดอันตราย และสามารถไปจากห้องลับได้
สามวัน……
นางมีเวลาเพียงสามวัน
หากไม่รักษาบาดแผลของเขาให้หายได้ภายในสามวัน
แม้แต่ชีวิตของเขาก็จะถูกคุกคาม
ในห้องปรึกษากิจ
ผู้อาวุโสของเผ่าหยกมารวมตัวกันที่นี่
ในทันทีที่กู้ชูหน่วนเข้ามา ทุกคนก็คุกเข่าลงเพื่อคารวะ
ผู้อาวุโสรองเข้าประเด็น “หัวหน้าเผ่า ท่านเรียกให้คนในเผ่าทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่ แล้วให้พวกเขาทำความเคารพ นี่จะไม่เป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยหรือ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสามารถทำลายเขตอาคมที่สามได้”
“แล้วหากพวกเขาสามารถทำลายได้ล่ะ?ใครจะปกป้องชาวบ้านมือเปล่าจำนวนมากของเผ่าหยก?ท่านเพียงคนเดียวงั้นหรือ?”
“เผ่าหยกไม่ได้เข้ามาได้ง่าย ๆ และพวกเขาจะบุกเข้ามาได้อย่างไร?”
“แต่พวกเขาก็บุกเข้ามาได้แล้วไม่ใช่หรือ?ลำพังท่าน ท่านสามารถทำลายเขตอาคมชั้นแรกของเผ่าเพลิงฟ้าได้งั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสรองสำลักจนพูดไม่ออก
ผู้อาวุโสสูงเลิกคิ้วขึ้น “แล้วในตอนนี้เจ้าวางแผนจะรับมือกับพวกเขาอย่างไร?”
“เผ่าหยกเป็นเผ่าที่มีเก่าแก่นับพันปี ข้าไม่เชื่อว่าบรรพบุรุษจะไม่คำนึงถึงเรื่องนี้ เส้นทางสำรองของเผ่าหยก หรือสถานที่สำรองของเผ่าหยกล่ะ?”
“เมื่อเส้นทางสำรองนี้เปิดออก เผ่าหยกทั้งหมดก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านที่บินว่อน นอกเสียจากจะเป็นวินาทีสุดท้าย มิเช่นนั้น……เผ่าหยกจะไม่สามารถเปิดเส้นทางสำรองได้”
คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดนั้น เทียบได้กับการยอมรับว่านั่นเป็นหนทางสุดท้าย
แต่เขาไม่ได้สนับสนุนให้เปิด และปล่อยให้ชาวบ้านเข้าไป เขาไม่สามารถละทิ้งเผ่าหยกได้
ผู้อาวุโสรองและคนอื่น ๆ ก็ไม่เห็นด้วย
ยังไม่ได้ต่อสู้เลย จะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะแพ้หรือชนะ บางทีพวกเขาอาจจะจัดการเผ่าเพลิงฟ้าได้ในคราวเดียวก็ได้
กู้ชูหน่วนมองไปที่ผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ
แม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายจะหวาดกลัวเผ่าเพลิงฟ้า แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่จะยอมแพ้
กู้ชูหน่วนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แม้ว่าพวกท่านจะไม่ยอมรับ ก็ต้องให้ผู้คนเก็บสัมภาระเตรียมไว้ และรอฟังข่าวเรื่องเส้นทางสำรอง หากเกิดอะไรขึ้นกับเผ่าหยก……ให้พวกเขาเข้าไปในทันที เช่นนี้ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ”
ผู้อาวุโสรองบ่นพึมพำ “ผู้อาวุโสสูงสุดหวาดกลัวก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมหัวหน้าเผ่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเขา”
หลังจากที่เขาบ่นพึมพำเสร็จ สาวกคนหนึ่งก็รีบมารายงานว่า “หัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสทุกท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เขตอาคมชั้นที่สามได้ถูกทำลายลงแล้วขอรับ”
ฮ้า……
ทุกคนต่างอ้าปากค้าง และมีหลายคนที่ลุกขึ้นในทันที
“เขตอาคมชั้นที่สามถูกทำลายลงแล้ว?เป็นไปได้อย่างไร แม้แต่ยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับเจ็ดก็ยังยากที่จะทำลายเขตอาคมชั้นที่สามได้”
“ขอรับ เขตอาคมชั้นที่สามถูกทำลายลงแล้ว และในตอนนี้หากพวกเขาสามารถทำลายค่ายกลพิฆาตได้ พวกเขาก็จะมาถึงใจกลางของเผ่าหยก”
ประโยคนี้ร้ายแรงมากเกินไป
หรือว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะมียอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับเจ็ด?
หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ แสดงว่าคราวนี้เผ่าหยกกำลังตกอยู่ในอันตราย และอาจจะถูกล้มล้าง
เป็นไปได้ยากที่ยอดฝีมือระดับเจ็ดจะเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วจะพูดถึงยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับเจ็ดได้อย่างไร
บทที่ 717
บทที่ 719