กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 729
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 729
“อย่าลืมสถานะของเจ้า แม้ว่าเจ้าจะมีวรยุทธขั้นสูงสุดระดับหก แต่อยู่ที่เผ่าเพลิงฟ้าเจ้าก็เป็นเพียงแค่ผู้ที่คอยทำตามคำสั่ง นับจากนี้ไปเจ้าประพฤติตัวให้ดี ๆ จะดีที่สุด หากเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยของเผ่า เจ้าก็อย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสงบสุข ฮึ…… ตามหานายน้อยและไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ด รวมทั้งเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าหยกต่อไป”
ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่เป็นห่วงเหวินเส่าอี๋ จึงนำคนของเผ่าเพลิงฟ้าไปค้นหาต่อไป
เขาไม่เห็นความโหดเหี้ยมในแววตาของเงา แต่กู้ชูหน่วนยังสัมผัสได้อย่างชัดเจน
นอกจากความโหดเหี้ยมแล้ว ยังมีไอสังหารอีกด้วย
หญิงผู้นี้อยากที่จะฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่……
ก็จริง……
เผ่าเพลิงฟ้ามียอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกมาทั้งหมดห้าคน และในตอนนี้ตายไปสามคนแล้ว เหลือเพียงอีกสองคนเท่านั้น
หากเงาลอบลงมืออย่างอำมหิต บางทีอาจจะสามารถฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเย่ได้
สุนัขกัดกัน นางไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
นางเพียงต้องการจะไปหาเหวินเส่าอี๋โดยเร็วที่สุด
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว กู้ชูหน่วนก็จาก นางใช้ความคุ้นเคยกับสถานที่ เพื่อหลีกการลาดตระเวนของเผ่าเพลิงฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า จนมาถึงหน้าประตูห้องนอนของนาง
มีสาวกของเผ่าเพลิงฟ้ามากมายเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของนาง
กู้ชูหน่วนคิดหาวิธีว่าจะล่อให้พวกเขาออกไปได้อย่างไร แล้วค่อยย่องเข้าไป
ทันใดนั้น เมื่อนางมองผ่านหน้าต่างเข้าไป นางก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่นางไม่อยากเห็น เงา
เงาอยู่ในห้องนอนของนาง ดูเหมือนเงากำลังพึมพำกับภาพเหมือนในห้องนอนของนาง เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวร่ายรำ
หากเพิ่งได้พบนาง เกรงว่ากู้ชูหน่วนจะคิดว่าหญิงผู้นี้เป็นบ้า
เสียงมุทะลุดังเข้ามาในหูของนาง
“พี่หญิง นี่เป็นภาพเหมือนบุตรสาวของท่านใช่หรือไม่?ช่างอัปลักษณ์ อัปลักษณ์เหมือนท่าน”
“ท่านตายไปแล้ว แต่ทำไมบุตรสาวของท่านถึงยังมีชีวิตอยู่ เพื่อทำให้ข้าอึดอัดใจงั้นหรือ?”
“ในตอนนั้นท่านทำทุกอย่างเพื่อที่จะปกป้องบุตรสาวของท่าน ช่างเป็นสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่ลูก ในฐานะพี่น้องของท่าน ข้าควรจะปกป้องนางให้ดี แต่ข้าเกลียดท่าน”
“ขอเพียงเป็นสิ่งที่ท่านสนใจ สิ่งที่ท่านชอบ ข้าก็จะทำลายมันทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่นเผ่าหยกหรือบุตรสาวของท่าน ฮ่า ๆ ๆ ……”
“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้นางตายง่าย ๆ ข้าจะค่อย ๆ ทรมานนาง เหยียบย่ำเผ่าหยก และเอาคืนนางเป็นร้อยเท่าพันเท่า ฮ่า ๆ ๆ……”
กู้ชูหน่วนได้ยินแล้วก็อยากจะถ่มน้ำลาย
หญิงผู้นี้เป็นคนปกติจริง ๆ หรือ?
เกรงว่าจะเป็นคนบ้า
การมีแม่เช่นนี้ ช่างเป็นความอัปยศอดสูของเยี่ยจิ่งหานจริง ๆ
หากใครกล้าทำผิดต่อนาง นางก็จะไปล้างแค้นคนผู้นั้น
“ข้ารู้ว่าในเวลานี้บุตรสาวของท่านอยู่ที่เผ่าหยก นางยังไม่ได้จากไป และข้าก็รู้ว่าซากกระดูกของท่านต้องถูกฝังอยู่ที่เผ่าหยกอย่างแน่นอน ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะหาพวกท่านให้พบ การละเล่นแมวจับหนูก็ดูน่าตื่นเต้นไม่ใช่หรือ?”
“ในตอนนั้นท่านถามข้าว่าทำไมข้าถึงทำเช่นนั้น แล้วท่านว่าทำไมกัน?”
“เป็นหญิงสาวของเผ่าหยกเหมือนกัน แต่ทำไมท่านเกิดมาก็ได้รับแต่สิ่งดี ๆ และเหล่าผู้อาวุโสก็เอ็นดูท่าน แต่ข้ากลับเป็นได้เพียงเงาของท่าน ทำเรื่องที่สกปรกที่สุด ทนทุกข์ทรมานกับการฝึกฝนที่ยากที่สุด อีกทั้งยังต้องมารับเคราะห์แทน และต้องตายแทนท่านได้ทุกเมื่อ”
“ท่านเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ ข้าทนรับได้ แต่ทำไม……ทำไมคนที่เขาชอบถึงเป็นท่าน ไม่ใช่ข้า ท่านทำเสน่ห์อะไรใส่เขา ถึงทำให้เขาไม่เคยลืมท่านได้เลย”
กู้ชูหน่วนสับสนงุนงง
นางพูดว่าเขา หมายถึงใคร?
จักรพรรดิเยี่ย?
เป็นเพราะผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทำให้ต้องแตกคอกับแม่ของนาง?
“เพื่อที่จะทำหน้าที่แทนท่านได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ใบหน้าของข้าจึงชุ่มไปด้วยยามาตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่จะได้มีหน้าตาเหมือนกันกับท่าน ใบหน้านี้งดงามมาก แต่ข้าเกลียดใบหน้านี้ ดังนั้นข้าจึงทำลายมัน และทุกอย่างที่เกี่ยวกับท่าน ข้าก็จะทำลายมันด้วย ท่านอยากเห็นหรือไม่ว่าในตอนนี้หน้าตาของข้าเป็นอย่างไร?”
“ท่านคงไม่อยากเห็นใช่หรือไม่ แต่ข้าอยากให้ท่านมองให้ดี ๆ ”
ในขณะที่ฮวาอิ่งกล่าว นางก็ถอดหน้ากากออกจากใบหน้าของนาง
เมื่อเห็นใบหน้าของนาง กู้ชูหน่วนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
นี่มันใบหน้าอะไรกัน
ใบหน้าขรุขระที่เต็มไปด้วยรอยมีดและรอยกัดกร่อนจากพิษบางอย่าง เห็นแล้วก็น่าสยดสยอง และแทบไม่มีส่วนใดของใบหน้าที่สมบูรณ์เลย
โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากถึงคางถูกมีดเฉือนจนเป็นรอยลึกมาก จนเกือบเฉือนใบหน้าครึ่งหนึ่งของนาง
นางรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
อัปลักษณ์
อัปลักษณ์มาก ๆ
เมื่อก่อนนางก็เคยเป็นหญิงอัปลักษณ์
แต่ก็ไม่ได้อัปลักษณ์เช่นนาง
“โครมคราม……”
ทันใดนั้น เสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นไม่ไกล
เสียงนั้นเล็กมาก แต่กู้ชูหน่วนและเงาก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
ฮวาอิ่งซัดฝ่ามือออกไป และนางก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ใคร?”
หลังจากที่พูดจบ นางก็เห็นเงาแวบ ๆ ผู้หญิงที่อยู่ข้างในตามเสียงออกไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าพวกเขาจากไปไกลแล้ว กู้ชูหน่วนก็หยิบหินก้อนหนึ่งโยนไปทางซ้าย เพื่อล่อให้สาวกของเผ่าเพลิงฟ้าที่เฝ้าอยู่หน้าห้องนอนออกไป จากนั้นก็นางแอบเข้าไปในห้องนอน
ในห้องนอนมีภาพเหมือนของนาง ภาพเหมือนถูกกรีดด้วยมีดนับไม่ถ้วน จนมองไม่เห็นใบหน้าเดิม
นอกจากนี้ยังมีเข็มบาง ๆ หลายพันเล่มติดอยู่ที่ร่างในภาพเหมือนด้วย มองแวบแรกดูเหมือนกับเม่น
กู้ชูหน่วนส่ายหัว และไม่อยากสนใจภาพเหมือนของตัวเอง นางเหลือบมองซ้ายขวาเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ จากนั้นก็เปิดประตูลับของห้องลับอย่างคล่องแคล่ว
“แครง” เสียงดังขึ้น
ประตูห้องลับเปิดและปิด
กู้ชูหน่วนเดินไปตามเส้นทางลับ และในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่พาเหวินเส่าอี๋มาไว้
เหวินเส่าอี๋ยังคงนอนหมดสติและยังไม่ฟื้น
รอบ ๆ ตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด และคราบเลือดก็แห้งสนิท
กู้ชูหน่วนรีบก้าวไปข้างหน้า เพื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา
สีหน้าของเหวินเส่าอี๋ซีดเผือด ลมหายใจแผ่วเบา หลายส่วนของร่างกายเน่าเปื่อยและมีหนองไหล ทำให้เกิดกลิ่นเน่าเหม็น โดยเฉพาะเลือดเนื้อที่ถูกฉีกออกมา น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
กู้ชูหน่วนป้อนยาให้เขา และถ่ายทอดกำลังภายในของตัวเองเข้าไปในร่างกายของเขา
นางเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ดังนั้นจึงมีกำลังภายในเหลือไม่มากนัก และถ่ายทอดให้เขาได้อย่างจำกัด
ชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เดิมทีกำลังภายในของนางเปล่าประโยชน์ เพียงแต่สามารถที่จะยื้อชีวิตของเขาไว้ได้ชั่วคราว และจำเป็นต้องหาผู้ที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งมาถ่ายทอดลมปราณที่แท้จริงให้กับเขา
ในเวลาเดียวกันก็ต้องหาสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อขูดเนื้อที่เน่าเปื่อยของเขาออกไป
หลังจากนั้นสักพัก กู้ชูหน่วนก็เก็บกำลังภายใน นางแบกเหวินเส่าอี๋ที่บาดเจ็บสาหัสและหมดสติขึ้นมาบนหลังของนาง จากนั้นก็เดินโซเซไปตามเส้นทางลับ และเตรียมที่จะพาเหวินเส่าอี๋ออกไปจากห้องลับโดยเร็วที่สุด
กู้ชูหน่วนรู้สึกประหม่ามาก นางพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยรักษาบาดแผลและชีวิตของเขา
น้ำหนักทั้งหมดอยู่บนร่างของกู้ชูหน่วน และกู้ชูหน่วนก็ถูกทับจนเกือบจะล้มลง แต่ในที่สุดก็ออกมาจากห้องลับได้
โชคดีที่ไม่มีใครพบพวกเขา
ไม่นานกู้ชูหน่วนก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อครู่มีสาวกของเผ่าเพลิงฟ้าคอยเฝ้าอย่างแน่นหนา แต่ในตอนนี้ไม่มีสาวกแม้แต่คนเดียว ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นไปไหน
ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ใบหน้าของนางถอดสี และต้องการออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
บทที่ 728
บทที่ 730