กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 741
กู้ชูหน่วนและเสี่ยวลู่มองหน้ากัน
เผ่าเพลิงฟ้ามีการดำรงอยู่ของระดับเจ็ดอย่างแท้จริง
ดูท่าการคิดจะทำลายเผ่าเพลิงฟ้า อาจจะยากกว่าที่คิดไว้
“ได้ยินมาว่า รองหัวหน้าเผ่าซือคงรับตัวหญิงงามนางหนึ่งกลับมาอยู่ด้วยกันนานแล้ว ทั้งยังวางแผนจะออกเรือนกับหญิงสาวผู้นั้นอีกด้วย”
“ว่าอย่างไรนะ… รองหัวหน้าเผ่าซือคงชื่นชอบจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ไม่ใช่หรือ? หลังจากที่จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ฆ่าตัวตาย สภาพจิตใจของรองหัวหน้าเผ่าเปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงแต่จะไม่มีความสุขแล้ว ทั้งยังโหดร้ายทารุณอีกด้วย เหล่าลูกศิษย์ภายในเผ่าของเราต่างก็ตายด้วยน้ำมือของรองหัวหน้าเผ่าทั้งสิ้น”
“ชู่ว์ ถ้าเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ก็พูดเสียงดังไปเลยสิ รองหัวหน้าเผ่าไม่อยู่ ผู้อาวุโสไท่ซั่งหลายท่านตายอย่างน่าอนาถในเผ่าหยก ตอนนี้เผ่าเพลิงฟ้าปล่อยให้รองหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสคนสนิทเหล่านั้นตั้งตนเป็นใหญ่ ถ้ามีคนมาได้ยินเข้า แล้วเอาไปรายงานต่อรองหัวหน้าเผ่า ข้าว่าแม้แต่ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าก็คงรักษาไว้ไม่ได้”
“ใช่ ใช่ ใช่ เหตุใดข้าถึงลืมไปได้ โชคดีที่เจ้าเตือน”
ลูกศิษย์ผู้นั้นจึงหันซ้ายและขวาจนมั่นใจว่าไม่มีผู้ใด จึงกล่าวเสียงต่ำว่า “ทุกคนต่างทราบกันดี ว่ารองหัวหน้าเผ่ามีความลึกซึ้งต่ออัครมเหสีฉู่ ก่อนหน้านั้นยอมละเมิดกฎของเผ่าอย่างไม่ลังเล ครานี้อัครมเหสีฉู่ก็ได้จากไปแล้ว จะโจมตีเขาถือว่าเรื่องใหญ่ ว่ากันว่ารองหัวหน้าเผ่าจะไม่ชื่นชอบหญิงสาวนางไหนอีก แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าหญิงสาวที่มาใหม่ผู้นั้นมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับอัครมเหสีฉู่มากทีเดียว”
“คล้ายกัน? เป็นไปได้อย่างไร…นอกจากว่าจะเป็นพี่น้องฝาแฝด”
“เจ้าเดาถูก รองหัวหน้าเผ่าส่งคนไปตรวจสอบ พวกนางเป็นพี่น้องฝาแฝดกันจริง ๆ เพียงแต่ต้องแยกจากกันตั้งแต่เด็ก เพราะเหตุนี้อัครมเหสีฉู่จึงไม่รู้ว่าตัวเองยังมีน้องสาวฝาแฝดอีกคน”
“นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก คงไม่มีใครปลอมตัว จงใจสร้างความสับสนให้รองหัวหน้าเผ่าหรอกกระมัง”
“รองหัวหน้าเผ่าเองก็เคยสงสัยเช่นกัน จึงส่งคนไปตรวจสอบเป็นจำนวนมาก แต่ผลการตรวจสอบที่ออกมาคือ เมื่อครั้งพวกนางยังเด็กได้ประสบกับความอดยากและหายตัวไป สถานะของหญิงสาวที่มาใหม่ผู้นั้นขาวสะอาด ไม่มีทางโกหกแน่นอน”
“มิน่าล่ะช่วงนี้รองหัวหน้าถึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนอนของเขาไม่ยอมออกมา ที่แท้ก็มีนังหนูซุกซ่อนไว้นี่เอง”
“ก็ไม่เชิง หญิงสาวผู้นั้นไม่เพียงแต่มีหน้าตาคล้ายกับอัครมเหสีฉู่เท่านั้น แม้แต่พฤติกรรมก็ยังเหมือนทุกระเบียบนิ้ว รองหัวหน้าเผ่าไม่ตื่นเต้นนะสิถึงจะแปลก กลัวก็แต่ว่าเขาจะมอบความรักทั้งหมดที่มีให้แก่หญิงสาวผู้นั้นทั้งหมดนะสิ”
ลูกศิษย์ของเผ่าเพลิงฟ้าต่างทยอยกันถกเถียง
ผู้ดูแลได้เดินเข้ามา กระทั่งได้ยินบทสนทนาของพวกเขาพอดี จึงอดไม่ได้ที่จะดุว่า “นินทากันเก่งจริง ๆ นะแต่ละคน กำลังบังคับให้ข้าต้องรายงานใช่หรือไม่”
“อย่า อย่า อย่า ต่อไปเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ท่านยกโทษให้เราสักครั้งเถิด”
“หากไม่รีบทำงาน แล้วยังกล้าเกียจคร้าน ระวังเถอะข้าจะไปรายงานเดี๋ยวนี้”
“รับทราบ รับทราบ”
กู้ชูหน่วนและเสี่ยวลู่วางอาหารลง ก่อนจะเดินกะเผลกออกไป
ผู้ดูแลกลับเรียกพวกเขาไว้
“เจ้า จงนำอาหารเหล่านี้ไปให้นายน้อย ส่วนเจ้า สับฟืนเหล่านั้นให้หมด อนาคตเผ่าเพลิงฟ้าจะมีนายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน รองหัวหน้าเผ่ากำชับไว้แล้ว อาหารของแม่นางเฉินต้องปรุงแยกกัน ขั้นตอนก็ต้องงดงามประณีต จะสะเพร่าไม่ได้ ลูกมือในครัวไม่พอ พวกเจ้าไปอยู่ช่วยก่อนเถอะ”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองไปที่อาหารที่ผู้ดูแลสั่งไว้ทั้งหมด วัตถุดิบทุกชิ้นล้วนสดมาก และเป็นอาหารอันโอชะที่หายากและมีค่าในโลก
แล้วดูอาหารของเหวินเส่าอี๋
มันเป็นแค่ข้าวต้มหนึ่งชาม เต้าหู้หนึ่งจาน และผัดผักอีกหนึ่งจาน มันธรรมดาเสียจนไม่เห็นแม้แต่เนื้อสักชิ้น
กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองทำผิด จึงชี้ตัวเอง และชี้วัตถุดิบที่วางเรียงรายอยู่ข้างกายเสี่ยวลู่
ผู้ดูแลพูดอย่างหมดความอดทนว่า “สวะที่ถูกเลาะสะบักหลังออกคนหนึ่ง เหมาะสมกับอาหารที่ดีมากเช่นนี้แล้ว แค่นี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ส่งอาหารเสร็จแล้วก็รีบกลับมา ฟืนในครัวเจ้าพวกเจ้ามาผ่าอยู่”
ความโกรธในใจของกู้ชูหน่วนทะลักออกมา
เช่นนี้เรียกว่าเสือลำบากสุนัขก็เลยรังแกใช่หรือไม่?
นายน้อยผู้สง่างาม ยังเทียบไม่ได้กับหญิงสาวแปลกหน้าที่เพิ่งเข้ามาในเผ่าคนหนึ่ง
กู้ชูหน่วนหยิบอาหารขึ้นมา จากนั้นก็เดินกะเผลกออกจากครัว นางไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี๋พักที่ไหน
อย่างไรก็ตาม เพราะนางถืออาหารเหล่านี้อยู่ ดูเหมือนลูกศิษย์ของเผ่าเพลิงฟ้าต่างรู้ว่าจะนำไปส่งให้แก่เหวินเส่าอี๋ แต่ไม่มีใครขวางนางหรือซักถามนางได้
มีลูกศิษย์ไม่กี่คนต่างพากันหัวเราะและกล่าวว่า “เฮ้อ นายน้อยที่ดูรุ่งโรจน์ผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง รสชาติมิสู้ลูกศิษย์ระดับต่ำ”
“พวกเจ้าว่า นายน้อยถูกตำแหน่ง ใครหนอจะมาแทนที่ตำแหน่งของเขา?”
“เรื่องนี้พูดไปก็ไม่ดี แต่รองหัวหน้าเผ่ามีจิตใจที่ค่อนข้างลึกล้ำ หลังจากลงจากตำแหน่งเผ่าแล้ว ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าก็ควรจะให้รองรองหัวหน้าเผ่าสืบต่อไป”
“ยังจะพูดอีก นอกจากรองหัวหน้าแล้ว จะมีใครนำพาเผ่าให้เจริญรุ่งเรืองอีกได้ ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายขึ้น ทำความเข้าใจว่าตัวเองจะยืนอยู่ข้างไหนถ้ายืนผิดตำแหน่งละ เฮ้อ…”
“ไม่กล้า ๆ เราเข้าใจแล้ว”
“ถือว่าพวกเจ้าตาดีไม่น้อย ไป ไปบอกลูกศิษย์คนอื่น เราจะต้องสนับสนุนรองหัวหน้าเผ่าจนสุดทาง”
“รับทราบ รับทราบ”
นัยน์ตาของกู้ชูหน่วนเคร่งขรึมลง
ดูเหมือนว่าสงครามภายในเผ่าเพลิงฟ้าจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั้งยังรุนแรงกว่าที่นางคิดไว้
นางเดินทางจดจำลักษณะภูมิประเทศของเผ่าเพลิงฟ้าไว้จนขึ้นใจ
ขณะเดิน กู้ชูหน่วนหลงทางเล็กน้อย แต่ทว่านางกลับเห็นเหวินเส่าอี๋ในตำหนักแห่งหนึ่ง
เหวินเส่าอี๋สวมชุดสีขาว เมื่อสายลมพัดผ่าน พัดเอาชุดสีขาวของเขาโบกพลิ้วไสว เส้นผมสีดำสะบัดไปตามแรงลม ดุจดั่งเทพที่ล่องลอยโดดเด่นอยู่ท่ามกลางเศษฝุ่นโลกีย์
เขายืนอยู่หน้าตำหนักราวกับรูปปั้นชั่วนิรันดร์ นิ่งไม่เคลื่อนไหว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ในมุมมองสายตาของกู้ชูหน่วน จะเห็นแผ่นหลังของเหวินเส่าอี๋พอดี
แผ่นหลังของเขาผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เหนื่อยล้า เหมือนชายชราวัยใกล้ฝั่ง ผ่านชีวิตที่ลำบากมานับไม่ถ้วน
แผ่นหลังของเขาดูเศร้ามาก พาให้ทั่วทั้งตำหนักเศร้าโศกโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร เห็นเพียงเขาที่กำลังจ้องตำหนักตรงหน้าอย่างไม่วางตา
ตำหนักเฉินหยู……
นี่มันตำหนักอะไรกัน?
ห้องนอนของเขา?
ตำหนักแห่งนี้ดูสง่าและน่าเกรงขาม คานไม้แกะสลัก ไม่น่าจะใช่ห้องนอนกระมัง และไม่น่าจะสอดคล้องกันนิสัยของเหวินเส่าอี๋
เหมือนเป็นตำหนักสำหรับประชุม
กู้ชูหน่วนเงียบ
เหวินเส่าอี๋ไม่พูด
บรรยากาศในนั้นเย็นเยียบ
ลูกศิษย์ของเผ่าเพลิงฟ้าที่ลาดตระเวนอยู่ข้างนอกทนดูไม่ได้ เดินมาตรงหน้าของกู้ชูหน่วนและพูดอย่างหมดความอดทนว่า “เหตุใดผู้ดูแลหลิวถึงไม่หาใครสักคน ดันหาหญิงแก่ทั้งน่าเกลียดทั้งเหี่ยวแห้งมาส่งอาหารก็ช่างเถอะ ทั้งยังโง่เขลาด้วยนี่สิ เจ้าทิ้งอาหารไว้บนพื้น แล้วไสหัวออกไป อยากไปไหนก็ไป”
ทิ้งไว้บนพื้น?
ที่นี่เป็นตำหนักที่ว่างเปล่า โต๊ะสักตัวก็ไม่มี วางไว้บนพื้นแล้วเหวินเส่าอี๋จะกินอย่างไร?
เขาผู้ซึ่งเป็นดั่งเทพไม่มีใครเทียบได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะหยิบอาหารจากพื้นมากิน
หลังจากกลับมาถึงเผ่าเพลิงฟ้า หรือว่าเขาจะหิวตลอดเวลา?
คนคนรับใช้เหล่านี้กล้าเมินเฉยต่อเหวินเส่าอี๋กันซึ้ง ๆ หน้า โดยไม่ให้ความเคารพแม้แต่น้อย คิดว่าเหวินเส่าอี๋ไม่มีตำแหน่งในเผ่า
กู้ชูหน่วนกำลังคิดจะวางอาหารลง จัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย
ทันใดนั้น ก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจากที่ไกล ๆ โดยไม่ทันตั้งตัว
สวีชิงได้พุ่งออกมาคนแรกแล้วปล่อยหมัดใส่ลูกศิษย์เมื่อครู่คนนั้นอย่างโหดเหี้ยม และก่นด่าอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไอ้ลูกหมาหยาง อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนของรองหัวหน้าเผ่า แล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า เข้าเบิกตามองให้ชัด ๆ เขาเป็นนายน้อยเผ่าเพลิงฟ้าของเรา อย่าว่าแต่จะถูกปลดตำแหน่งเลย ถึงจะถูกปลด เขาก็ยังเป็นบุตรชายของหัวหน้าเผ่า”
“สวีชิง เจ้าเป็นอะไร เจ้ากล้าต่อยข้าเหรอ?”
“ต่อยเจ้าแล้วทำไม ข้าอดทนกับเจ้ามานานแล้ว”
“พลั่ก……”
“สวีชิงต่อยเขาอย่างแรง ต่อยจนไอ้ลูกหมาหยางกระอักเลือด