กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 767
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 767
“ท่านคิดดีแล้วหรือ?” มือของผู้อาวุโสสูงสุดหยุดชะงักและมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างตั้งใจ
กู้ชูหน่วนฝืนยิ้มออกมา “ข้ามีทางเลือกอย่างนั้นหรือ? คำสาปโลหิตของเผ่าหยกสามารถออกฤทธิ์กำเริบได้ทุกเมื่อ ต่อให้ไม่ออกฤทธิ์ตอนนี้ เช่นนั้นแล้ววันขึ้นสิบห้าค่ำต้องออกฤทธิ์อย่างแน่นอน อีกอย่างท่านพี่เฉินเฟยและไป๋จิ่น รวมไปถึงผู้คนอีกนับร้อยคนก็ได้เสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อการกำจัดคำสาปโลหิต ข้าจะปล่อยให้พวกเขาตายอย่างเปล่าประโยชน์ได้อย่างไร”
อีกอย่าง เยี่ยจิ่งหานก็ถูกคำสาปโลหิตและเวลาของเขาก็เหลือไม่มากแล้ว
เผ่าหยกค้นหาไข่มุกมังกรมาตลอดหลายพันหลายร้อยปี เพื่อกำจัดคำสาปโลหิตและยังต้องเสียสละชีวิตของผู้คนไปจำนวนมาก
“มี ท่านมีทางเลือก แม้ว่าท่านไม่เสียสละ เช่นนั้นแล้วคนในเผ่าก็ไม่สามารถว่าอะไรท่านได้” ขอเพียงนางสามารถพูดเกลี้ยกล่อมตัวเองได้
กู้ชูหน่วนกลอกตา
ผู้อาวุโสสูงสุดรู้อยู่แก่ใจดีว่า หากนางไม่เสียสละ เช่นนั้นแล้วชีวิตนี้คงรู้สึกไม่ดีไปตลอด แต่เขากลับพูดเช่นนี้ออกมา
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าเผ่าหยก นับว่าเป็นความเศร้าโศกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง
“หากท่านยังเห็นว่าขาเป็นหัวหน้าเผ่าอยู่ หากท่านยังรู้สึกผิดต่อข้าอยู่บ้าง เช่นนั้นท่านสามารถสัญญากับข้าได้หรือไม่?”
“เรื่องอะไรหรือ”
“เรื่องแรก ให้อภัยเยี่ยจิ่งหานและปล่อยเยี่ยจิ่งหานไป ตั้งแต่นี้ต่อไปเผ่าหยกห้ามทำอะไรไม่ดีต่อเยี่ยจิ่งหาน และต้องปกป้องเขาไปตลอดชีวิต ห้ามบอกให้เขารู้ว่าข้าควักหัวใจของตัวเองออกมาเพื่อเสียสละในการกำจัดคำสาปโลหิตนี้”
“ได้” ผู้อาวุโสสูงสุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าตอบตกลง
“เรื่องที่สอง ปกป้องคุ้มครองเซี่ยวอวี่เซวียน”
“ได้ ขอเพียงแค่เซี่ยวอวี่เซวียนไม่ทำเรื่องที่น่าโกรธโมโหและฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ เช่นนั้นแล้วเผ่าหยกจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเขาและเขาจะไม่มีวันได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย”
“เรื่องที่สาม หากเหวินเส่าอี๋ไม่ได้ทำเรื่องที่ร้ายแรงเกินไป เช่นนั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าไปทำร้ายเขาเลย ถึงอย่างไรเสีย เขา……ก็มีพระคุณกับข้า และเพราะข้าเอง เขาถึงต้องค่อยๆ……”
เรื่องที่สามนี้ทำเอาผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกลำบากใจอย่างมาก
เกรงว่าทั้งเผ่าหยกคงไม่มีทางตอบตกลงอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดของเหวินเส่าอี๋ที่ผู้อาวุโสสูงเล่าให้ฟัง ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
กลัวว่าเหวินเส่าอี๋คงไม่ใช่เหวินเส่าอี๋คนเดิมอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่ฮวาอิ่งทำลงไปในอดีต ยังคงตอกย้ำซ้ำเติมอยู่ในใจ กลัวก็แต่ว่าเหวินเส่าอี๋จะเดินตามรอยของนาง
หากว่า……
หากว่าเหวินเส่าอี๋เป็นเช่นเดียวกับฮวาอิ่ง เช่นนั้นแล้วเผ่าหยกไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
กู้ชูหน่วนราวกับคาดเดาถึงสิ่งที่เขาคิดได้และจึงกล่าวออกมาว่า “เหวินเส่าอี๋ไม่เหมือนกับฮวาอิ่ง เขาไม่ชั่วร้ายเช่นนั้น”
“ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงกันได้”
“หากเขาเปลี่ยนไปเป็นคนเลือดเย็นไร้หัวจิตหัวใจและฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม กระทำแต่เรื่องชั่วช้า เช่นนั้นแล้วพวกท่านอยากจะฆ่าก็ฆ่าได้ แต่หากไม่ใช่ หากเขายังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง เช่นนั้นก็ใจกว้างกับเขาเสียหน่อยเถอะ”
“นี่คือเรื่องที่ท่านต้องการจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ท่านคิดว่าข้ากำลังพูดเล่นกับท่านอย่างนั้นหรือ?”
“ได้ ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่ท่านต้องการ เช่นนั้นแล้วข้าจะพยายามช่วยให้ท่านทุกอย่างตามความปรารถนา”
“ขอบคุณมาก”
กู้ชูหน่วนยังต้องการให้เผ่าหยกช่วยดูแลคุ้มครองจอมมารอีกด้วย
แต่……
จากนิสัยและความสามารถของจอมมารแล้วนั้น
บนโลกนี้ คนที่สามารถข่มขู่และทำร้ายเขาได้นั้น เกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เขาก็คงไม่ต้องการให้เผ่าหยกต้องมาปกป้องดูแลหรอก
จากนั้นกู้ชูหน่วนจึงไม่ได้พูดออกมา
“ข้าตอบตกลงกับทุกความต้องการของท่าน ตอนนี้……เช่นนั้นแล้วท่านก็ควรตอบตกลงความต้องการของข้าบ้าง”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะออกมา
“ความต้องการของท่าน? ข้าเป็นเพียงคนที่กำลังจะตาย ข้าจะช่วยท่านทำความต้องการสำเร็จหรือ?”
“ได้สิ ได้แน่นอนอยู่แล้ว”
“ท่านพูดมาเถอะ พูดจบก็รีบเตรียมเริ่มทำการได้แล้ว”
“เรื่องที่หนึ่ง สัญญากับข้าว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม ท่านยังคงเป็นหัวหน้าเผ่าหยกเสมอ ท่านต้องใช้ความพยายามทั้งหมดที่มี เพื่อปกป้องคุ้มครองคนในเผ่า”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
“ท่านหมายถึงชาติหน้าหรือ?”
“ท่านคิดว่าเป็นชาติหน้าก็ได้”
“เรื่องที่สองล่ะ?”
“เรื่องที่สอง ปู่ไม่ต้องการให้ท่านคบหากับเยี่ยจิ่งหาน ถึงแม้ว่าจอมมารจะมีนิสัยที่แปลกแตกต่างออกไปบ้าง แต่เขาก็จริงใจกับท่าน ท่านสามารถลองคบหาดูใจกับเขาได้”
“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องที่สาม ปู่อยากให้ท่านมีความสุขในทุกๆ วันและไม่มีเรื่องต้องกังวลใดๆ”
“เรื่องที่สี่ หากเหวินเส่าอี๋เปลี่ยนไปเป็นคนชั่วร้าย ข้าหวังว่าท่านจะฆ่าเขาเสีย เพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองความสงบและปลอดภัยของเผ่าหยก เผ่าหยกพบเจอความโหดร้ายมากว่าร้อยปีพันปีแล้วและไม่สามารถเจอกับเรื่องร้ายๆ ได้อีก”
กู้ชูหน่วนเอามือกอดอกและยืนพิงกำแพง จากนั้นถามออกมาอย่างเกียจคร้าน
“ผู้อาวุโสสูงสุด ฟังจากน้ำเสียงของท่านแล้ว ผู้ที่เป็นฝ่ายสั่งเสียกลับเป็นท่านเสียเองไม่ใช่ข้า หรือว่าการกำจัดคำสาปโลหิตนี้ นอกจากต้องควักหัวใจของข้าออกมาแล้ว ยังมีวิธีอื่นอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่มีแล้ว นอกเสียจากท่านจะต้องสละชีวิตของท่าน เพื่อให้เลือดจากหัวใจหลอมรวมเข้าไปในเตาเผากลั่นยา ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถกำจัดคำสาปโลหิตไปได้”
“เช่นนั้นแล้วท่านจะพูดมากเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?”
“ข้า…….”
ผู้อาวุโสสูงสุดหยุดชะงักและไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมา
เขาก็หวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน
แม้ว่า……
แม้ความหวังจะริบหรี่มากก็ตาม
“วันนี้เวลาไม่เหมาะสม พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ตอนเที่ยงในเวลาที่พระอาทิตย์ส่องสว่างเต็มที่ค่อยเริ่มพิธีบูชาแล้ว เช่นนั้นแล้วความสำเร็จจะสูงขึ้น”
“ได้”
กู้ชูหน่วนวางมือทั้งสองลงและก้าวเท้าออกไปจากห้องโถงปรึกษากิจ
“อาหน่วน ท่านไม่ไปเยี่ยมเพื่อนๆ ของท่านบ้างหรือเพื่อบอกลาพวกเขา?”
“ไม่จำเป็นหรอก การจากลาเป็นเรื่องโศกเศร้าเสมอ ข้ากลัวว่าเมื่อเจอพวกเขาแล้ว ข้าจะเปลี่ยนใจและไม่สังเวยชีวิตของตัวเองอีก”
อีกอย่าง นางก็ไม่ได้มีเพื่อนมากมายอะไร
เพื่อนที่ดีที่สุดอย่างมากก็มีเพียงจอมมารและเซี่ยวอวี่เซวียน
หากไปเจอจอมมารก็คงมีแต่ปัญหาเกิดขึ้น
ส่วนเซี่ยวอวี่เซวียน……
เมื่อนึกถึงเซี่ยวอวี่เซวียน กู้ชูหน่วนก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
นางเพิ่งจะเดินออกมาไม่นาน ผู้อาวุโสหกที่ดื่มเหล้าอย่างเมามายก็วิ่งมาด้วยความรีบร้อนและขวางทางเดินของนาง
“อาหน่วน ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเรื่องที่ท่านพูดกับผู้อาวุโสสูงสุดเมื่อสักครู่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“ท่านแอบฟังที่พวกข้าคุยกันอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าที่พวกท่านพูดกันนั้นเป็นเรื่องจริง? หากต้องการกำจัดปลดปล่อยคำสาปโลหิต จำเป็นต้องควักหัวใจของท่านจริงอย่างนั้นหรือ?”
เขาดื่มเหล้าเก่ง
และคนในเผ่าก็ไม่ต้องการให้เขาดื่มเหล้ามากเกินไป
ฉะนั้นทุกครั้งที่เขาต้องการดื่มเหล้า เขามักจะแอบไปดื่มที่ห้องโถงปรึกษากิจ
วันนี้ตอนที่เขาแอบไปดื่มเหล้าข้างในนั้น ก็แอบได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกันเข้าโดยบังเอิญ
เขารู้ได้ทันทีจู่ๆ อาหน่วนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จะต้องมีเรื่องปิดบังทุกคนอยู่แน่ๆ
แต่ถึงอย่างไรเสียเขาก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่นางปิดบังนั้น กลับเป็นเรื่องที่นางจะเสียสละชีวิตของตัวเอง เพื่อกำจัดคำสาปโลหิต
“ใช่”
“ท่านบ้าไปแล้วหรือ? หากท่านต้องควักหัวใจออกมา เช่นนั้นท่านจะต้องตายเลยนะ”
“เช่นนั้นท่านบอกข้ามาสิว่าข้าควรทำเช่นไร? ให้ข้าต้องยืนมองคนใกล้ชิดของข้าต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนตายเฉยๆ อย่างนั้นหรือ?”
“หรือรอจนกว่าผนึกของข้าไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไปและคำสาปโลหิตออกฤทธิ์ จากนั้นกระดูกแตกหักลงทุกเดือนๆ และสุดท้ายก็ตายลงอย่างเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ได้ๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ได้ จะต้องมีหนทางอื่นอย่างแน่นอน”
“เรื่องนี้ข้ายังไม่อยากบอกคนอื่น โดยเฉพาะเยี่ยจิ่งหาน ท่านเก็บเรื่องนี้ให้ดีเลยนะ อย่าบอกใครเด็ดขาด”
“อาหน่วน เราคิดหาวิธีอื่นดีกว่าเถอะนะ”
“เผ่าหยกคิดหาวิธีมาแล้วกว่าหนึ่งพันปี มีวิธีอื่นอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นหากท่านตายไป ข้าจะทำอย่างไร?”
“……”
กู้ชูหน่วนแย่งไหเหล้าไปจากมือของผู้อาวุโสหกและเดินผ่านผู้อาวุโสหกจากไปเพียงลำพัง จากนั้นเอนหลังเพื่อดื่มเหล้าและหลงเหลือไว้เพียงความอ้างว้างและร้องเพลงขณะเดินออกไป
นางมีความมุ่งมั่นและไม่สามารถที่จะพูดเกลี้ยกล่อมได้เลย
ทันใดนั้นผู้อาวุโสหกก็ตื่นขึ้นจากอาการเมาเหล้า
เขากระทืบเท้าด้วยความร้อนรน
ทำอย่างไรดี?
ใครสามารถพูดเกลี้ยกล่อมนางได้?
อาหน่วนเป็นคนดื้อรั้น เกรงว่าคนในเผ่าคงไม่มีใครสามารถพูดเกลี้ยกล่อมนางได้
อีกอย่างคนในเผ่าคงไม่กล้ามีใครพูดเกลี้ยกล่อมนางหรอก