กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 783
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 783
กู้ชูหน่วนจัดการบาดแผลของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย
เมื่อมองดูบาดแผลรอยแส้ที่สลับซ้อนกันและรอยแผลจากความร้อน และรวมไปถึงบาดแผลนับไม่ถ้วนจากรอยมีดดาบ ในหัวของนางก็มีคำพูดหนึ่งแวบเข้ามา
นั่นก็คือ ในอดีตนั้นนางถูกทารุณกรรมอย่างหนัก
เมื่อนึกถึงอดีตที่มีคนมักทำร้ายทารุณนาง จากนั้นดวงตาของกู้ชูหน่วนก็ฉายแววเย็นชาราวกับใบมีด
เมื่อสวมเสื้อคลุม กู้ชูหน่วนก็เดินออกจากห้อง
ไกลออกไป ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างปู่หลินและหลินซือหย่วน
“อาหย่วน รีบใช้โอกาสที่คนของตระกูลไป๋หลี่ยังไม่มา เจ้าพาแม่นางคนนั้นหลบหนีไปเถอะ”
“เดิมทีบ้านของเราก็ยากจนอยู่แล้ว อีกทั้งหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงก็หายากมาก ปีที่แล้วเรายังพอจ่ายเงินเพื่อซื้อหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงได้บ้าง แต่ตอนนี้……นับเป็นปีแห่งภัยธรรมชาติและโรคระบาดตั๊กแตน จึงทำให้ในหมู่บ้านไม่มีผลผลิตเลยสักนิด และเพื่อช่วยแม่นางคนนั้นจ่ายค่ารักษาอาการเจ็บป่วย เราก็ได้ใช้เงินเก็บไปทั้งหมดแล้ว แถมยังติดหนี้คนอื่นอีกจำนวนมาก”
“ไม่ว่าอย่างไรปีนี้เราก็ไม่สามารถส่งมอบหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงได้ คนของตระกูลไป๋หลี่ล้วนต่างก็โหดร้ายและบ้าระห่ำ หากไม่หนีไปละก็ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ปล่อยเอาไว้แน่”
“ไม่ ท่านปู่ หากต้องหนีไป เช่นนั้นก็ต้องหนีไปพร้อมกัน”
“บ้านเราจำเป็นต้องเหลือคนไว้คนหนึ่งเพื่อยื้อพวกเขาไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องไล่ตามทันอย่างแน่นอน ปู่อายุมากแล้ว ถึงตายไปก็ไม่เสียดายหรอก แต่พวกเจ้าอายุยังน้อย จะตายไปเช่นนี้ไม่ได้”
“ข้าไม่สน หากต้องไปก็ไปด้วยกัน ท่านปู่ก็รู้ว่ากิจการของตระกูลไป๋หลี่นั้นกว้างขวางและยิ่งใหญ่มาก แถมยังมีอำนาจกว้างขวาง หากพวกเราหนีไปละก็ พวกเขาจะต้องไล่ล่าอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นงั้นเราก็หนีกันไปทั้งสามคนเลยสิ”
กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจเกี่ยวกับความแค้นความคับข้องใจระหว่างพวกเขาและตระกูลไป๋หลี่ แต่จากคำพูดของพวกเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าพวกเขาเจอเรื่องเดือดร้อนเข้า อีกทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย
“เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดถึงไม่เชื่อฟังกันเลยนะ”
หลินซือหย่วนอายุยังน้อย แต่เขากลับเป็นคนดื้อรั้น เขายืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ท่าทางราวกับว่าหากปู่หลินไม่หนีไปไหน เช่นนั้นเขาก็จะไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน
ปู่หลินลำบากใจและทำได้เพียงกระทืบเท้าตกลงที่จะหนีไปพร้อมกัน ถึงอย่างไรเสีย พวกเขาก็ทำเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแม่นางคนนั้นและได้เสียเวลาไปแล้วหลายวัน หากยังชักช้าอยู่เช่นนี้ต่อไป ก็เกรงว่าจะไม่ทันกาลเอาเสีย
คนในหมู่บ้านตระกูลหลินได้หนีออกไปจากหมู่บ้านแล้วไม่น้อยเมื่อหลายวันก่อน เพื่อหลบหนีไปยังพื้นที่ต่างๆ
ในขณะที่ปู่และหลานของตระกูลหลินกำลังจะเตรียมตัวไปจัดสัมภาระ ดวงตาที่เฉียบคมของกู้ชูหน่วนก็มองไปที่นอกหมู่บ้านทันที
ไม่นานเสียงกีบม้าก็ดังขึ้นพร้อมกับรัศมีการสังหารและเสียงตะโกนด้วยความโกรธ
“คนชั่วช้าของตระกูลหลินโผล่หัวออกมาทั้งหมด นำหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงออกมาเรือนละสิบต้น หากใครไม่มีมอบให้ละก็ พวกเขาจะเป็นจุดจบของพวกเจ้า”
“ปัง……”
คนขี่หลังม้าได้ขว้างศีรษะมนุษย์หลายสิบหัวไว้กลางหมู่บ้านด้วยท่าทางที่ดูเกรี้ยวกราดและโหดเหี้ยม
เมื่อได้ยินเสียงของไป๋หลี่สยง สีหน้าของคนในหมู่บ้านตระกูลหลินก็เปลี่ยนไปและร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการออกไป แต่ก็จำเป็นต้องออกไป ไม่เช่นนั้นหากถูกตรวจค้นว่าแอบซ่อนอยู่ภายในบ้านละก็ เช่นนั้นต้องถูกฆ่าตายเท่านั้น หลายปีมานี้ คนในหมู่บ้านตระกูลหลินของพวกเขาต้องตายในเงื้อมมือของตระกูลไป๋หลี่อย่างโหดร้ายจำนวนมาก
ปู่หลินโกรธจนทำอะไรไม่ถูกและแทบขาดสติ
“ทำอย่างไรดี คนของตระกูลไป๋หลี่มาแล้ว หมู่บ้านก็ถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว เกรงว่าเราคงหนีไม่ได้เสียแล้ว”
“ไอ้หมาจรจัดเหล่านั้น หากไม่สามารถหลบหนีไปได้ เช่นนั้นก็ต่อสู้กับพวกเขาซึ่งหน้าไปเลย”
กู้ชูหน่วนเดินออกมาช้าๆ และกล่าวว่า “พวกเขาเป็นใครหรือ? มาทำอะไร?”
หลินซือหย่วนต้องการทำให้กู้ชูหน่วนไม่ต้องกลัว หากเกิดอะไรขึ้นจะมีเขาอยู่ข้างกาย
แต่กู้ชูหน่วนกลับทำสีหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้าย แต่สีหน้าของนางกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด
แต่ปู่และหลานทั้งสองกลับกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน
หลินซือหย่วนกัดฟันและกล่าวว่า “รัฐปิงนั้นมีชนเผ่าใหญ่ๆ อยู่ด้วยกันสี่เผ่า แบ่งออกเป็นตระกูลเหวิน ตระกูลซั่งกวน ตระกูลไป๋หลี่และตระกูลหนิง หมู่บ้านตระกูลหลินของพวกข้านั้นจัดว่าอยู่ในความดูแลของตระกูลไป๋หลี่ เขาเรียกร้องให้พวกข้าแต่ละครัวเรือนต้องส่งมอบหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงสามต้นให้กับเขาทุกเดือน แต่ช่วงหลายปีมานี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภายในหนึ่งเดือนกลับให้พวกข้าส่งมอบหญ้าน้ำค้างแข็งถึงสิบต้น”
“อย่าว่าแต่สิบต้นเลย สามต้นพวกข้าก็ไม่มีส่งมอบให้พวกเขา จากนั้นพวกเขาก็ซ้อมทุบตีและด่าทอพวกข้าคนในหมู่บ้านจำนวนมากต้องจบชีวิตลงเพราะพวกเขาและยังมีหลายหลังคาเรือนที่ถูกบังคับให้ต้องขายลูกสาวและลูกชายไป จากนั้นเข้าไปหาซื้อหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงในเมืองเพื่อมอบให้กับพวกเขา”
“เดือนนี้ก็ถึงกำหนดที่ต้องส่งมอบให้พวกเขา แต่มีคนในหมู่บ้านจำนวนมากที่ไม่มีหญ้าน้ำค้างแข็งมาให้พวกเขา ตอนนี้……ตอนนี้ก็ได้ถูกพวกเขาจับตัวไปแล้ว แม้แต่ศีรษะก็ถูกตัดขาด ไอ้คนชั่วร้ายเหล่านี้……นับว่าไม่มีความเป็นมนุษย์เสียเลย”
มีคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่หน้าประตู คนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยที่อุ้มศีรษะและร้องไห้โอดครวญอย่างน่าอนาถ
ไป๋หลี่สยงตะโกนอีกครั้ง “ยังมีใครที่ยังไม่ออกมา รีบโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ”
หลินซือหย่วนกล่าวว่า “แม่นาง เจ้ามายืนที่หลังของข้า เจ้าไม่ใช่คนของหมู่บ้านตระกูลหลิน ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ทำเกินไปหรือทำร้ายเจ้าหรอก เจ้าวางใจได้ ถึงอย่างไรเสียข้าก็จะปกป้องเจ้าอย่างดีที่สุด”
กู้ชูหน่วนยิ้ม
นางไม่ต้องให้ใครมาคอยปกป้องคุ้มครอง
แต่ความหวังดีนี้ นางจะจดจำเอาไว้
หลินซือหย่วนและคนอื่นต่างพากันออกไป
สิ่งที่เห็นก็คือ ชาวบ้านต่างพากันยืนสั่นสะท้าน
หัวหน้าหมู่บ้านยื่นหญ้าน้ำค้างแข็งออกไปอย่างมือสั่น
หลังจากที่พวกเขารับหญ้าน้ำค้างแข็งไปแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็ถูกเตะออกไปอย่างแรงและในขณะเดียวกันก็ถูกแส้ฟาดไปหลายที
“กลุ่มคนชั่วช้า หมู่บ้านของพวกเจ้าก็ออกจะใหญ่ แต่กลับมีหญ้าน้ำค้างแข็งเพียงเท่านี้หรือ? ไม่ได้แม้แต่ครึ่งเดียวเลยด้วยซ้ำ”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวอย่างฝืนทนความเจ็บปวด “ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่ส่งมอบ แต่……แต่เป็นเพราะหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงนั้นหายากลำบากเหลือเกิน คนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยที่ต้องจบชีวิตลงเพราะต้องออกไปค้นหาหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงนี้……”
“ข้าไม่สนใจหรอกว่าพวกเจ้าจะมีเหตุผลอะไร อย่างไรเสียหนึ่งครอบครัวก็ต้องส่งมอบหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงมาให้ข้าสิบต้น หมู่บ้านของพวกเจ้ามีด้วยกันทั้งหมดหกสิบครัวเรือน เช่นนั้นจำเป็นต้องส่งมอบหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงทั้งหมดหกสิบต้น ไม่เช่นนั้น ฮึ……พวกเจ้าจะต้องรับไม่ได้กับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน”
การคุกคามข่มขู่ของไป๋หลี่สยงนั้นชัดเจนในตัวของมันเอง
อีกทั้งการกระทำก่อนหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากเช่นกัน
คนในหมู่บ้านที่ขี้ขลาดหน่อยต่างพากันร่ำไห้ออกมาด้วยความตกใจ
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัว “ท่านสยง……ได้โปรดเถอะ ให้เวลาพวกข้าอีกหน่อยเถอะ พวกข้า……พวกข้าจะพยายามรีบหาหญ้าน้ำค้างแข็งมาให้ได้เลย”
“ข้าให้เวลาพวกเจ้า เช่นนั้นแล้วใครให้เวลาข้า เวลาเพียงธูปครึ่งดอก พวกเจ้าต้องหาหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงที่เหลือมาให้ข้าให้ครบ”
ธูปครึ่งดอก?
เวลาเพียงธูปครึ่งดอก พวกเขาจะไปหาหญ้าน้ำค้างแข็งที่ไหนมาได้?
ต่อให้ขายคนในหมู่บ้านของพวกเขาไปทั้งหมด เช่นนั้นก็ไม่สามารถหาหญ้าน้ำค้างแข็งมาได้ครบหรอก
“ท่านสยง ได้โปรดล่ะ สงสารพวกข้าเถอะนะ……”
“ฮึ คนชั้นต่ำทั้งหลาย คิดว่าข้าว่างมากอย่างนั้นหรือ? ส่งคนมาที่นี่ จับคนในหมู่บ้านทั้งหมดให้ข้าเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนกำลังจะลงมือ
หลินซือหย่วนขัดขวางพวกเขาและกล่าวอย่างแผ่วเบา “แม่นาง พวกเขามีความสามารถมาก เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาหรอก ลองดูก่อนว่าพวกเขาจะทำอะไร คนในหมู่บ้านของเรามีจำนวนมาก พวกเขาคงไม่ฆ่าพวกเราทิ้งทั้งหมดหรอก ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อไปใครจะช่วยพวกเขาหาหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงมาปรุงกลั่นยาล่ะ”
“ใช่ อย่าเพิ่งทำอะไรเลย คนเหล่านี้ชั่วช้าอย่างมาก” ปู่หลินก็พูดเกลี้ยกล่อม
ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัว แต่เป็นเพราะพวกเขาเชื่อว่า คนในหมู่บ้านมีจำนวนมาก พวกเขาไม่กล้าฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งหมดหรอก
หากจับไปเพียงไม่กี่คนนั่นล่ะ ถึงเป็นเรื่องน่าหวาดกลัว
กู้ชูหน่วนหรี่ตาลงและเอามือกอดอก
ก็ได้
นางก็อยากจะเห็นว่าตระกูลไป๋หลี่จับพวกเขาจำนวนมากไปเพื่ออะไร
บทที่ 782
บทที่ 784