กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 799
นางกัดฟันและล้มลงอีกครั้ง
“เจ้าบาดเจ็บสาหัสมาก ข้าจะช่วยจัดการพันแผลให้และช่วยเจ้ากำจัดพิษจุ้ยอินเซียง เพื่อจะได้ไม่หลงเหลือผลที่ตามมาของพิษจุ้ยอินเซียง และถือเป็นการชดเชยเล็กน้อย”
นางพูดจบก็หยิบยาอายุวัฒนะที่เก็บได้จากตระกูลซั่งกวนออกมาบดเป็นผงและทาให้เขา
จากนั้นใช้เข็มเงินเพื่อทำให้เลือดที่ปนเปื้อนพิษออกมาที่ข้อมือและทำการกรีดข้อมือของเขาเพื่อจะได้ปล่อยเลือดออกมา
เลือดของเยี่ยจิ่งหานมีสีดำและมีกลิ่นเหม็นเน่า
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
“เจ้าไม่เพียงแค่ถูกพิษจุ้ยอินเซียงเท่านั้น ร่างกายของเจ้ายังถูกพิษชนิดอื่นอีกจำนวนมาก แต่เจ้าช่างเข้มแข็งเหลือเกิน พิษร้ายเช่นนี้คาดว่าคงอยู่รบกวนเจ้ามากว่าสิบปีแล้ว แต่เจ้ายังคงมีชีวิตอยู่”
“ไม่สิ พิษของเจ้าได้ถูกกำจัดไปแล้วช่วงหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกกำจัดจนหมดสิ้น แต่ก็ถูกกำจัดไปมากพอสมควร เพียงแต่จู่ๆ ก็กลับมาออกฤทธิ์อีกครั้ง”
“ใครกันช่างเก่งกาจเช่นนี้ แม้แต่พิษร้ายแรงเช่นนี้ก็สามารถกำจัดได้”
แววตาของชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยเป็นประกาย
กู้ชูหน่วนกระแอมเสียงดัง
“หากเป็นเมื่อก่อนก็อาจพอมีทางรอด แต่ตอนนี้……นายท่านของท่านไม่ถือว่าเป็นคนแล้วที่สะสมรวบรวมความเจ็บป่วยมาทั้งหมดมาไว้รวมกันและฝืนเก็บกลั้นเอาไว้ แม้แต่พิษก็ฝืนเก็บกลั้นเอาไว้จึงทำให้ขาทั้งสองข้างเน่าเปื่อยเช่นนี้”
“เช่นนั้นแล้วสามารถกำจัดได้หรือไม่และขาทั้งสองข้างของนายท่านสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?” ชิงเฟิงถามด้วยความร้อนใจ
กู้ชูหน่วนจัดการบาดแผลและตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจ “รักษาไม่ได้ ข้าไม่ได้เป็นเทพพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อย ต่อให้เป็นเทพเจ้า เช่นนั้นก็ยากที่จะรักษาให้หายได้”
เยี่ยจิ่งหานไม่ได้สนใจร่างกายของตัวเองเลยสักนิด
เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เขาจะใส่ใจขาทั้งสองข้างของเขา
เขาจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างโกรธเคืองและแทบอดไม่ได้ที่อยากจะดึงหนังของนางออกมา
กู้ชูหน่วนปรบมือและมองดูหน้าอกของเขาที่หายใจแรงด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จากนั้นนางจึงพยายามออกห่างผู้ชายอันตรายคนนี้
“เอ่อ อีกเพียงครึ่งวันพิษจุ้ยอินเซียงก็ถูกกำจัดไปหมดแล้ว พิษของลูกน้องทั้งสองคนของเจ้า ข้าก็ได้กำจัดให้พวกเขาแล้วและต้องใช้เวลาครึ่งวันเช่นกันถึงจะกำจัดหมดไป เช่นนั้นเจ้าอย่าได้ก่อเรื่องให้ข้าอีกเลย ถึงอย่างไรเสียการได้ช่วยชีวิตคนอื่นก็ถือเป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่กว่าสวรรค์”
“ข้าจะฆ่าเจ้า”
เยี่ยจิ่งหานกระโดดขึ้นอีกครั้งด้วยความโมโห
กู้ชูหน่วนตกใจมาก
ตอนที่ทำการรักษาให้กับเขา นางได้แอบใส่ยาชาให้กับเขา เหตุใดเขาถึงยังขยับตัวได้อีก
เมื่อมองดูเขาแทบจะกลืนกินคนอื่น รวมไปถึงมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่าเยี่ยจิ่งหานจะฟังที่นางพูดหรือไม่ จากนั้นจึงหันหน้าเดินออกไป
ต่อให้นางโง่เขลานางก็รู้ได้ว่าครั้งนี้นางได้สร้างปัญหากับผู้มีอำนาจที่โหดร้ายเข้าแล้วคนหนึ่ง
ตระกูลมู่ เกรงว่านางคงจะอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
หากยังคงอยู่ต่อไป เช่นนั้นคงต้องตายลงด้วยเงื้อมมือของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าแน่ๆ
และถึงขั้นทำร้ายตระกูลมู่ไปทั้งหมดแน่ๆ
กู้ชูหน่วนหนีออกไป ในที่สุดนางก็ออกมาจากส่วนที่ลึกสุดของหุบเขาเจียงเจ๋อซานได้
ไกลออกไป นางเห็นเจ้าเสือน้อยลากกระสอบป่านขนาดใหญ่ที่ชำรุดมายังตรงหน้าของนางด้วยความพยายาม
กระสอบป่านนั้นมีขนาดใหญ่กว่ามันหลายเท่า เมื่อมองแวบเดียว หากไม่รู้ก็คงจะคิดว่ากระสอบป่านมีขาและเดินได้ด้วยตัวเอง
“(เสียงคำราม)……”
เจ้าเสือร้องร้องคำรามออกมาด้วยความดีใจ ราวกับกำลังโอ้อวด
กู้ชูหน่วนรู้สึกขบขันในท่าทางของมัน
“พืชสมุนไพรในกระสอบป่านขนาดใหญ่นี้ล้วนเป็นของเจ้าคนเดียว เอ้ย ของเจ้าตัวเดียวเก็บมาเองเลยหรือ?”
นางรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
เจ้าเสือน้อยตัวนี้คงไม่เก็บพืชสมุนไพรมาทั่วทั้งหุบเขาแล้วกระมัง?
“(คำราม)……” เจ้าเสือน้อยพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ดวงตาเป็นประกายทั้งสองข้างและมีรอยยิ้มออกมาจากปากของมัน
กู้ชูหน่วนยกนิ้วให้มัน “มีศักยภาพพอๆ กับข้า แต่กระสอบป่านขนาดใหญ่เช่นนี้ หากต้องแบกกลับไปนับว่าลำบากอยู่บ้าง”
นางลูบไปที่นิ้วกลางของนาง
หากว่า……
มีวงแหวนอวกาศก็คงจะดี
สิ่งเหล่านี้ก็จะมีที่เก็บเอาไว้
กู้ชูหน่วนมองไปยังตำแหน่งที่แยกทางกับเซี่ยวอวี่เซวียน เป็นเวลานานก่อนจะพูดขึ้นมา “ไปกันเถอะ กลับบ้านกัน”
เซี่ยวอวี่เซวียนหานางไม่เจอ ก็คงกลับไปกระมัง
แต่หากนางยังไม่รีบจากไป หากรอให้ผู้ชายคนที่สวมหน้ากากผีหายดี เช่นนั้นนางก็คงต้องตายแน่ๆ
เมื่อได้ยินคำว่ากลับบ้าน แววตาของเจ้าเสือน้อยก็เป็นประกายขึ้นอีกครั้ง จากนั้นลากกระสอบป่านขนาดใหญ่ตามกู้ชูหน่วนออกไปด้วยความตื่นเต้น
คนหนึ่งคนและเสือหนึ่งตัวพร้อมกับกระสอบป่านถุงใหญ่กว่าพวกเขาอีกหนึ่งถง ดูอย่างไรก็รู้สึกตลกขบขันเช่นนี้
พวกเขาต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลุ่มคนมาตลอดทาง ในที่สุดก็ออกจากหุบเขาเจียงเจ๋อซานได้และกลับไปยังจวนมู่อย่างปลอดภัย
พืชสมุนไพรในกระสอบป่านขนาดใหญ่เช่นนั้น กู้ชูหน่วนไม่มีทางนำกลับไปยังจวนมู่อย่างแน่นอน แต่กลับแอบเก็บไว้ที่ถ้ำใกล้กับหุบเขาเจียงเจ๋อซานและรอให้เรื่องเงียบลง จากนั้นจึงจะนำไปขายที่ร้านยา
ภายในจวนมู่
กู้ชูหน่วนไม่ได้เข้าทางประตูหลัก แต่กลับกระโดดกำแพงเข้าไป จากนั้นจึงเข้าไปยังห้องของมู่ซิน
เวลานี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว จวนมู่ยังคงมีแสงไฟสว่างไสว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางได้ก่อเรื่องไว้กับตระกูลไป๋หลี่หรือไม่ ที่ทำให้คนของจวนมู่ทั้งหมดต่างพากันหวาดกลัว
“ใครน่ะ ใครอยู่ข้างนอก” จู่ๆ มู่ซินก็ส่งเสียง
“ข้าเอง มู่หน่วน”
กู้ชูหน่วนเปิดประตูและเข้าไปในห้อง จากนั้นนำของเหลววิญญาณไท่ยีมอบให้กับมู่ซิน
“นี่คืออะไรหรือ?”
มู่ซินรับไปและเปิดออกด้วยความสงสัย หลังจากที่รู้ว่าเป็นของเหลววิญญาณไท่ยี เขาเกือบจะลุกขึ้นนั่งและส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ
“ชู่ว หากทำให้ผู้นำตระกูลมู่และผู้ดูแลรอง (ผู้นำรอง) และผู้ดูแลสาม (ผู้นำสาม) รู้เข้าละก็ เกรงว่าพวกเขาต้องเก็บของเหลววิญญาณไท่ยีไว้เป็นของตัวเองแน่ๆ”
“อาหน่ววน เจ้าไปเอาของเหลววิญญาณไท่ยีนี้มาจากไหนหรือ? สิ่งนี้นับว่าเป็นของหายาก มีหลายตระกูลดังและสำนักนิกายจำนวนมากที่ต่างค้นหากันอย่างยากลำบากก็หาไม่พบ”
“ข้าก็ให้ความสามารถของข้าในการหามาน่ะสิ ท่านรีบกินเข้าไปสิ ดูสิว่าจะสามารถทำให้เส้นชีพจรกลับคืนสู่สภาพเดิมได้หรือไม่”
“วิญญาณในของเหลววิญญาณไท่ยีนั้นรุนแรงมาก เพียงแค่ดมนิดเดียว ข้าก็รู้สึกสบายตัวไปทั้งร่างกาย หากมียาขวดนี้แล้ว เช่นนั้นแล้วเส้นชีพจรจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมแน่ๆ”
คิ้วที่ขมวดของมู่ซินเผยให้เห็นความกังวล
เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าของเหลววิญญาณไท่ยีนั้นคงไม่ได้หามาง่ายดายเช่นนี้
กู้ชูหน่วนคงไม่ได้ไปก่อเรื่องใครไว้ เพื่อจะได้ครอบครองของเหลววิญญาณไท่ยีมาหรืออาจจะรับปากอะไรกับใครไว้
ราวกับเห็นความสงสัยของเขา
กู้ชูหน่วนกล่าว “วางใจได้ ข้าได้มาจากหุบเขาเจียงเจ๋อซาน ข้าไม่ได้ไปสัญญาอะไรไว้กับใคร ส่วนเรื่องก่อเรื่องสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นนั้น อาจจะก่อเรื่องไปหนึ่งคน แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ปล่อยให้เรื่องเงียบไปก็ได้แล้ว”
“เจ้าก่อเรื่องไว้กับใคร ใช่คนของตระกูลใหญ่ทั้งสี่หรือไม่?”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คงไม่ใช่กระมัง” กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความตระหนก
เมื่อเห็นว่ามู่ซินเตรียมจะบ่น กู้ชูหน่วนจึงกล่าวว่า “ท่านกินของเหลววิญญาณไท่ยีเข้าไปก่อนเพื่อที่เส้นชีพจรการต่อสู้จะได้หายเป็นปกติ มีเรื่องอะไร เช่นนั้นค่อยพูดวันหลัง”
“ข้าก็อายุปูนนี้แล้ว เส้นชีพจรการต่อสู้จะกลับเป็นเหมือนเดิมหรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่เจ้าอายุยังน้อย เส้นชีพจรการต่อสู้ของเจ้าก็……หากเจ้าสามารถกินของเหลววิญญาณไท่ยีขวดนี้จะถือเป็นประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมาก อาหน่วน เจ้ากินเข้าไปเถอะ”
ปวดหัว
หากนางต้องการกินละก็ เช่นนั้นก็กินเข้าไปเองนานแล้ว จะรอให้ถึงตอนนี้ไปเพื่ออะไร
“ข้ายังมีอีกหนึ่งขวด ขวดนี้ท่านเก็บเอาไว้เถอะ”