กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 800
“มีขโมย จวนมู่มีขโมยเข้ามา รีบจับโจรเร็วเข้า”
ข้างนอกมีเสียงดังเอะอะโวยวายดังขึ้นและทั้งจวนมู่ก็เกิดความโกลาหลขึ้น มีคนใช้จำนวนมากถือคบไฟเพื่อวิ่งค้นหาโจรไปทั่วทุกแห่ง
หัวใจของกู้ชูหน่วนรู้สึกเต้นผิดจังหวะ
คงไม่ใช่ชายสวมหน้ากากผีคนนั้นมาหาหรอกนะ?
ความเร็วเช่นนี้ เร็วเกินไปเหลือไม่นะ?
มู่ซินตะโกนถาม “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?”
“มีโจรเข้ามาในจวนขอรับ ได้ขโมยน้ำนมของฮูหยินสามที่กว่าจะบีบออกมาได้หายไปหมด”
มู่ซิน “……”
กู้ชูหน่วน “……”
“นอกจากน้ำนมแล้ว ยังมีอะไรหายไปอีกบ้าง?”
“ไม่มีขอรับ”
มู่ซินรู้สึกไม่เข้าใจ
เป็นโจรอะไรกัน ของที่มีค่ากลับไม่ขโมย แต่ขโมยน้ำนม?
กู้ชูหน่วนรู้สึกงุนงง
แอบขโมยนำนมไป คงไม่ใช่เจ้าเสือน้อยหรอกนะ
ดูเหมือนว่าเจ้าเสือน้อยตัวนี้มันจะยังไม่หย่านมเลย
กู้ชูหน่วนยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้
นอกจากมันแล้ว ใครจะอยากได้นม
ไม่สามารถจับตัวคนที่แอบขโมยนมไปได้ แต่หน้าต่างห้องของมู่ซินกลับมีหัวของเจ้าเสือน้อยโผล่ออกมา
สายตาที่เฉียบแหลมของกู้ชูหน่วนค้นพบเข้าและกระซิบเสียงเบา “เอ่อ ข้ามีเรื่องต้องออกไปจัดการหลายวัน หากมีคนถามหาข้า ท่านเพียงบอกไปว่าท่านไม่รู้ก็พอ”
ยังไม่รอให้มู่ซินตอบ กู้ชูหน่วนก็ได้หายไปแล้ว
มู่ซินกำของเหลววิญญาณไท่ยีแน่นและรู้สึกว่าลูกสาวของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเหลือเกิน
มากจนเขาแทบไม่รู้จัก
ไม่รู้ว่านิสัยเช่นนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่
ภายนอกห้อง
กู้ชูหน่วนลากเจ้าเสือน้อยเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง
ตัวของเจ้าเสือน้อยเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำนมและมุมปากยังมีคราบนมหลงเหลืออยู่ ไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าน้ำนมของฮูหยินสามนั้นต้องเป็นมันขโมยไปแน่ๆ
“บอกให้เจ้ารออยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงยังมาแอบขโมยของในบ้านของข้าได้?”
เจ้าเสือน้อยลูบหน้าท้องของตัวเองด้วยความรู้สึกผิดและสะอึกเป็นครั้งคราวอย่างไร้เดียงสา
กู้ชูหน่วนจับหน้าของมัน “ต่อให้หิวมากแค่ไหนก็ห้ามขโมยของในบ้านข้า ครั้งหน้าห้ามทำเช่นนี้อีก”
ไม่รู้ว่าเจ้าเสือน้อยตัวนี้แอบขโมยของไปแล้วเท่าไร พุงของมันกลมโตจนแทบจะแตก
เจ้าเสือน้อยตะปบปากของมัน
กู้ชูหน่วนเห็นว่ามันเพิ่งจะเกิดออกมาจึงได้ใจอ่อน “ครั้งหน้าหากหิวนมก็ไปแอบขโมยนมที่บ้านของตระกูลไป๋หลี่นู่น ถึงอย่างไรเสียบ้านของพวกเขาก็มีกิจการใหญ่โต ขโมยมากแค่ไหนก็ไม่เป็นไร”
“(เจ้าเสือน้อยส่งเสียงคำราม)……”
เจ้าเสือน้อยเดินวนเป็นวงกลมและกรงเล็บของมันก็กรีดกรายเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังพูดคุยกับกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
“เจ้ากำลังบอกว่าชายสวมหน้ากากที่หุบเขาเจียงเจ๋อซานกำลังตามหาข้าอย่างนั้นหรือ?”
“(เจ้าเสือน้อยส่งเสียง)……”
นางเคยคิดว่าเขาจะต้องตามมาถึงจวนมู่แน่ๆ เพียงแต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะมาเร็วเช่นนี้
“ไปกันเถอะ เราออกไปจากจวนมู่กันก่อนเถอะ”
กู้ชูหน่วนอุ้มเจ้าเสือน้อยขึ้นมาและเดินออกไป
และหลังจากที่นางออกไปจากจวนมู่ไม่นาน จวนมู่ก็ถูกคนของตระกูลไป๋หลี่ปิดล้อมเอาไว้ คนที่เป็นหัวหน้าก็คือชายคนที่สวมหน้ากากผีที่พิการคนนั้น
“(เจ้าเสือน้อยคำราม)……”
เจ้าเสือน้อยส่งสัญญาณให้นาง ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลและมีลมพัดขึ้น
จากนั้นมันก็กลายเป็นเจ้าเสือน้อยขนาดเท่าฝ่ามือและเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนเบิกตากว้าง
เช่นนี้ก็ได้หรือ?
คาถาหดตัว?
นางลูบหัวของเจ้าเสือน้อยที่โผล่ออกมาและอดยิ้มไม่ได้ “เคยได้ยินแค่เจ้าเสือน้อยที่โตขึ้น แต่ไม่เคยได้ยินเจ้าเสือน้อยที่เปลี่ยนเป็นตัวเล็กลง ไม่รู้ว่าเจ้าจัดอยู่ในประเภทไหนเหมือนกัน”
กู้ชูหน่วนมองไปยังจวนมู่และเกิดความกังวลขึ้นเล็กน้อย
ผิดจากที่คาดไว้ นางน่าจะสวมผ้าปกปิดใบหน้าของนางไว้ต่อไป
แต่ตอนนี้กลับถูกคนจับได้และยังตามมาหาถึงในบ้าน
หากนางจากไปโดยไม่สนใจ หากนิสัยของชายที่สวมหน้ากาก คาดว่าจวนมู่ทุกคนจะต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน
ไม่แน่อาจจะหายไปจากบนโลกนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่หากนางไม่ไป……
กู้ชูหน่วนรู้สึกลำบากใจทั้งสองทาง
“(เสียงลมพัด)……”
ทันใดนั้นก็เกิดลมกระโชกแรงพัดขึ้น จากนั้นก็มีรัศมีการสังหารที่หนาแน่นปกคลุม โดยมีจวนมู่เป็นจุดศูนย์กลาง ถนนทั้งสายต่างถูกปกคลุมจนแทบไม่สามารถหายใจได้
กู้ชูหน่วนแทบยืนไม่ไหว
เป็นการหายใจที่แรงมาก
เป็นการบีบบังคับที่รุนแรงมาก
ผู้ชายคนนี้โกรธขึ้นมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ห่างออกไปค่อนข้างไกล ในหูยังคงได้ยินเสียงกล่าวตักเตือนของชายที่สวมหน้ากากคนนั้น
“ข้าจะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย นำตัวของมู่หน่วนออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นคนในจวนทั้งหมดต้องตายลงในคืนนี้”
คนในจวนมู่กล่าวด้วยความหวาดกลัว “คุณชายใจเย็นๆ ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่มอบตัวมู่หน่วนออกไป แต่เป็นเพราะมู่หน่วนยังไม่กลับบ้านมา พวกข้าก็ไม่รู้ว่านางไปที่ไหนกันแน่”
“นี่ไม่ใช่คือคำตอบที่ข้าอยากได้ยิน” เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเย็นชา
ผู้นำรองรีบกล่าว “พี่ใหญ่ ลูกสาวของท่านอยู่ที่ไหนกันแน่ รีบให้นางออกมาสิ เราไม่สามารถสละชีวิตของทุกคนในตระกูลลงเพื่อนางคนเดียวได้หรอกนะ”
ผู้นำสามก็พูดเสริมด้วยเช่นกัน “ใช่ นั่นถือเป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถระดับห้าขึ้นไปเชียวนะ แถมยังเป็นแขกผู้อาวุโสคนสำคัญของตระกูลไป๋หลี่อีกด้วย เราไม่สามารถสร้างความคับข้องใจต่อพวกเขาได้”
มู่ซินรู้สึกว้าวุ่นใจ เขารู้ว่าอาหน่วนต้องไปก่อเรื่องไว้กับใครแน่ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตและสำคัญเช่นนี้
โชคดีที่นางหนีไปก่อน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่รอดอย่างแน่นอน
มู่ซินกล่าวอย่างลำบากใจ “ข้าป่วยหนักติดเตียง หลายวันมานี้ก็อยู่แต่ภายในห้องเท่านั้น พวกเจ้าก็รู้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่านางอยู่ที่ไหน”
“คุณชายเยี่ย เห็นทีว่าคนของจวนมู่คงอยากลองดี ข้าคิดว่าจัดการพวกเขาเสียเลยดีกว่า”
คนที่เข้ามาพร้อมกับเยี่ยจิ่งหาน นอกจากลูกน้องของตระกูลไป๋หลี่แล้ว ยังมีไป๋หลี่เจิ้นอีกคน
เขาอยากจะจัดการคนของตระกูลมู่ตั้งนานแล้ว เพื่อล้างแค้นแทนลูกหลานของตัวเอง
ครั้งก่อนหากไม่ใช่เป็นเพราะเยี่ยจิ่งหานคอยห้ามปรามเอาไว้ เช่นนั้นพวกเขาก็จัดการจวนมู่ไปนานแล้ว
ครั้งนี้ตระกูลมู่หาเหาใส่หัวเองที่กล้าสร้างปัญหาให้กับเยี่ยจิ่งหาน นี่คือโอกาสที่ดีในการจัดการพวกเขา
ผู้นำรองรู้สึกตื่นตระหนก เขาแทบหายใจไม่ทั่วท้อง “อาหน่วนมีการหมั้นหมายไว้กับตระกูลซั่งกวน อีกทั้งเรายัง……กับตระกูลจักรพรรดิอีกด้วย”
“อย่าคิดจะใช้พวกเขามากดดันพวกข้าเลย ตระกูลซั่งกวนอาจจะไม่ยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้ก็ได้ ส่วนตระกูลจักรพรรดิ หยุดพูดล้อเล่นเสียทีเถอะ? ใครๆ ก็รู้ว่าตระกูลจักรพรรดิได้ตัดหางปล่อยวัดพวกเจ้าไปแล้ว ไม่เช่นนั้นทุกปีทำไมถึงไม่แบ่งยาอายุวัฒนะให้กับจวนมู่ของพวกเจ้าล่ะ?”
สีหน้าของคนของตระกูลมู่ต่างไม่ดีนัก
ตระกูลจักรพรรดิไม่ยอมรับพวกเขานั้นเป็นเรื่องจริง เพียงแต่ไม่มีใครนำเรื่องนี้ออกมาพูดในที่สาธารณะ
แต่ไป๋หลี่เจิ้นกลับพูดออกมาจนทำให้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก
ผู้นำรองอยากจะพูดว่า หากตระกูลซั่งกวนไม่ยอมรับการแต่งงาน เช่นนั้นแล้วครั้งก่อนคงไม่ออกหน้าแทนจวนมู่หรอก
ผู้นำของตระกูลมู่ขัดขวางเขาไว้ได้ทันและกล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่ทราบว่ามู่หน่วนทำอะไรให้คุณชายไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นแล้วตระกูลมู่ทุกคนต้องขอโทษแทนนางด้วยและพวกข้าจะรีบตามหานางให้เจอ เพื่อให้นางไปขอโทษท่านด้วยตัวเอง คุณชายได้โปรดอภัยให้นางด้วย”
ไป๋หลี่เจิ้นยังอยากจะตวาดกลับไป
เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเยือกเย็น “ข้าจะให้เวลาเพียงธูปหนึ่งดอก หลังจากนี้แล้ว หากนางยังไม่ปรากฏตัวออกมา เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าทำเกินไปที่ทำลายจวนมู่ทั้งหมดทิ้ง”
คนของจวนมู่ต่างพากันตื่นตระหนก
ธูปหนึ่งดอก?
เวลาเพียงเท่านี้น้อยไปหรือไม่?
เวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ พวกเขาจะหามู่หน่วนเจอได้อย่างไร?
เมื่อมองไปยังเยี่ยจิ่งหานที่มีสีหน้าเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยรัศมีสังหารครอบงำอยู่
พวกเขาเชื่ออย่างแน่นอนว่าหากมู่หน่วนยังไม่ออกมา เช่นนั้นแล้วเขาต้องทำลายจวนมู่ลงแน่ๆ
จากความสามารถของเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลไป๋หลี่เลยด้วยซ้ำ เขาเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายคนของจวนมู่ทั้งหมดไม่ให้มีชีวิตเหลืออยู่ได้
ผู้นำตระกูลมู่รีบกล่าวขึ้นมา “เร็วเข้า รีบไปตามหาคุณหนูสามเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าเป็นหรือตายจะต้องพาตัวนางกลับมาให้ได้”
“ขอรับๆ……”
ผู้นำรองและผู้นำสามต่างก็รีบพากันออกไปตามหา
นอกจากพวกเขาจะโมโหมู่หน่วนแล้ว พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย
ไป๋หลี่เจิ้นรออย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว