กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 823
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 823
ทันใดนั้นเอวที่กำยำล่ำสันก็ถูกหยิกอย่างแรง
ความเจ็บปวดอย่างเฉียบพลัน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะร้องครวญคราง
ความโกรธปรากฏขึ้นในแววตาของเหวินเส่าอี๋
ดูเหมือนว่ากู้ชูหน่วนจะไม่เห็น และหยิกเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้เหวินเส่าอี๋เตรียมใจไว้แล้ว เขากัดฟันแน่น และไม่ส่งเสียงใด ๆ
แต่เสียงของนางกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ว่าจะฟังอย่างไร กู้ชูหน่วนก็รู้สึกตัวเองเสียเปรียบมาก
“ข้าเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเพราะความจำเป็น ส่วนเจ้าเป็นชายอกสามศอกแต่กลับเขินอาย?”
เหวินเส่าอี๋เบือนหน้าหนี และไม่อยากเห็นใบหน้าที่น่าสะอิดสะเอียนของนาง
“เฮ้ เสี่ยวหูเตี๋ย หากเจ้ายังไม่ส่งเสียงร้อง ข้าจะขืนใจเจ้าจริง ๆ ”
“เจ้ากล้า”
“เจ้าก็ลองดูว่าข้าจะกล้าหรือไม่กล้า”
เมื่อมองไปที่นัยน์ตาของกู้ชูหน่วน และการกระทำของนาง เหวินเส่าอี๋ก็เชื่อมโยงนางกับใครบางคนอย่างน่าประหลาดใจ
ไม่รู้ทำไมเขาถึงเชื่อว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
“โอ้ย เจ้าเบา ๆ หน่อย อย่ารีบร้อนนัก เจ็บ……เจ้าทำข้าเจ็บ……”
“เร็วหน่อยย เร็วอีกหน่อย……”
“อืม……สบาย……เสี่ยวหูเตี๋ย ข้ารักเจ้า……”
เส้นเลือดของเหวินเส่าอี๋ปูดขึ้นมา
เขาอยากจะผลักกู้ชูหน่วนออกไป แต่กู้ชูหน่วนอยู่ใกล้มาก และกลิ่นสมุนไพรที่เป็นเอกลักษณ์บนกายของนางก็ติดอยู่จมูกของเขา
แม้แต่ลมหายใจของนางก็พ่นใส่ปลายจมูกของเขา
ใบหน้าของเหวินเส่าอี๋แดงก่ำ
และทำอะไรไม่ถูก
หากเป็นไปได้ เขาอยากจะมุดดินหนี
ผู้คนที่อยู่ข้างนอกต่างมองหน้ากัน
เมื่อได้ยินเสียงเตียงที่โยกเยกอยู่ข้างใน
พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“ไหนว่าคนนอกเป็นพวกรักษาความลับ ข้าว่าเสี่ยวมี่เฟิงกล้ากว่าพวกเราเสียอีก”
“ใช่ ร้องเสียงดังมาก ดังกว่าคนที่บ้านข้าเสียอีก”
“แต่ทำไมชายผู้นั้นถึงไม่ส่งเสียงเลย”
“บางทีเขาอาจจะหน้าบาง”
“ไม่ น่าจะเป็นเพราะเขาได้รับบาดเจ็บ หรือบางทีเขาอาจจะค่อนข้างเก็บอารมณ์?พวกเจ้าไม่เห็นหรือ ดูเหมือนว่าเสี่ยวหูเตี๋ยจะไม่ค่อยพูด”
เมื่อคำพูดของพวกเขาจบลง ทันใดนั้นเสียงของเหวินเส่าอี๋ก็ดังขึ้น
“อ้า……”
ฮ้า……
ทุกคนถอนคำพูดที่พวกเขาเพิ่งพูดไปกลับมา
ดูเหมือนชายผู้นี้จะดุดันกว่าที่พวกเขาคิดไว้ เพียงแต่เก็บกดไว้เท่านั้น?
หัวหน้าเผ่ากล่าวว่า “ในเมื่อพวกเขาเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ พวกเราก็แยกย้ายกันไปเถอะ ฟ้าใกล้สางแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องล่าสัตว์”
ผู้คนในเผ่าไม่อยากกลับไป แต่ถึงอย่างไรหัวหน้าเผ่าก็พูดออกมาแล้ว พวกเขาจึงทำได้เพียงกลับไปอย่างเขินอาย
ข้างนอกห้อง มีเพียงอาต้าและหัวหน้าเผ่าเพียงสองคน
อาต้ากล่าวว่า “ท่านพ่อ สถานะของพวกเขาไม่มีอะไรจริง ๆ หรือ?”
หัวหน้าเผ่าไม่พูดอะไร เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวเพียงว่า “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
ในห้อง
เหวินเส่าอี๋เหงื่อออกด้วยความเจ็บปวด
เขากัดฟันและกล่าวว่า “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?ดึงไปได้ทุกหนทุกแห่ง”
เขาสงสัยว่าตัวเองจะถูกนางดึงจนไร้ผู้สืบสกุล
“หากข้าไม่ดึง เจ้าจะส่งเสียงออกมาหรือ?”
“เจ้ามันหน้าไม่อาย แต่ข้าอาย”
“หน้าตาสำคัญ หรือว่าชีวิตสำคัญ?”
“……”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไปแล้ว เพียงแต่หากมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน รูปร่างของเจ้าช่างดียิ่งนัก พวกเรามาทำความรู้จักกันอย่างลึกซึ้งดีหรือไม่?”
แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะเป็นอัมพาต แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรวบรวมพลังทั้งหมด และพยายามคลานออกไป
แต่กู้ชูหน่วนก็ดึงเขากลับมา
“จะหนีไปไหน คงไม่ใช่ว่าเจ้ายังเด็กอยู่นะ”
“……”
“ความสุขเช่นนี้ เราแต่งงานกันแล้ว นับจากนี้ไปเจ้าก็เป็นผู้ชายของข้าแล้ว”
เหวินเส่าอี๋กระวนกระวายใจ และอยากอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงที่อตรงหน้าเขา
เขาตระหนักได้ว่าตัวเองประเมินความไร้ยางอายของหญิงผู้นี้สูงเกินไป
เมื่อเหวินเส่าอี๋เห็นกู้ชูหน่วน ราวกับว่าเขาเห็นปีศาจคลานออกมาจากนรก
นางยิ้มอย่างมีความสุข และตบบั้นท้ายที่ปานรูปดอกเหมยของเหวินเส่าอี๋สองสามครั้ง “ข้าล้อเล่น ถึงแม้ว่าข้าจะชอบชายรูปงาม แต่ไม่ใช่ใครก็ได้”
“อัก……”
เหวินเส่าอี๋โกรธมากจนกระอักเลือดออกมา ทำให้เปื้อนเสื้อผ้าที่หยาบกร้าน
“คงไม่ใช่ว่าโกรธจนกระอักเลือดหรอกนะ?”
เมื่อเห็นว่าเขาโกรธจนกระอักเลือด กู้ชูหน่วนก็ไม่กล้าล้อเล่นอีก นางกลัวว่าหากล้อเล่นต่อไป ชายที่อยู่ตรงหน้าอาจจะถูกนางยั่วโมโหจนตาย
กู้ชูหน่วนขยับที่และนอนตะแคงบนพื้น นางหนุนมือทั้งสองข้างของตัวเองและมองเขา
“เสี่ยวหูเตี๋ย เจ้าเป็นใคร?ทำไมเจ้าถึงอยู่ในป่าเพียงลำพัง?”
“……”
“เจ้าต้องการเลื่อนขั้นเป็นอีกกี่ระดับ?ระดับสอง?ระดับสาม?”
“……”
“ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะปล่อยเราไปหรือไม่ แต่ที่ตัวข้ายังพอมีสมุนไพรอยู่บ้าง อีกเดียวข้าจะปรุงยา ในวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนนี้ ”
“ถึงตอนนั้นข้าจะซ่อนเจ้าไว้ในที่ที่ปลอดภัย รอให้อาการอัมพาตของเจ้าหาย แล้วเจ้าค่อยหาโอกาสหนีไป”
“เฮ้ เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเจ้าแล้ว ข้าอยากจะทำลายวรยุทธ์ของเจ้า และกักขังเจ้าไว้เคียงข้างข้าตลอดไป”
เมื่อได้ยินคำว่าทำลายวรยุทธ์ ก็ไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี้คิดอะไร ร่างกายของเขาเยือกเย็นขึ้นมาในทันที และเผยให้เห็นแววตาอาฆาต
กู้ชูหน่วนกล่าวต่อว่า “แต่หากข้าหักปีกทั้งสองข้างของเจ้า เจ้าคงจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต ดังนั้นข้าขอชื่นชมความงดงามของเจ้าอยู่ห่าง ๆ จะดีกว่า”
“เจ้าหน้าบางมากเกินไป จึงถูกแทะโลมได้ง่าย ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าเคยถูกแทะโลมบ้างหรือไม่ และเคยถูกแทะโลมกี่ครั้ง”
กู้ชูหน่วนพร่ำพูดตลอดทั้งคืน แต่เหวินเส่าอี๋ก็ไม่ตอบสนองใด ๆ
กู้ชูหน่วนหลับไปโดยไม่รู้ตัว
แต่เหวินเส่าอี๋ไม่ได้หลับ
วันนี้เขาถูกเหยียดหยามอย่างหนัก แต่เมื่อมองดูใบหน้าที่คุ้นเคยของหญิงที่อยู่ตรงหน้าแล้ว หัวใจของเหวินเส่าอี๋ก็เต้นแรง และนึกถึงกู้ชูหน่วนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
กู้ชูหน่วน……
เขาไม่อยากนึกถึงหญิงผู้นี้ไปตลอดชีวิตของเขา
เป็นเกลียดชังหญิงผู้นี้เข้ากระดูก
เขาเดินทางมาไกลแสนไกล และมาที่รัฐปิงเพื่อรวบรวมสาขาของเผ่าเพลิงฟ้าให้กลับมาแข็งแกร่ง จากนั้นก็จะทำลายเผ่าหยกและฆ่านาง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…….
เขายังไม่ทันได้ฆ่านาง
นางก็ตายเสียแล้ว
แม้ว่านางจะตายไปแล้ว เขาจะขุดหลุมฝังศพของนาง และทุบโครงกระดูกของนางให้เป็นเถ้าถ่าน
“ขวับ……”
เงาดำแวบเข้ามา และคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าเหวินเส่าอี๋
“ผู้น้อยมีความผิด นานขนาดนี้แล้วเพิ่งจะหานายท่านพบ”
ทันทีที่เงานั้นแวบข้ามา กู้ชูหน่วนก็สังเกตเห็นว่าผู้ที่มานั้นแข็งแกร่งมากเกินไป อย่างน้อยก็น่าจะมีวรยุทธ์ระดับที่สี่ขึ้นไป และด้วยวรยุทธ์ของนางในตอนนี้ นางย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นางจึงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นหลับ และกำผงพิษไว้ในแน่น
“กลับไปเฆี่ยนตนเองหนึ่งร้อยไม้ และคนที่เหลือสามร้อยไม้”
“ขอบคุณนายท่าน”
เงาดำยืนขึ้น เมื่อเห็นว่านายท่านของตนเอง ไม่เพียงแต่จะสวมเสื้อผ้าที่หยาบกร้าน แต่ยังปกคลุมทั่วทั้งร่างกายไม่มิด
เขาจึงรีบถอดเสื้อผ้า แล้วคลุมให้เหวินเส่าอี๋
“นายท่าน ท่านต้องการจะทำลายทั้งหมู่บ้านหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนกำมือแน่น
ทำลายทั้งหมู่บ้าน?
หมู่บ้านของชนพื้นเมืองงั้นหรือ?
เหวินเส่าอี๋มองดูแสงจันทร์ที่สว่างไสวข้างนอก ภาพตอนที่เผ่าเพลิงฟ้าถูกทำลายผุดขึ้นมาในหัวของเขา ซากศพกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เขากล่าวด้วยเสียงต่ำ “ช่างเถอะ ปล่อยพวกเขาไป”
“แล้วหญิงผู้นี้?”
“ฆ่าซะ”
คำว่าฆ่าเยือกเย็น ไม่แยแส ไม่มีร่องรอยของความสงสาร
กู้ชูหน่วนสาปแช่งเขาในใจหลายพันครั้ง
ไอ้คนเนรคุณ
หากไม่ใช่เพราะนาง เขาจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ได้อย่างไร