กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 825
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 825
ในมุมทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนแต่งตัวงดงามอดไม่ได้ที่จะมองไปด้านข้าง
ผู้หนึ่งคือองค์ชายแห่งราชวงศ์หยางโม่ และอีกผู้หนึ่งคือจวิ้นจู่แห่งราชวงศ์หยางมั่นราชวงศ์ซึ่งมีฐานะสูงส่งมากนมายนัก
“จุดเส้นวรยุทธชั้นที่เก้า นางได้ขึ้นถึงจุดเส้นวรยุทธขั้นที่เก้าแล้วจริงๆ” หยางโม่อุทานด้วยความตกใจ
หยางมั่นขมวดคิ้ว “จู่ๆนางก็ได้เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือว่าเมื่อก่อนแสร้งทำเป็นอ่อนแอมาโดยตลอดนะ”
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ แม้แต่ผู้มีพรสวรรค์ที่สุดก็ยังไม่สามารถทะลวงจุดเส้นวรยุทธขั้นที่เก้าได้ในชั่วพริบตา
มีความเป็นไปได้อย่างเดียวคือกู้ชูหน่วนได้ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้โดยตลอด
เพียงแค่พวกเขาไม่เข้าใจว่านางปิดบังความแข็งแกร่งเอาไว้ไปเพื่อสิ่งใด?
ในวันนี้นิสัยที่เย่อหยิ่งของนางก็แตกต่างจากแต่ก่อนมากมายนัก
หากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาพวกเขาคิดว่าตนเองคงจะจำคนผิดไป
สีหน้าของไป๋หลี่หมิงแปรเปลี่ยนเป็นเขียวปรี๊ด เขาก่นด่าด้วยความโมโหว่า “เศษสวะ พวกเศษสวะทั้งนั้น ยังไม่รีบถอยออกไปอีก”
เหล่าคุณชายผู้สูงศักดิ์สองสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไป่หลี่หมิงหัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่หมิง ก็เพียงแค่เศษสวะผู้หนึ่งเท่านั้นเองพวกเราช่วยท่านจัดการนางเป็นอย่างไร?”
แม้ว่าไป๋หลี่หมิงจะไม่กล่าวสิ่งใดแต่กลับยิ้มขึ้นด้วยความเห็นด้วยโดยปริยาย
คุณชายทั้งสี่ล้อมรอบกู้ชูหน่วนเอาไว้พร้อมกับท่าทีที่ไม่ต้องกล่าวก็แสดงออกในตัวมันเองอยู่ในดวงตา
“มู่หน่วนเห็นแก่ที่เจ้าพอมีความงามอยู่บ้าง เพียงแค่เจ้าคุกเข่าอ้อนวอนอย่างเชื่อฟังแล้ววันนี้ก็อยู่เป็นเพื่อนสนุกสนานกับพวกข้าไม่กี่คนบางทีพวกเราสามารถพิจารณาที่จะปล่อยเจ้าไป”
ท่าทางขยับเขยื้อนของพัดของเซี่ยวอวี่เซวียนแข็งทื่อลงบางส่วน
หลินหย่วนรู้สึกกังวลใจ
กู้ชูหน่วนกลับไม่ได้ใส่ใจจากนั้นเหลือบมองพวกเขาแล้วกล่าวคำพูดประโยคหนึ่งที่หยิ่งยโสนัก
“พวกเจ้าทั้งสี่คนปรนนิบัติข้าให้ดี บางทีอารมณ์ข้าอาจจะดีขึ้นแล้วทนฝืนที่จะปล่อยพวกเจ้าไป”
“โอหัง ก็เพียงแค่เศษสวะผู้หนึ่งเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าขึ้นถึงจุดเส้นวรยุทธขั้นที่เก้าเจ้าก็ยังเป็นเศษสวะผู้หนึ่ง ความแข็งแกร่งของพวกเราขึ้นถึงระดับที่หนึ่งแล้วซึ่งใช่ว่าจุดเส้นวรยุทธขั้นที่เก้าของเจ้าจะสามารถเทียบเทียมได้”
“ระดับหนึ่งยังมีขั้นสูงกลางต่ำด้วย พวกเจ้าเป็นขั้นสูงขั้นกลางหรือขั้นต่ำกันหล่ะ?”
สีหน้าของคุณชายทั้งสี่ย่ำแย่นัก
ความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นขั้นต่ำระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ระดับหนึ่งขั้นต่ำนี้ยังเป็นการเพิ่มพูนขึ้นเนื่องด้วยการกินยาอายุวัฒนะจำนวนมากด้วย ไม่เช่นนั้นด้วยอายุวัยนี้ของพวกเขาขึ้นไปถึงระดับหนึ่งได้อย่างไร
“ไว้หน้าแล้วยังไม่เอางั้นก็อย่าโทษที่พวกเราไม่เกรงใจแล้ว”
คุณชายทั้งสี่คนลงมือพร้อมกันและลงมือก็ต้องการฉีกเสื้อผ้าของกู้ชูหน่วนทำให้นางขายหน้าต่อผู้คน
ร่างของกู้ชูหน่วนขยับครู่หนึ่งก็เกรงว่าจะเกิดเสียงเพี๊ยะๆๆๆตรงปากดังขึ้นมา
จากนั้นกู้ชูหน่วนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เพียงคุณชายทั้งสี่คนที่ปะทะเข้าด้วยกันโดยที่บนใบหน้าของแต่ละคนมีรอยตบอันชัดเจน
ช่างรวดเร็วว่องไวนัก……
ความว่องไวนี้เทียบได้กับขั้นสูงระดับหนึ่งเลยกระมัง
แล้วก็มองดูคนทั้งสี่คนนั้น แม้ว่าวรยุทธของพวกเขาจะทั่วๆไปแต่เช่นไรพวกเขาก็เป็นระดับหนึ่งแล้วเหตุมใดถึงได้ถูกตีได้น่าอนาถเช่นนั้นได้
ที่สำคัญคือสี่ต่อหนึ่ง……
นี่……ช่างน่าขายหน้าเกินไปแล้ว
คุณชายสี่คนนั้นก็รู้สึกน่าอายมากมายเช่นกัน ในขณะที่กำลังต้องการดึงอาวุธออกมาจัดการกับกู้ชูหน่วน กางเกงของพวกเขาก็ฉีกขาดไปหมดเลย
ชู่ว์……
มีชายหญิงจำนวนนับไม่ถ้วนมองดูกันอยู่ที่นี่
แม้ว่าพวกเขาจะรักอิสระเพียงใดก็อดที่จะหน้าแดงขึ้นไม่ได้
แต่ละคนปกปิดร่างกายท่อนล่างเอาไว้อย่างรวดเร็วและรีบวิ่งหนีไปโดยที่ในใจนั้นต้องการสับกู้ชูหน่วนให้เป็นชิ้นๆ
เซี่ยวอวี่เซวียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น ได้ปรากฏรอยยิ้มผ่านตรงมุมปากไป
ไป๋หลี่หมิงโมโหยิ่งนัก เขาชี้ไปยังทหารคุ้มกันติดตามตัวที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ
ความแข็งแกร่งของทหารคุ้มกันเหล่านี้สูงกว่าแต่ก่อนมากมายนัก โดยพื้นฐานแล้วอยู่ขั้นกลางระดับหนึ่งกันทั้งสิ้น
ทหารคุ้มกันได้ยินเข้าคนยังไม่ฝ่ามือก็ได้มาถึงก่อนซะแล้ว
หูของกู้ชูหน่วนขยับ
ร่างนั้นลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมด้วยหมัดอันดุดันหมัดหนึ่งก็ซัดเข้าไปยังทหารคุ้มกันผู้หนึ่ง
“ตุ๊บ……”
หมัดทั้งสองชนกันทำให้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
กู้ชูหน่วนถอยหลังไปสองสามก้าวแต่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บสาหัสให้เห็นได้ชัด
ทหารคุ้มกันมีทั้งหมดสองคน
นางพลิกฝ่ามือแล้วซัดหมัดไปยังทหารคุ้มกันอีกคนหนึ่งอีกครั้ง
“ตุ๊บ……”
ก็เป็นหมัดสองหมัดปะทะกันอีกครั้งทำให้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ทุกคนอดที่จะสงสัยว่ากำปั้นของกู้ชูหน่วนแหลกละเอียดไปแล้วหรือไม่ อวัยวะภายในก็ถูกกระแทกจนแหลกไปด้วยหรือเปล่า
แต่ว่าพวกเขาผิดหวังเสียแล้ว
แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะตกเป็นเบี้ยล่างแต่ก็ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บที่เห็นชัดเลย
แต่กลับใช้ความไวต่อสู้กับความไว ใช้ความแข็งแกร่งต่อสู้กับความแข็งแกร่ง ปะทะเนื้อหนังเป็นหมัดๆด้วยแข็งชนแข็ง ทุกกระบวนท่าไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตตนเองเลย เพียงแค่ต้องการเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ล้มลง
วิธีการต่อสู้อันแข็งแกร่งเช่นนี้ ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของทหารคุ้มกันผู้นั้นมีมากกว่านางมากมายนักแต่ก็ไม่ได้เปรียบอันใดในชั่วขณะหนึ่ง
ทหารคุ้มกันอีกผู้หนึ่งต้องการเข้าร่วม พัดกระดูกของเซี่ยวอวี่เซวียนขวางเอาไว้แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สองจัดการหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งจัดการผู้อ่อนแอก็เป็นการรังแกคนกลั่นไปบ้างกระมัง”
“หลีกไปซะ”
ทหารคุ้มกันได้ซัดหมัดอันหนักหน่วงไปกระแทกเข้าไปยังเซี่ยวอวี่เซวียน
เซี่ยวอวี่เซวียนขยับไปด้านข้างเล็กน้อยก็หลบหมัดหนึ่งนั้นไปได้ ตำแหน่งที่ยืนอยู่นั้นได้ขัดขวาทหารคุ้มกันเอาไว้อีกครั้งไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ระหว่างกู้ชูหน่วนกับคนผู้นั้น
“ตีให้ตาย” ทหารคุ้มกันตะโกนด้วยความโกรธจัด มือทั้งคู่ผนึกขึ้นกระบวนท่าสายฟ้าฟาดซัดเข้าใส่เซี่ยวอวี่เซวียนตรงๆ
เซี่ยวอวี่เซวียนใช้ความนุ่มนวลสยบ ด้านหนึ่งแกว่งพัดไปมาอย่างเกียจคร้านอีกด้านหนึ่งก็หลบจู่โจมของทหารคุ้มกันและก็ไม่ได้จู่โจมกลับ
ทหารคุ้มกันว่องไวนักเซี่ยวอวี่เซวียนว่องไวกว่าทหารคุ้มกันเชื่องช้าเซี่ยวอวี่เซวียนก็ไวกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าจะต่อสู้กันขึ้นมาจริงเซี่ยวอวี่เซวียนก็มักจะเอาชนะเขาได้เพียงน้อยนิด
ทหารคุ้มกันโมโหเสียจนอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น แต่ว่าดันไม่สามารถจับได้แม่แต่เสื้อผ้า
บัณฑิตจำนวนไม่น้อยมองดูด้วยความตะลึง
ชายหนุ่มผู้ที่ถือพัดเป็นใครกันนะ
บอกว่าวรยุทธของเขาไม่สูงก็ดูราวกับว่าจะค่อนข้างสูง
กล่าวว่าวรยุทธของเขาสูงก็ดูราวกับว่าจะไม่สูงนัก
แต่ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสูงกว่าทหารคุ้มกันขั้นกลางระดับกลางหนึ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
จากนั้นมองดูกู้ชูหน่วนและทหารคุ้มกันอีกคนหนึ่ง พวกเขากำลังแข็งปะทะแข็งและต่อสู้กันไปมาอยู่
กู้ชูหน่วนไม่ได้หวาดกลัวเลย แต่ละกระบวนท่าก้าวไปด้านหน้าอย่างกล้าหาญ ด้วยวิธีการต่อสู้ที่จำต้องตายเป็นแน่และกระบวนท่าของนางนั้นต่อกรได้บาก มักจะทำให้คนคาดเดาไม่ได้ว่าก้าวต่อไปจะออกกระบวนท่าใด
กลับเห็นนางใช้กระบวนท่าจอมปลอมแสร้งไม่ไหวทว่าความแข็งแกร่งสู้ขึ้นไปได้
“ตูมๆๆๆ……”
ฝ่ามือดอกท้อสองสามฝ่ามือเข้าไป ซี่โครงของทหารคุ้มกันขั้นกลางระดับหนึ่งผู้นั้นถูกทำลายจนแตกหักทำให้เกิดเสียงกร๊อบแกร๊บดังขึ้น และในที่สุดขาก็เป็นขาไร้หนึ่งเข้าไปหักขาทั้งสองของทหารคุ้มจนหักเลยโดยตรง
โพล๊วะ……
ตามหลังกู้ชูหน่วนที่เอาชนะทหารคุ้มกันได้นั้นเซี่ยวอวี่เซวียนก็ได้เขวี้ยงพัดในมือจนคู่ต่อสู้ของเขาลอยบินล้มลงไปที่พื้นจนไม่สามารถลุกขึ้นได้เป็นเวลานาน
ชู่ว์……
ผู้คนในที่นั้นอ้าปากค้างตกตะลึงจนสามารถกลืนไข่ได้ทั้งใบแล้ว
หากว่าสองครั้งแรกเป็นความโชคดี
งั้นครั้งนี้กู้ชูหน่วนก็ได้เอาชนะคนขั้นกลางระดับหนึ่งได้ด้วยด้วยพละกำลังของตนเอง
ได้ถูเข้าสิงไปแล้ว ไม่เช่นนั้นนางจะมีพละกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
แล้วมองดูนางกับเซี่ยวอวี่เซวียนยืนอยู่ด้วยกันงดงามทั้งชายหญิง ผู้หนึ่งเย่อหยิ่งโดยที่ระหว่างคิ้วแฝงด้วยความรู้สึกดูแคลนใต้หล้า
ผู้หนึ่งเกียจคร้านงามสง่าพร้อมรอยยิ้มมีเสน่ห์น้อยนิดตรงมุมปาก
ดูเช่นนี้ราวกับคู่รักคู่หนึ่ง
ไป๋หลี่หมิงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้ามู่หน่วนตัวดี วันนี้หากข้าไม่สังหารเจ้าข้าจะไม่แซ่ไป๋หลี่ พวกเจ้าไปนำตัวเจี้ยนนู๋ต่ำต้อยในตระกูลมาให้ข้า”
“ขอรับ”
ชู่ว์……
เจี้ยนนู๋?
เซียนดาบของตระกูลไป๋หลี่
แม้จะเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อยแต่ได้ยินมาว่าความแข็งแกร่งนั้นได้ขึ้นถึงระดับที่สี่แล้ว
นั่นเป็นถึงระดับสี่……
เพียงแค่ที่เขาปรากฏตัวในที่นั้นผู้ใดจะสามารถหยุดยั้งเขาได้
ไป๋หลี่หมิงโกรธจนบ้าไปแล้ว
บางคนกังวลแทนกู้ชูหน่วน
บางคนมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
บางคนกินเมล็ดดูการแสดง
แน่นอนว่าบางคนก็ลุกยืนขึ้นมา
หมายเหตุ
จวิ้นจู่ คำเรียกยศยศหนึ่ง