กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 826
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 826
ผู้ที่ยืนออกมาคือหนิงเทียนโย่ว
นี่คือสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด
เช่นไรหนิงเทียนโย่วก็เป็นหลานชายภรรยาเอกของตระกูลหนิงและเป็นหลานชายคนโปรดของท่านผู้เฒ่าหนิง
แต่เขากลับยืนอยู่ข้างกู้ชูหน่วน
เพียงแค่ได้ยินหนิงเทียนโย่วกล่าวว่า “ไป๋หลี่หมิงสู้สามครั้งพ่ายแพ้สามครั้ง จัดการกับผู้ที่มีเพียงจุดเส้นวรยุทธขั้นที่เก้าก็เรียกยอดฝีมือระดับสี่ในตระกูลออกมาเจ้านั้นก็ไม่กลัวอับอายขายหน้าผู้คน”
“หนิงเทียนโย่วเจ้ากลับพูดแทนเศษสวะผู้นี้”
“ประการแรกนางไม่ใช่เศษสวะ ประการที่สองนางเป็นผู้ที่ตระกูลหนิงของข้าส่งเข้าศึกษาประการที่สามหากเจ้ากล้าทำร้ายนางแค่เส้นขนเพียงหนึ่งเส้นข้าตระกูลหนิงไม่ตายจะไม่มีวันรามือกับตระกูลไป๋หลี่”
ชู่ว์……
หนิงเทียนโย่วกลับใช้คำพูดที่รุนแรงเช่นนี้……
พวกเขาไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง
กู้ชูหน่วนกอดไหล่ของเขาพร้อมกับผิวปากแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเหย้าแหย่ว่า “เสี่ยวโย่วโย่วไม่เลวนี่นา ไม่เสียแรงที่ท่านพี่รักใคร่เจ้าเช่นนี้”
ท่าทางกอดไหล่นี้นำความทรงจำที่ห่างหายไปเป็นเวลานานของเซี่ยวอวี่เซวียนคืนกลับมา
กู้ชูหน่วนก็เคยกอดไหล่ของเขาเช่นนี้และกล่าวคำพูดเช่นเดียวกันนี้
หนิงเทียนโย่วหน้าแดงขึ้นมา
เขารีบดึงมือของกู้ชูหน่วนออกแต่กู้ชูหน่วนก็วางอีก
ผู้คนมากมายมองดูอยู่ดันถูกเรียกว่าเสี่ยวโย่วโย่วแล้วยังถูกคน……ถูกคนลวนลามเช่นนี้
เขาก็ยังรักศักดิ์ศรีอยู่นะ
หนิงเทียนโย่วกล่าวว่า “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เป็นท่านปู่ของข้าที่ขอให้ข้าช่วยเหลือสงเคราะห์เจ้าในสำนักศึกษา ไม่เช่นนั้นข้าก็คร้านที่จะสนใจเจ้า”
ทุกคนประหลาดใจกันอีกครั้ง
อะไรนะ……
ท่านผู้เฒ่าหนิงให้คุณชายหนิงดูแลนางหรือ?
นางปีนป่ายขึ้นสู่ตระกูลหนิงตั้งแต่เมื่อใดกัน?
กู้ชูหน่วนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ปากไม่ตรงกับใจ ท่านพี่เข้าใจ”
หนิงเทียนโย่ว “……”
เช่นไรไป๋หลี่หมิงก็เป็นสายเลือดภรรยาเอกของตระกูล ความอัปยศอดสูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะทนกลืนลงไปได้อย่างไร
เขากำลังคิดที่จะระเบิดออก
หยางโม่ลุกยืนขึ้นแล้วกล่าวด้วยเสียงน้อยสงบเสียงมากว่า “เป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง ทุกคนก็เป็นสหายร่วมศึกษากันเหตุใดถึงได้แข็งกระด้างกันเช่นนี้ เวลาขานนามก็ใกล้เข้ามาแล้วเช่นไรก็เข้าลานแสดงยุทธ์รับการขานชื่อจะเป็นการดีกว่า จากนั้นค่อยเข้าศึกษาอย่างเป็นทางการเป็นการดีที่สุด” ”
หยางโม่ท่าทางมีพรสวรรค์ หล่อเหลาห้าวหาญและยังเป็นองค์ชายด้วย
แม้ว่าบัลลังก์ของรัฐปิงจะสืบทอดให้สตรีไม่สืบทอดให้บุรุษเสมอมา
แต่จักรพรรดินีในดินแดนนี้ไม่มีองค์หญิงมีเพียงองค์ชายเท่านั้น ผู้ใดก็ไม่รูัว่าราชบัลลังก์ในภายหน้าจะตกเป็นของหยางโม่หรือไม่
ด้วยเหตุนี้……
คำพูดของเขามีน้ำหนักยิ่งนัก
แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ก็ยังไม่ไว้หน้าไม่ได้
แม้ว่าไป๋หลี่หมิงจะรู้สึกไม่เป็นธรรมก็ทำได้เพียงถอยหลังก้าวหนึ่ง
กู้ชูหน่วนมองหยางโม่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทุกคนคิดว่านางจะรู้สึกขอบคุณแต่คิดไม่ถึงว่านางเพียงแค่ลากเซี่ยวอวี่เซวียนและคนอื่นๆเข้าสู่ลานแสดงยุทธ์และไม่แม้แต่จะกล่าวคำพูดสุภาพกับหยางโม่
หยางโม่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ดูเหมือนว่าเขาจะ……ไม่ได้ทำให้นางขุ่นเคืองที่ใดหรอกนะ
ในขณะที่กู้ชูหน่วนเข้าสู่ลานแสดงยุทธ์ก็เห็นชายหนุ่มรูปงามรูปร่างสูงยาวเข่าดีและท่าทางเลิศเลอผู้หนึ่ง
ชายหนุ่มผู้นี้สูงสง่าหรูหราไปทั้งเนื้อตัวกลิ่นและสวมเสื้อสีฟ้าอ่อนโดยที่เสื้อนั้นปักเป็นรูปไม้ไผ่เขียวขจีเสมือนจริง รอบเอวคล้องด้วยเพียงแค่ยกสีขาวธรรมดาเท่านั้นเองทว่ากลับสามารถเผยรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของเขาออกมาได้
เขาใช้ปิ่นปักผมกหยกสีเขียวม้วนครึ่งศีรษะเอาไว้ ลมค่อยๆพัดผ่านเป่าผมดำขลิบของเขาช่วยเพิ่มความสง่างามขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
เพียงแต่ทั้งร่างบังเกิดอากาศอันเยือกเย็นทั่วจนทำให้คนไม่กล้ามองดูโดยตรง
ในขณะที่ชายหนุ่มเดินผ่านกู้ชูหน่วน กู้ชูหน่วนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขายิ้มเยาะเย้ยด้วยเสียงอันเบาเสียงหนึ่งราวกับว่าดูถูกดูแคลนโดยแท้จริง
นางถามหนิงเทียนโย่ว
“ชายผู้นี้เป็นใครกัน?” ช่างไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเลยกระมัง
หนิงเทียนโย่วตกใจเล็กน้อย “เจ้าล้อข้าเล่นหรือเปล่า? เขาก็เป็นคู่หมั้นของเจ้าซั่งกวนหมิงหลางไม่ใช่หรือ ”
กู้ชูหน่วนเกือบจะสำลักน้ำลายของตนเอง
คู่หมั้นของเขา?
ซั่งกวนหมิงหลาง?
“ทำไม เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ รู้สึกใจเต้นแล้วหรือ?” หนิงเทียนโย่วชี้ไปยังบัณฑิตหญิงคนอื่นๆในสำนักศึกษา คนเหล่านี้มองซั่งกวนหมิงหลางด้วยสายตาพึงปรารถนาและรักใคร่ชอบพอสุดที่จะบรรยายได้
ปากกู้ชูหน่วนกระตุกขึ้น
ใจเต้นกับผีสิ
แม้ว่าหน้าตาเขาจะหล่อเหลาแต่ก็ไม่ใช่ที่นางชื่นชอบ
การหมั้นหมายนี้นางต้องคิดหาวิธีล้มเลิกให้ได้
ในลานแสดงยุทธ์
บัณฑิตจำนวนมากมายยืนกันเป็นแถวโดยมีผู้อาวุโสของสี่ตระกูลนั่งอยู่บนจุดสูงสุดพร้อมทั้งท่านอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมจำนวนหลายท่านของสำนักศึกษาอี้เหอ
เซี่ยวอวี่เซวียนและกู้ชูหน่วนยืนอยู่ด้วยกัน
เมื่อคนของผู้นำตระกูลซั่งกวนเห็นเซี่ยวอวี่เซวียนเข้าก็คิดว่าพวกเขามองผิดพลาดจึงอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาเพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้ง
เป็นเขานี่นา……
เหตุใดเขาถึงได้อยู่ในกลุ่มบัณฑิตได้?
ไป๋หลี่เจิ้นเหลือบไปยังกู้ชูหน่วนและมองไปยังตระกูลซั่งกวนที่ดูแปลกประหลาดแล้วกล่าวว่า “คนบางคนส่งคนผู้เดียวกันเข้าศึกษาในทุกๆปี ส่งเข้าศึกษามานานหลายปีก็ไม่รู้สึกเหนื่อยกันบ้างเลย”
เดิมทีซั่งกวนชิงก็แค้นเคืองซั่งกวนเจิ้น เมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็อดเยาะเย้ยไม่ได้ “ก็ดีกว่าคนบางคนซึ่งผู้ที่ส่งเข้าศึกษาแม้แต่จุดเส้นวรยุทธ์อันน้อยนิดก็สู้ไม่ได้
ไม่รอให้ไป๋หลี่เจิ้นเกิดโทสะลูกน้องของไป๋หลี่เจิ้นก็กระซิบว่า “ผู้อาวุโส ปีนี้ตระกูลซั่งกวนไม่ได้ส่งผู้ใดเข้าศึกษาเลยสักคน มู่หน่วนเป็นผู้ที่ตระกูลหนิงส่งเข้าศึกษาและความแข็งแกร่งของมู่หน่วนก็ได้ถึงยังจุดเส้นวรยุทธขั้นที่เก้าแล้ว”
อะไรนะ……
ตระกูลหนิงส่งเข้าศึกษา?
สี่ตระกูลใหญ่แต่ละตระกูล ทุกๆปีจะส่งนามผู้ที่เข้าศึกษาผู้หนึ่ง
แต่ว่าตระกูลมู่มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลหนิง?
เหตุใดตระกูลหนิงถึงได้ส่งนางเข้าศึกษา?
ไป๋หลี่เจิ้นมองไปยังท่านผู้เฒ่าหนิงด้วยความงุนงงแต่กลับเห็นผู้เฒ่าหนิงทักทายกู้ชูหน่วนด้วยรอยยิ้มท่วมใบหน้า ดูท่าทีเช่นนั้นเห็นได้ชัดว่าสนิทสนมกันมากมายเพียงใด
เรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นทุกๆปี ปีนี้มากเป็นพิเศษ
ช่างแปลกประหลาดจริงๆ
ตระกูลซั่งกวนก็รู้สึกว่าเแปลกประหลาดยิ่งนัก
ที่น่าแปลกกว่านั้นคือกู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดังใส่ท่านผู้เฒ่าหนิง “ผู้เฒ่าน้องชายของข้าเซี่ยวอวี่เซวียนก็อยากเข้าสถาบันศึกษาเช่นเดียวกัน แต่การทดสอบของสำนักศึกษาได้ผ่านพ้นไปแล้วหรือไม่เจ้าก็ส่งเข้ามาศึกษาด้วยสิ”
ผู้คน “……”
หญิงผู้นี้เป็นคนโง่เง่าหรือ?
ตระกูลๆหนึ่งสามารถส่งเข้าศึกษาได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น หรือว่านางไม่รู้หรือ?
และ……
นางนับเป็นสิ่งของอันใดถึงกล้าเรียกท่านผู้เฒ่าหนิงว่าผู้เฒ่าตรงๆ?
แล้วยังยโสโอหังต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
หนิงเทียนโย่วดึงแขนเสื้อของนางพร้อมกล่าวเตือนเสียงทุ้มว่า “มีคนจำนวนมากมายมองดูอยู่เช่นนี้ เช่นไรก็ไว้หน้าท่านปู่ของข้าหน่อยสิ”
รอยยิ้มของท่านผู้เฒ่าหนิงหยุดนิ่ง
เพียงแค่นางเสนอออกมาเขาก็ต้องการที่จะทำให้พึงพอใจ
แต่ว่ารายนามของตระกูลหนิงได้ให้นางแล้ว
แล้วจะมีรายนามอื่นโผล่ขึ้นมาอีกได้อย่างไร?
ในใจของซั่งกวนชิงเต้นตึกตักอยู่ครู่หนึ่ง
หรือว่าตระกูลหนิงจะรู้ว่าคุณชายเซี่ยวมีความสามารถพิเศษในการกลั่นยา ดังนั้นจึงต้องการดึงมาเป็นพวก?
เขารีบถามว่า “คุณชายเซี่ยวเจ้าต้องการเข้าสำนักศึกษาอี้เหอใช่หรือไม่?”
เซี่ยวอวี่เซวียนสะบัดพัดไปมาและกล่าวเสียงเบาว่า “ใช่”
“งั้นก็ดี ตระกูลซั่งกวนของเรายังมีนามว่างอยู่ ปีนี้ตระกูลซั่งกวนของเราจะส่งเจ้าเข้าศึกษาในสำนักนักศึกษา”
แม้ว่าซั่งกวนชิงจะไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงต้องเข้ามาในสำนักศึกษา
แต่ว่าผู้อื่นต้องการเข้ามาคิดว่าก็มีเหตุผลของตัวเขาเอง เพียงแค่สามารถดึงคนมาเป็นพวกได้ก็พอแล้ว
ตระกูลอื่นรวมทั้งนักเรียนทั้งหลายต่างก็ไม่เข้าใจ
เพื่อที่จะส่งนามผู้เข้าศึกษา มีคนตั้งเท่าไหร่ที่เบียดกันจนหัวร้างข้างแตกเพื่อขอให้สี่ตระกูลใหญ่ส่งเข้าศึกษา แต่พวกเขานั้นไม่ยินยอม
ส่วนในตอนนี้……
ตระกูลซั่งกวนกลับให้ใช้นามออกไปได้ง่ายดายเช่นนี้
ผู้ที่เรียกว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีภูมิหลังอันแข็งแกร่ง?
เหตุใดพวกเขาถึงไม่เคยเห็นชายผู้นี้มาก่อน?
กู้ชูหน่วนยักคิ้วหลิ่วตาให้เซี่ยวอวี่เซวียน “ตระกูลซั่งกวนก็พอจะเห็นเจ้าอยู่ในสายตาอยู่บ้าง เจ้ากรอกน้ำแกงชวนพิศวาสอันใดให้ผู้อื่น”
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขาสามารถกรอกน้ำแกงชวนพิศวาสอันใดได้?
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดเลยกระมัง
แม้ว่าจะมีเรื่องติดขัดแต่ก็ผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว
ต่อมาก็เป็นพิธีการเรียกขานนาม
การขานนามก็คือผู้ที่ถูกขานนามจะขึ้นไปรับชุดบัณฑิต
กู้ชูหน่วนฟังจนรู้สึกง่วง
จนกระทั่ง……
“เรียบร้อยแล้ว พิธีการขานนามได้สิ้นสุดลงตรงนี้ แต่ว่าตระกูลซั่งกวนของเรามีเรื่องหนึ่งจะประกาศ”
“นั่นก็คือ……ยกเลิกการแต่งงานระหว่างซั่งกวนหมิงหลางกับมู่หน่วน……”