กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 864
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 864
มือของเหวินเส่าอี๋ที่ถือแก้วอยู่กุมแน่น
สัญชาตญาณของเขาอยากลงมือ ทว่าเมื่อนึกถึงตอนที่นางดึงเสื้อผ้าของเขาแล้วแต่ยังให้ท่าเยี่ยจิ่งหาน เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
อีกอย่าง…
กู้ชูหน่วนจะเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ในวินาทีสุดท้ายทุกครั้ง ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้จะสามารถทำเรื่องที่คาดไม่ถึงในวินาทีสุดท้ายเช่นเดียวกับเขาหรือไม่
เพียงแค่คิดไม่ครู่หนึ่ง ฝ่ามือของไป๋หลี่เจิ้นก็ฟาดลงบนร่างของกู้ชูหน่วนแล้ว
ไม่ว่าเขาจะอยากลงมือมากเพียงใดก็ไม่ทันเสียแล้ว ทำได้เพียงมองกู้ชูหน่วนรับแรงฝ่ามือมฤตยูของเขาอย่างทำอะไรไม่ได้
หัวใจของเหวินเส่าอี๋เต้นเร็วขึ้นกะทันหัน
เขาอยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้านี้มาตลอด วันนี้ได้เห็นนางตายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้กลับมีความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
มุมปากของไป๋หลี่เจิ้นเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
ชื่นชมกับการตายของกู้ชูหน่วน
ทันใดนั้นเองรอยยิ้มของเขากลับหยุดนิ่ง
เพราะบนร่างของกู้ชูหน่วนมีพลังงานอันชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมาและดูดพลังของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
เขาอยากจะหยุดกำลังภายในของเขาไม่ให้เข้าสู่ร่างกายกู้ชูหน่วน แต่กลับไม่สามารถหยุดได้เลย
ไป๋หลี่เจิ้นจึงรีบง้างมือออกมาอย่างตกใจ
ทว่าพลังฝ่ามือของเขาดูเหมือนจะถูกดูดกลืนไปด้วย ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไรก็ไม่สามารถง้างมือออกไปได้
“เกิดอะไรขึ้น? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” ไป๋หลี่เจิ้นกล่าวอย่างตะลึงงัน
กู้ชูหน่วนคิดว่านางจะตายไปแล้ว
ตอนที่สถานการณ์พลิกผัน นางเองก็มึนงงเช่นเดียวกัน
นางไม่เพียงแต่ไม่ตายด้วยฝ่ามือของไป๋หลี่เจิ้นที่ฟาดลงไป แม้แต่ความเจ็บปวดสักเล็กน้อยก็ยังไม่มี
กำลังภายในที่เพิ่มพูนอย่างต่อเนื่องจากไป๋หลี่เจิ้นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง
นางรู้สึกเพียงว่าพลังงานในร่างกายกำลังมากขึ้นๆ มากขึ้นจนตัวนางแทบจะระเบิด
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”
กำลังภายในที่สะสมมานับสิบปีกลับให้กู้ชูหน่วนไปง่ายดายเช่นนี้ ไป๋หลี่เจิ้นจะไม่กระวนกระวายใจได้อย่างไร
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อย่าว่าแต่กำลังภายในของเขาที่จะถูกกู้ชูหน่วนดูดกลืนไปหมดเลย เกรงว่าชีวิตแก่ชราของเขาก็คงต้องทิ้งไว้ที่นี่แล้วล่ะ
กำลังภายในที่ได้มาโดยไม่ต้องพยายาม กู้ชูหน่วนจะปล่อยไปได้อย่างไรกัน
กำลังภายในของไป๋หลี่เจิ้นช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน กู้ชูหน่วนดูดกลืนมามากพอแล้ว รู้สึกว่าร่างกายของตนไม่สามารถรับได้อีกแล้ว จึงอยากจะเว้นระยะห่างจากไป๋หลี่เจิ้น
ทว่า…
นางไม่สามารถเว้นระยะออกไปได้…
เหมือนว่าตนติดกับไป๋หลี่เจิ้นเข้าให้แล้ว ไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย
“เจ้าเป็นคนตีข้า ข้าไม่สามารถดึงออกได้ เจ้าเป็นคนดึงออกซะ”
“ไร้สาระ หากข้าดึงออกได้ ข้าดึงออกนานแล้ว เจ้าฝึกฝนพลังชั่วร้ายอะไรกันแน่”
พลังชั่วร้าย?
นางจะเคยฝึกฝนพลังชั่วร้ายอะไรนั่นได้อย่างไรกัน?
เขาเป็นคนให้มาชัดๆ
ทั้งสองยังคงดึงดันกันอยู่
ทว่าเหวินเส่าอี๋กลับตะลึงจนลุกขึ้นยืน ดวงตาอันเฉียดคมและเยือกเย็นคู่นั้นจ้องกู้ชูหน่วนตาเป็นมัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ
ริมฝีปากอันเบาบางพูดออกมาว่า “มหาเวทย์ดูดพลัง”
เป็นมหาเวทย์ดูดพลังจริงๆ ด้วย
ทั่วทั้งใต้หล้ามีเพียงกู้ชูหน่วนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถใช้มหาเวทย์ดูดพลังได้
นางใช้มหาเวทย์ดูดพลังได้อย่างไรกัน?
บังเอิญงั้นหรือ?
บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญมากมายเพียงนั้นได้อย่างไรกัน?
เมื่อมองดูมู่หน่วนที่แดงก่ำไปทั่วหน้า รูปร่างของหญิงสาวคนนี้ไม่มีอะไรที่คล้ายกับนางเลยสักนิด
ทว่าเมื่อย้อนคิดดูดีๆ อีกครั้ง ทุกกิริยาท่าทางของนาง ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มของนางดูเหมือนกู้ชูหน่วนนัก
พวกนางมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
หรือว่านางคนนี้คือคือนาง?
“ปล่อย…ปล่อยมือ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”
“เจ้าปล่อยก่อน”
“เจ้านั่นแหละ”
กำลังภายในของไป๋หลี่เจิ้นถูกดูดกลืนไปจนหมด แม้แต่เลือดลมปราณก็ถูกนางดูดไปด้วย เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของตนค่อยๆ ถูกควักออกไปจนหมด
เส้นผมของเขาค่อยๆ กลายเป็นสีขาวดุจหิมะ
ร่างกายค่อยๆ เหี่ยวเฉา ใบหน้าถูกดูดจนเหลือเพียงกระดูก
เขากระวนกระวายใจ
กระวนกระวายใจอย่างที่สุด
เพียงแต่ทุกอย่างล้วนไม่ทันแล้ว
เป็นถึงผู้อาวุโสระดับสี่แห่งตระกูลไป๋หลี่กลับตายเพราะถูกหญิงสาวระดับสองดูดกำลังภายในและเลือดลมปราณไปจนหมดเหลือเพียงซากกระดูก
“อ๊าก…”
กู้ชูหน่วนส่งเสียงคำรามออกมา กำลังภายในอันร้อนแรงกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง เจ็บปวดจนนางต้องขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน กระทั่งลงไปกลิ้งกับพื้น
และนางก็ได้เลื่อนขั้นจากระดับสองไปสู่ระดับสองขั้นสูงสุดโดยตรง
เหลือเพียงอีกก้าวเดียวก็จะถึงระดับสามแล้ว
สายลมพัดแผ่วเบา เงาไผ่สั่นไหว
กู้ชูหน่วนส่งเสียงร้องเจ็บปวดทรมานอยู่บนพื้น
แผลใหม่ทับแผลเก่า มีเลือดไหลนองออกจากร่างกายของนางไม่หยุดหย่อน เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก เพียงแต่ดวงตาดำขาวแยกชัดเจนคู่นั้นกลับฉายแววดื้อรั้นออกมา
เหวินเส่าอี๋มองดูนางอย่างเหยียดหยาม ดวงตาสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านใดๆ ราวกับบ่อน้ำโบราณกำลังครุ่นคิด
ดวงตาทั้งสี่ปะทะกัน
ไม่มีใครพูดอะไรใดๆ
มีเพียงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยตลบอบอวลอยู่ในป่าไผ่
ผ่านไปนานพอควรมีเพียงน้ำเสียงอันขมขื่นของกู้ชูหน่วนดังขึ้นว่า “ดูท่าแล้วขาของเจ้าจะเล็กมากจริงๆ”
ริมปีปากบางของเหวินเส่าอี๋ขยับเล็กน้อย “ไม่ ขาของข้าใหญ่นัก”
มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุก
กลับเห็นเหวินเส่าอี๋สะพายฉินหิมะของเขาเดินออกจากป่าไผ่อย่างสง่างาม
กู้ชูหน่วนไม่คาดคิดว่าเหวินเส่าอี๋จะปล่อยนางไปง่ายดายเพียงนี้
นางฝืนลุกขึ้นยืน แม้เพียงแค่คลานก็ยังคลานไม่ไหว แต่กลับยิ่งทำให้เจ็บแผลมากกว่าเดิม เจ็บจนนางแทบจะส่งตัวเองไปตายเสียให้สิ้นเรื่อง
“ซู่ซ่า…”
จู่ๆ ฝนก็ตกลงในป่าไผ่และร่างกายของนาง น้ำฝนกำลังชะล้างร่างกายของนางอยู่
กู้ชูหน่วนแหงนหน้าสู่ฟ้าปล่อยให้น้ำฝนตกลงบนใบหน้าของตน
ในใจครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ที่เหวินเส่าอี๋ปล่อยตนไป
ทันใดนั้นเองมีเสียงล้อดังขึ้น นางจึงหันตัวกลับไปและเห็นชิงเฟิงที่กางร่ม เจี้ยงเสวี่ยที่เข็นรถเข็นมาใกล้กู้ชูหน่วน
และรอบตัวชายหนุ่มที่อยู่บนรถเข็นมีกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งเปล่งประกายอยู่
แม้สายฟ้าแลบก็ยังรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนอยู่แต่ไม่หายไปจากตัวเขา
กู้ชูหน่วนทอดถอนหายใจ “เพิ่งออกจากปากเสือก็เข้าถ้ำหมาป่าเลย”
ชิงเฟิงกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าทำลายกาขังวิญญาณ ทำลายกระจกหงส์ แม้เจ้าจะมีชีวิตอีกหมื่นชีวิตก็ชดใช้ไม่พอหรอก”
“เป็นถึงระดับหกขั้นสูงสุดแต่กลับมาจับผิดกัน ถือว่าข้าโชคร้ายแล้วกัน ข้าผู้บาดเจ็บคนหนึ่ง หญิงสาวผู้อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงจะไปสู้ชายหนุ่มทั้งสามอย่างพวกเจ้าได้อย่างไร อยากฆ่าก็ฆ่าเลยเถิด เพราะถึงแม้ข่าวจะเล็ดลอดออกไปก็ไม่มีใครสงสัยพวกเจ้าหรอก”
เมื่อพูดคำนั้นออกไป หากเยี่ยจิ่งหานฆ่านางก็จะกลายเป็นคนต่ำช้าที่จ้องจะจับผิดคนหนึ่ง
สีหน้าของชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยย่ำแย่
หญิงสาวคนนี้มีศักยภาพของพระชายาของพวกเขา
คือหน้าไม่อายเช่นเดียวกัน
มิน่านายท่านถึงได้ตกอยู่ในกำมือของนางหลายครั้งหลายหน
เยี่ยจิงหานจับขลุ่ยหยกขาวบนมือเบาๆ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “วิธีก้าวร้าวไม่เป็นผลต่อข้า เจ้าเลือกทางตายของเจ้ามาสักทางเถอะ”
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ็บปวดจึงหลับตาลงหรือไม่ นางไม่อยากสนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่มองบนใส่เขาไปครั้งหนึ่งก่อนจะหลับตาไปให้เขารับรู้ด้วยตัวเอง
คนฉลาดปราดเปรื่องเฉกเช่นเยี่ยจิ่งหานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสายตาของนางนั้นเป็นการข่มขู่
เมื่อฆ่านางทิ้งวิญญาณทั้งสองที่อยู่ในร่างกายของนางก็จะหายไปพร้อมกับนางด้วย
“ชิงเฟิงฟันแขนขาของนางออกให้หมดแล้วค่อยควักตา กรีดจมูกแล้วก็หูของนางออก”
“ฮะ…นายท่าน…แน่ใจหรือขอรับ?”
“หากหูของเจ้าก็ใช้การไม่ได้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ฟันหูของเจ้าไปด้วยเลยแล้วกัน”
“ขอรับ…”
ชิงเฟิงถือดาบและเข้าใกล้กู้ชูหน่วน
ให้เขาฆ๋าคนย่อมได้
แต่ให้เขาโหดร้ายกับหญิงสาวคนหนึ่งเช่นนี้ เขาทำไม่ได้จริงๆ
“นายท่าน ให้เจี้ยงเสวี่ยลงมือจะดีกว่า ข้าน้อย…ช่วงนี้ข้าน้อย…”
“หากเจ้าทำไม่ลง เช่นนั้นก็รับแทนนางไปซะ”
“ข้าน้อยมิบังอาจ ข้าน้อยรับทราบขอรับ”
กู้ชูหน่วนกล่าว “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะตายเพราะเสียเลือดมากเลยหรือ”
“เจ้าวางใจเถิด ข้ารับรองว่าเจ้าจะมีชีวิตอย่างสบายแน่นอน และก่อนที่จะรวบรวมวิญญาณได้ครบ ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถคร่าชีวิตเจ้าไปได้”
เห็นชิงเฟิงค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้
กู้ชูหน่วนจึงตะโกนท่ามกลางอากาศ
“ได้ยินที่เยี่ยจิ่งหานพูดหรือไม่ พวกเจ้าสิงสู่ในร่างของข้ามิควรที่จะจ่ายค่าอาศัยชั่วคราวหน่อยหรือ?”
เดิมทีเป็นแค่ประโยคที่พูดลอยๆ เท่านั้น ทว่า…
ดวงวิญญาณทั้งสองบนหน้าผากของกู้ชูหน่วนได้เปล่งประกายลำแสงทั้งสองเส้นออกมาจริงๆ และเห็นได้ชัดในท่ามกลางสายฝน
เพียงแต่ว่าวิญญาณทั้งสองนั้นมีเพียงกู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานเท่านั้นที่สัมผัสได้
ส่วนคนอื่นๆ สัมผัสไม่ถึงมันเลยแม้แต่น้อย