กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 873
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 873
หนิงเทียนโย่วกล่าว “การประลองในครั้งที่สอง นางน่าจะเป็นฝ่ายชนะ”
“ประลองอีกครั้ง” ไป๋หลี่เฉิงกล่าว
“เจ้าพ่ายแพ้นางยับเยินเช่นนี้แล้วยังจะประลองอะไรอีก”
“การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุดและข้าก็ยังไม่แพ้”
“แพ้ออกจากสนามเช่นนี้แล้ว ยังบอกว่ายังไม่แพ้อีกหรือ? ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าอยากใช้ความเป็นตระกูลใหญ่รังแกคนตระกูลที่ต่ำต้อยกว่าอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้า……”
ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ไม่ว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยตระกูลไป๋หลี่ ล้วนแต่กำลังตบหน้าของคนตระกูลไป๋หลี่
“ชนะสองครั้งในสามการต่อสู้ มู่หน่วนได้ชนะไปแล้วสองครั้ง ฉะนั้นการต่อสู้ในครั้งที่สามจึงไม่จำเป็นแล้ว”
ทุกคนต่างพากันจับจ้องไปที่ผู้นำตระกูลไป๋หลี่
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผู้ที่แพ้ลงจากสนามการต่อสู้จะนับว่าเป็นผู้แพ้
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไป๋หลี่เฉิงแพ้และออกจากสนามต่อสู้มา
หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ตระกูลไป๋หลี่ต้องอับอายขายหน้าเช่นนี้
ไป๋หลี่ป้ากล่าว “ข้าพูดคำไหนคำนั้น วันนี้ตระกูลไป๋หลี่ของข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป”
คำพูดนี้พูดอย่างคลุมเครือ
เจ้าสำนักแต่ละสำนักล้วนฟังออกว่าหมายความอย่างไร
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ต้องการกล่าวว่า ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ไว้ชีวิตนาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสำนักอื่นจะไว้ชีวิตนางด้วยเช่นกัน
และ……
หลังจากวันนี้ไป ตระกูลไป๋หลี่ยังคงตามแก้แค้นนางอย่างต่อเนื่องเรื่อยไป
พวกนกสองหัวของแต่ละสำนักต่างพากันกล่าว
“ปีศาจหญิงคนนี้ ต่อให้ตระกูลไป๋หลี่ไม่กำจัด พวกข้าก็ไม่มีวันปล่อยนางไปเด็ดขาด เพื่อนางจะได้ไม่ไปทำอันตรายใดๆ ต่อผู้อื่นอีก”
“วันนี้ปล่อยให้พวกข้าเป็นคนตัดสินชะตาชีวิตของนางเถอะ”
กู้ชูหน่วนหัวเราะออกมา แววตาของนางเต็มไปด้วยความเฉยเมยและเห็นอกเห็นใจ
เห็นใจที่สำนักเหล่านี้ต่างพากันเอาอกเอาใจตระกูลไป๋หลี่ แถมยังไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
คนใช้จำนวนหนึ่งวิ่งมาอย่างรีบร้อน จากนั้นกล่าวกระซิบข้างหูของผู้นำตระกูลใหญ่และรวมไปถึงเสด็จอาเสวี่ย
ผู้นำของตระกูลใหญ่ต่างพากันตกตะลึง เสด็จอาเสวี่ยเปลี่ยนท่าทีเรียบเฉยของเขาและต่างพากันมองไปยังกู้ชูหน่วน
ทุกคนเกิดความสงสัย
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เสด็จอาเสวี่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แม่นางมู่ เจ้าเป็นคนแย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีไปหรือ?”
ซี๊ด……
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
นางเป็นคนครอบครองดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีอย่างนั้นหรือ?
เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ?
หากคนอื่นพูด พวกเขาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน
แต่นี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเสด็จอาเสวี่ย
เมื่อมองไปยังผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ นอกจากผู้นำตระกูลเหวินที่มีสีหน้าเรียบเฉยแล้ว ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึง
เกรงว่าสิ่งนั้นจะอยู่กับนางจริงๆ
หัวใจของกู้ชูหน่วนเต้นและขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวออกมา “ท่านบอกว่าข้าแย่งชิงไป ท่านมีหลักฐานอะไร?”
“(เสียงปรบมือ)……”
เสด็จอาเสวี่ยปรบมือ คนใช้จำนวนหนึ่งออกไปยืนด้านหน้าด้วยท่าทีแสดงความเคารพ
“ท่านอ๋องขอรับ ตอนที่ข้าน้อยไปที่หุบเขาอสุรกายได้ถูกสัตว์ร้ายทำร้ายและตกลงจากเขา ข้าน้อยเห็นกับตาตัวเองว่ามู่หน่วนใช้โอกาสตอนที่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งทั้งสองถูกวางยาพิษและล้มลงกับพื้น แย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีไป”
“ข้าน้อยได้พลัดหลงกับศิษย์พี่คนอื่นๆ และหลงทางในป่ารกทึบ จากนั้นจึงบังเอิญได้เห็นสัตว์เลี้ยงของมู่หน่วนกำลังนำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีไปให้นาง นางยังบอกอีกว่าจะนำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีไปช่วยชีวิตคน”
“ของล่ะ นำออกมา”
ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีถือเป็นของที่มีค่าอย่างมาก
ไม่เพียงแค่ตระกูลใหญ่ที่นั่งไม่ติดเท่านั้น แม้แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็นั่งไม่ติดไปด้วย แต่ละคนต่างถามหาจากกู้ชูหน่วนและต้องการให้นางนำของล้ำค่านี้ออกมา
หากเป็นเมื่อก่อนที่ทำเพื่อต้องการเอาอกเอาใจกู้ชูหน่วน
หรืออาจเป็นเพราะกลัวเวทมนตร์คาถาความโหดเหี้ยมของกู้ชูหน่วน
เช่นนั้นตอนนี้ พวกเขาต่างก็ต้องการได้ครอบครองสิ่งล้ำค่าสิ่งนี้
ฉะนั้นทุกคนจึงจับจ้องไปยังกู้ชูหน่วน
หลังจากที่ซั่งกวนชิงฟังการรายงานของคนใช้แล้วก็ทุบลงบนโต๊ะเสียงดัง “บัดซบ เจ้าปลดเปลื้องเสื้อผ้าของข้าที่หุบเขาเจียงเจ๋อซานและแย่งชิงของของข้า นังคนชั่ว เจ้าสมควรตาย”
นอกจากซั่งกวนชิงแล้ว ไป๋หลี่อวิ๋นเย่ว์ก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
“อสุรกายที่ตระกูลไป๋หลี่ของข้ารวบรวมสะสมมากว่าร้อยปีก็ถูกเจ้าปล่อยออกมา? เจ้ารู้หรือไม่ว่าสร้างความเสียหายให้กับตระกูลไป๋หลี่ของข้ามากเพียงใด?”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ใครเป็นคนปล่อยข่าวออกไป? จงใจให้ทุกคนต่างพากันโจมตีนาง?
“ผู้นำตระกูลหนิง ผู้หญิงคนนี้ฆ่าสังหารไป๋หลี่หมิงและคนอื่น พวกข้าจะไม่ถือสาหาความ แต่นางปล่อยอสุรกายที่ยอมจำนนต่อตระกูลไป๋หลี่ของพวกข้ามากว่าร้อยปี แค้นนี้พวกข้าจำเป็นต้องชำระ ตระกูลหนิงของพวกท่านคงจะไม่ปกป้องนางอีกใช่หรือไม่?”
เมื่อพูดจบ ซั่งกวนชิงก็ลุกขึ้นยืนและกระโดดออกไป จากนั้นออกพลังฝ่ามือไปยังศีรษะของกู้ชูหน่วนอย่างแรง
เขาเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในรัฐปิงและทวีปแห่งนี้ พลังฝ่ามือนี้เต็มไปด้วยความโกรธขนาดมหึมา กู้ชูหน่วนร่างกายบาดเจ็บสาหัสและต่อให้ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็เกรงว่าจะไม่สามารถทนรับต่อกระบวนท่านี้ได้
ทุกคนต่างพากันเบิกตากว้างกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะตายลง ทำให้ไม่สามารถหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีได้อีก
ท่านผู้เฒ่าหนิงสะบัดแขนเสื้อและหายตัวไปทันที จากนั้นไปออกหน้ารับพลังฝ่ามือสังหารนั้นแทนกู้ชูหน่วน จากนั้นทุกคนจึงพากันถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
ท่านผู้เฒ่าหนิงกล่าวว่า “ซั่งกวนชิง เจ้าก็อายุมากและอยู่ยงคงกระพันเช่นนี้แล้ว แต่กลับทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว เจ้าไม่อายเลยหรืออย่างไร”
“นังผู้หญิงสารเลวคนนี้ นางปลดเปลื้องเสื้อผ้าของข้า”
ทุกคนต่างพากันจ้องมองไปยังซั่งกวนชิงอย่างไม่เชื่อ
สีหน้าของซั่งกวนชิงซีดเซียวลงทันที
ท่านผู้เฒ่าหนิงกล่าวว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าถูกนางปลดเปลื้องเสื้อผ้า? เรื่องนี้มีใครเป็นพยานหรือไม่?”
ซั่งกวนชิง “……”
กู้ชูหน่วนทำสีหน้าสับสน “เจ้าบอกว่าข้าถอดเสื้อผ้าของเจ้า ข้าไปถอดเสื้อผ้าของเจ้าเมื่อใด? เหตุใดข้าถึงไม่รู้? หรือว่าเจ้าต้องการให้ข้าถอดเสื้อผ้าของเจ้า หากเจ้าต้องการเช่นนั้นละก็ ข้าก็ไม่ขัดที่จะปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้เจ้า”
“เจ้า……”
ข้างล่างนั้นมีผู้คนส่งเสียงหัวเราะเป็นจำนวนมากและมีคนจำนวนไม่น้อยที่กลั้นหัวเราะเอาไว้
ซั่งกวนชิงโกรธจนปะทุออกมา
เห็นได้ชัดว่านางปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาจริง
แต่ตอนนี้ หากเขายอมรับ เช่นนั้นแล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
หรือว่าจะบอกทุกคนว่าเขาที่เป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลซั่งกวนได้ถูกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งปลดเปลื้องเสื้อผ้าไปจนหมด?
ซั่งกวนชิงกล่าว “ข้าจำผิดไปเอง ไม่มีใครปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของข้า แต่……นางได้แย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีไป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าทั้งสองสิ่งนี้ นางจำเป็นต้องนำออกมา”
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่นางได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ไปครองหรือไม่ แต่สิ่งของที่อยู่ในหุบเขาสัตว์เทพล้วนไม่มีเจ้าของ ใครได้ไปครอง เช่นนั้นก็เป็นของผู้นั้น ไม่นับว่านางแย่งชิงไปหรอกกระมัง”
ท่านผู้เฒ่าหนิงพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ซั่งกวนชิงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
ไป๋หลี่ป้ากล่าว “ท่านผู้เฒ่าหนิงกล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้อง หากดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นก็ไม่เป็นไร แต่กลับไปอยู่ในมือของนาง ผู้นำตระกูลหนิงอย่าลืมว่านางรู้วิชามนตร์คาถาชั่วร้าย ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามารถชุบชีวิตคนได้และสามารถเพิ่มระดับความสามารถได้ ตอนนี้นางยังเด็กเกินไปและหยิ่งผยองอย่างมาก หากปล่อยให้นางเติบโตไป เช่นนั้นทวีปนี้จะยังมีใครเป็นศัตรูคู่ต่อสู้ของนางได้อีก?”
ในนี้มีใครบ้างที่ไม่ต้องการดอกบัวศักดิ์สิทธิ์
เดิมคนไร้ซึ่งความผิด
เมื่อครอบครองหยกจึงกลับมีโทษ
เสียงที่โจมตีกู้ชูหน่วนยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีสามารถเพิ่มระดับความสามารถได้หลายเท่า ไม่แน่หากนางกินดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ก็จะสามารถเพิ่มไปถึงระดับหกได้ หรืออาจเพิ่มไปถึงระดับเจ็ด ถึงตอนนั้นแล้วพวกเราคงต้องถูกนางกำจัดฆ่าตายแน่ๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ รวมไปถึงวิชามนตร์คาถาชั่วร้าย ใครจะต่อสู้กับนางได้”
“จำเป็นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม”
“นำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ออกมาเดี๋ยวนี้”
“หากไม่นำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ออกมา วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า”
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่กล่าว “ผู้นำตระกูลหนิง พวกท่านเป็นคนยุติธรรมแต่ไหนแต่ไรมา คาดว่าคงไม่ช่วยนางต่อไปหรอกใช่หรือไม่?”
หนิงเทียนโย่วรีบกล่าว “ท่านปู่……”
ท่านผู้เฒ่าหนิงด่าทอว่าไร้ยางอายอย่างไม่หยุดหย่อน
หากเป็นเมื่อก่อน เช่นนั้นคงเป็นเพียงเรื่องราวความแค้นระหว่างตระกูลหนิงของพวกเขาและตระกูลไป๋หลี่เท่านั้น
ต่อให้หลายสำนักต่างพากันปกป้องตระกูลไป๋หลี่ เช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าลงมือกับตระกูลหนิงอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้……
ต่อหน้าของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ แต่ละสำนักมีหรือจะยังสนใจอะไรตระกูลหนิงอีก
หากตระกูลหนิงช่วยเหลือ เช่นนั้นแล้วตระกูลหนิงจะถูกโจมตีจากหลายสำนักรวมกันลงมือ
ตระกูลไป๋หลี่คิดอยากกำจัดตระกูลหนิงมาแต่ไหนแต่ไร ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่สามารถทำลายตระกูลหนิงได้
กู้ชูหน่วนรู้ถึงปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของเรื่องนี้
นางฝืนกับความเจ็บปวดและกล่าวขึ้น “ข้าและตระกูลหนิงไม่ได้เป็นอะไรกัน พวกเจ้าจะลากตระกูลหนิงมาเกี่ยวข้องเพื่อเหตุใด ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของข้า หากมีความสามารถจริง เช่นนั้นก็มาเจอกับข้าโดยตรง”
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่กล่าว “ผู้นำตระกูลมู่ เรื่องนี้เจ้าจะว่าอย่างไร?”
แน่นอนว่าผู้นำตระกูลมู่อยากช่วยหลานสาวของเขา แต่……