กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 887
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 887
ท้องฟ้าอันแจ่มใสจู่ๆก็ถูกเมฆดำปกคลุม ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้บังเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
ทุกๆคนในที่นั้นต่างขนลุกกัน
พวกเขารู้สึกถึงพละกำลังอันแกร่งกล้าพลังหนึ่ง พละกำลังนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นผงธุลี
สีหน้าเยี่ยจิ่งหานแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไม่ทันเวลาแล้ว ไปกันเถอะ”
ไม่รอให้ทุกๆคนตอบสนองกลับได้เยี่ยจิ่งหานก็ได้ส่งพวกเขาทั้งหมดไปถึงยังปากวังวนแล้ว
“นายท่าน……” ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยต้องการอยู่ต่อเพื่อคุ้มครองเยี่ยจิ่งหานแต่ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของวังวนได้
“เยี่ยจิ่งหาน……”
เซี่ยวอวี่เซวียนกับกู้ชูหน่วนก็ไม่วางใจทิ้งให้เยี่ยจิ่งหานอยู่ พวกเขาดิ้นรนสุดกำลังแต่พละกำลังของวังวนนั้นแข็งแกร่งเกินไป หลังจากที่พวกเขาถูกดึงเข้ามาอยู่ในวังวนก็ราวกับถูกโยนลงในเครื่องปั่น หลังจากปั่นได้ไม่นานพวกเขาก็ทนไม่ไหวและหมดสติไปในตรงนั้นเลย
ก่อนที่จะหมดสติไปพวกเขาได้ยินเสียงระเบิดตูมดังสนั่น ทั้งพื้นดินสั่นสะเทือนอย่างแรงและรัศมีการสังหารได้แผ่ซ่านไปทั่วยอดเขาลูกนั้น
แม้แต่วังวนก็เกือบจะถูกสะเทือนออก
พละกำลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้
เยี่ยจิ่งหานจะเอาชนะได้อย่างไร?
ในวังหลวง
กู้ชูหน่วนนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับฟังนางกำนัลกลุ่มหนึ่งพูดจากระซิบกระซาบเสียงเบากัน
“ได้ยินแล้วหรือเปล่า ผู้ที่ปรนนิบัติฝ่าบาทเมื่อคืนนี้ถูกทรมานจนตายทั้งที่ยังมีชีวิตจนสิ้นลมแล้ว เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดทรมานนั้นฟังจนทำให้ผู้คนหนังศีรษะชาไปเลย”
“ฝ่าบาททรงเหี้ยมโหดก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรมานคนจนตายทั้งที่มีชีวิตอยู่จนสิ้นลม จะโทษก็โทษได้เพียงแค่พวกเขาโชคร้ายและถูกฝ่าบาททรงคัดเลือกให้ปรนนิบัติเข้าบรรทม”
“พรุ่งนี้ก็มีชายหนุ่มรูปงามอีกกลุ่มหนึ่งถูกส่งเข้ามา ไม่รู้ว่าในหมู่พวกเขาจะมีสักกี่คนที่สามารถมีชีวิตรอดได้ ข้าได้ยินมาว่าซั่งกวนหมิงหลางแห่งตระกูลซั่งกวนก็ถูกส่งมาด้วยเช่นกัน”
“อะไรนะ ซั่งกวนหมิงหลางไม่ใช่บุตรชายจากภรรยาเอกของผู้นำตระกูลซั่งกวนหรอกหรือ? เหตุใดผู้นำตระกูลซั่งกวนถึงได้ไม่เสียดายที่จะส่งเขามายังวังหลวงหล่ะ? และความแข็งแกร่งของซั่งกวนหลางได้ถึงระดับสามแล้ว นั่นเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนวญญาณเยือกแข็งของเราเลยนะ”
“เรื่องนี้ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าก็ได้ยินโดยไม่ตั้งใจ ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ ต่อมาข้าถามลูกพี่ลูกน้องที่เป็นองครักษ์ในวัง ลูกพี่ลูกน้องก็บอกด้วยว่าซั่งกวนหมิงหลางถูกส่งไปที่วังจริงๆ และ ……เขาไม่ได้แค่มาถึงแล้วแต่คืนนี้จะเข้านอนปรนนิบัติฝ่าบาทแล้ว”
“รวดเร็วเช่นนี้?”
“ใช่สิ ออกจะคาดไม่ถึง”
“พวกเจ้าว่าบอกว่าซั่งกวนหลางชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งเช่นนั้น ฝ่าบาทจะทรงอาลัยที่จะทำให้เขาสิ้นใจหรือไม่?”
“หากว่าเป็นข้าข้าคงจะอาลัยอาวรณ์เป็นแน่ แต่ว่าชายหนุ่มหน้าตาดีเช่นใดที่ฝ่าบาทจะไม่ทรงเคยทอดพระเนตรมาก่อน รวมถึงฝ่าบาทโหดเหี้ยมทารุณก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทำให้เขาตายได้”
“ชู่ว์ เงียบๆหน่อย วิจารณ์ฝ่าบาทส่วนตัวระวังจะถูกคนได้ยินแล้วถูกประหารชีวิต”
กู้ชูหน่วนฟังการสนทนาของพวกนางเข้าไปทีละอย่างๆ
ความตื่นตระหนกในใจของนางไม่ได้น้อยไปกว่านางกำนัลสาวเหล่านั้น
แม้ว่าจะสื่อสารกันไม่มากแต่ซั่งกวนหมิงหลางอยู่ในตระกูลซั่งกวนเป็นที่รักใคร่เอ็นดูมากมายนักและก็เป็นบุตรชายของภรรยาเอกของผู้นำตระกูลซั่งกวน พวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งซั่งกวนหมิงหลางมาในวังหลวงตามอำเภอใจ
เว้นแต่พวกเขาจะมีจุดประสงค์อันใด
หรือว่าจักรพรรดินียืนยันว่าจะให้ตระกูลซั่งกวนส่งซั่งกวนหมิงหลางมา
เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของตนเองกู้ชูหน่วนก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
เมื่อสิบวันก่อนเยี่ยจิ่งหานส่งนางไปถึงยังวังหลวงรัฐปิงและนางอยู่ต่อสู้กับศัตรูเองเพียงลำพัง
หลังจากที่นางฟื้นขึ้นก็อยู่ในห้องเก็บฟืน เซี่ยวอวี่เซวียน ชิงเฟิงเจี้ยงสวี่ยและคนอื่นๆได้หายกันไปหมดแล้ว
ในห้องเก็บฟืนยังมีนางกำนัลที่ถูกลงโทษผู้หนึ่งด้วย
นางกำนัลคนนั้นกระทำความผิดและเป็นกังวลจนขึ้นสมองว่าจะใช้ลงทัณฑ์ทรมานนางอย่างรุนแรง พอคิดไม่ตกก็ได้ฆ่าตัวตายจนสิ้นใจเสียแล้ว
ส่วนนาง นางได้รับบาดเจ็บอยู่ แต่ละนิกายใหญ่ต่างไล่ล่าสังหารนางกันทั้งสิ้น แล้วยังต้องตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนและคนอื่นๆจึงได้ซ่อนร่างของนางกำนัลเอาไว้ จากนั้นก็ปลอมตัวเป็นนางกำนัลคนนั้นแฝงตัวอยู่ในหมู่นางกำนัล
ไม่กี่วันต่อมานางก็ถูกปล่อยออกมา
หลังจากออกมาแล้วนางก็ตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนมาโดยตลอด
แต่วังหลวงนั้นใหญ่โตเกินไป นางค้นหาเป็นเวลานานก็ไม่พบเซี่ยวอวี่เซวียนและคนอื่นๆ จึงทำได้เพียงซ่อนตัวตนต่อไปแล้วด้านหนึ่งค้นหาด้านหนึ่งพักฟื้นอาการบาดเจ็บ
ท้ายที่สุดขาทั้งคู่ของนางก็สามารถเดินได้แล้ว
ร่างกายก็ดีขึ้นมากแล้วเช่นกัน
เพียงแต่ความกังวลในใจกลับไม่น้อยเลยสักนิด
จากการสอบถามในหลายวันมานี้นางพอจะรู้คร่าวๆว่าจักรพรรดิของรัฐปิงเป็นสตรี
อายุไม่มาก โหดเหี้ยมอำมหิตและชื่นชอบบุรุษรูปงาม
มักจะคัดเลือกชายหนุ่มรูปงามจากทั่วรัฐเข้าวังปรนนิบัติเข้าบรรทม
หลังจากสำราญแล้วก็สังหารชายหน่มรูปงามเหล่านั้นทีละคนๆ
เซี่ยวอวี่เซวียนได้รับบาดเจ็บไม่เบาแล้วก็หน้าตาดูดี ไม่รู้ว่าจะสามารถหนีพ้นกรงเล็บปีศาจของจักรพรรดินีได้หรือเปล่า
นางกำนัลลดเสียงลงแล้วสุมหัวกระซิบกระซาบกันต่อว่า “ข้าได้ยินมาว่านอกจากซั่งกวนหมิงหลางแล้ว ฝ่าบาทยังทรงได้ตัวชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งมาด้วย ฝ่าบาททรงชื่นชอบชายผู้นั้นมากจนโปรดปรานเขาอยู่ทุกคืน”
“ดูเจ้าพูดได้ลึกลับเช่นนี้ ชายผู้นั้นถึงจะดูดีแค่ไหนแล้วจะดูดีสู้ซั่งกวนหมิงหลางได้หรือ”
“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าได้ยินมาว่าซั่งกวนหมิงหลางสิบคนรวมกันก็ไม่สามารถเทียบเขาได้”
“เรื่องจริงหรือหลอก”
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทจะทรงโปรดปรานเขาติดต่อกันเจ็ดแปดคืนได้อย่างไร”
“วังหลวงไม่เคยมีบุรุษผู้ใดที่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้สามวันภายใต้ความโปรดปรานของฝ่าบาท คำพูดนี้ของเจ้าข้าฟังแล้วเหตุใดถึงได้เป็นภัยเช่นนั้น……”
“ทำไม เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
“ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ว่าหากมีบุรุษเช่นนี้ผู้หนึ่ง ในวังก็คงจะแพร่สะพัดไปตั้งนานแล้ว เหตุใดจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด”
“ได้ยินมาว่าชายผู้นั้นดื้อรั้น ไม่ว่าฝ่าบาทจะทรมานสักเช่นไรเขาก็ไม่ยอมจำนน ฝ่าบาททรงคาดการณ์ที่จะรอให้เขาเชื่องเสียก่อนแล้วค่อยจะเปิดเผยต่อสาธารณะกระมัง”
“ฟังเจ้าพูดพร่ำอยู่นั่นข้าไม่เลื่อเลยซักคำ ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำอีกมาก ทุกคนรีบพักผ่อนกันไวหน่อยเถอะนะ”
“เฮ้อ……ข้าพูดความจริงเหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เชื่อข้ากัน”
“นอนเถอะนอนเถอะ เบาเสียงกันหน่อยนะ หากว่าบังเอิญถูกผู้ไม่หวังดีได้ยินเข้าจริงๆแล้วรีบไปฟ้องที่ผู้ดูแลนั่นพวกเราจะต้องตายกันหมด นอกจากนี้……ฝ่าบาททรงโปรดปรานใครพวกเราเหล่านางกำนัลนี้ยังจะสามารถเข้าไปก้าวก่ายได้หรือ?”
“……”
กลางดึกผู้คนเงียบสงัด นางกำนัลทั้งหลายในห้องนอนเดียวกันได้นอนหลับกันหมดแล้ว
กู้ชูหน่วนเช่นไรก็ไม่สามารถนอนหลับลงได้
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในใจของนางก็ยิ่งเป็นกังวลถึงชายหนุ่มรูปงามที่พวกนางกำลังกล่าวถึงผู้นั้นว่าเป็นเซี่ยวอวี่เซวียน
นอกจากเซี่ยวอวี่เซวียนแล้วนางก็ไม่รู้จริงๆว่ายังมีผู้ใดที่มีหน้าตาดีกว่าเขาอีก
หากว่าเป็นเซี่ยวอวี่เซวียนจริงๆเกรงว่าเขาจะถูกทรมานจนตายทั้งเป็นก็ไม่สามารถทำให้ยอมจำนนได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้
กู้ชูหน่วนลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างด้วยมือเท้าเสียงเบาพร้อมกับร่างกายเสียงชู่ว์ขึ้นราวกับสายลมสบายๆที่ได้ออกไปจากห้องเลย
วังหลวงใหญ่โตยิ่งนักทว่ากู้ชูหน่วนกลับคุ้นเคยอย่างยิ่ง
ตำหนักบรรทมในแต่ละคืนของจักรพรรดินีไม่ได้อยู่สถานที่เดิมเลย ด้วยเหตุนี้นางจำต้องค้นหาว่าคืนนี้จักรพรรดินีพักอยู่ที่ใดเสียถึงจะสามารถไปสืบเสาะได้
ร่างของวิญญาณแว๊บผ่านท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด เหล่าองครักษ์ตรวจตราผ่านมาก็เห็นเพียงแค่สายลมพัดผ่านไปโดยที่ไม่สามารถรู้สึกถึงการอยู่ของนางได้เลย
หลังจากเดินวนหนทางในวังหลายสายและเบื้องหน้าก็มีผู้คนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งมาแน่นขนัด
ผู้คนเหล่านี้มีขันทีและมีองครักษ์
องครักษ์เหล่านั้นแต่ละคนล้วนแล้วแต่สายตาแหลมคมวิจิตร จุดไท่หยางตรงขมับนูนขึ้นสูง แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่องครักษ์ธรรมดาทั่วๆไป
สถานที่นั้นว่างเปล่ากู้ชูหน่วนไม่มีที่ใดให้หลบได้ จึงทำได้เพียงหาตำหนักบรรทมใกล้ๆ เมื่อเห็นว่าห้องบรรทมมีแสงไฟสลัวๆและไม่มีเสียงนางจึงผลักประตูแล้วปิดประตูลง จากนั้นก็กลิ้งอยู่พื้นไปเขาไปในเรือนหลัก เตรียมพร้อมที่จะหนีบคนด้านในเอาไว้
อย่างไรก็ตามในเรือนนั้นไม่มีผู้ใด
มีเพียงบนเตียง……
ม่านเตียงบังอยู่นางเห็นไม่ชัดว่าด้านในมีคนอยู่หรือไม่
กู้ชูหน่วนเปิดออกอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นภาพด้านใน
นางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วร่างกายก็แข็งทื่อขึ้น
ผู้ที่อยู่บนเตียงไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นซั่งกวนหมิงหลาง
ซั่งกวนหมิงหลางในเวลานี้ไม่รู้ว่าถูกสกัดจุดเอาไว้หรือเปล่าซึ่งทั่วทั้งร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
เขาสวมเพียงผ้าบางเบาตัวหนึ่งโดยที่รูปร่างอันสมบูรณ์แบบทั้งได้ปรากฏและบดบังอยู่
เมื่อเห็นกู้ชูหน่วน
ซั่งกวนหมิงหลางทุ่มกำลังสุดชีวิตเพื่อดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอง อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
จึงทำได้เพียงหลับตาลงอย่างเขินอายแทบจะอยากหารูมุดเข้าไปเสีย
หลังจากที่กู้ชูหน่วนมั่นใจว่าด้านนอกไม่มีผู้ใดอยู่แล้วก็นั่งลงหน้าเตียงพร้อมกับจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
สายตาเร่าร้อนเช่นนี้ ซั่งกวนหมิงหลางอยากจะเพิกเฉยก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้
เขาทั้งโกรธทั้งอาย
หญิงผู้นี้เห็นเขาเป็นเช่นนี้ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายของเขาเท่านั้นกลับยังจ้องมองเขาอย่างเจ้าชู้อีกด้วย
“ออกไป”
เขาไม่พูดจา
นางก็ไม่พูดจาเช่นเดียวกัน
ซั่งกวนหมิงหลางอดกลั้นไม่ไหวจึงเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน