กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 897
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 897
สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกโกรธเคืองคือเสื้อผ้าของหลินซือหย่วนไม่เรียบร้อยและบนร่างก็มีร่องรอยอันคลุมเครือไม่ชัด
ผมดำสนิมทั่วทั้งศีรษะของเขาไม่รู้ว่าได้กลายเป็นสีขาวราวหิมะตั้งแต่เมื่อใด
ใบหน้าทั้งหน้าซีดเผือดไร้ซึ่งสีเลือดเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่ร่างกายของเขาก็ไม่มีสีเลือดเลือดสักนิด
นางรู้ด้านการแพทย์เลยรู้ได้ในทันทีว่าเขาเสียเลือดมากเกินไป
หรือควรจะกล่าวว่าเลือดในร่างกายของเขาแทบทั้งหมดได้ถูกดูดไปจนเกลี้ยงแล้ว
ดูดเลือดของคนผู้หนึ่งจนเกลี้ยงทั้งเป็นแล้วก็ทำลายเขา วิธีการลงมือนี้ก็ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก
กู้ชูหน่วนฝืนทนความมุทะลุที่จะพุ่งทะยานไปและมองดูพวกขันทีนำตัวเขากลับไปบนเปลหามใหม่อย่างหยาบคายจากนั้นก็คลุมเขาด้วยผ้าขาว
หูของนางแหลมคมสามารถได้ยินเสียงบ่นกระซิบเสียงเบาของพวกขันที
“ชายผู้นี้ไม่ใช่ว่ายังไม่ตายหรอกนะ?”
“เจ้ามองผิดไปแล้วกระมัง ฝ่าบาททรงโปรดปรานคุณชายมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ผู้ใดที่จะไม่สิ้นลมหลังจากปรนนิบัติเข้าบรรทม แล้วเขาจะเป็นข้อยกเว้นได้อย่างไร”
“ไม่ใช่นะ เมื่อครู่ข้าเห็นมือของเขาขยับจริงๆ หรือไม่พวกเราลองตรวจดูลมหายใจของเขาเสียก่อน”
“เจ้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? เบื้องบนสั่งการให้เผาพวกเขาซะแล้วโยนเถ้าถ่านลงไปในบ่อส่งคืนวิญญาณ พวกเราทำตามก็พอแล้วไม่ต้องสนใจว่าเขาจะเป็นหรือตายหรอก”
“ก็ใช่ ช่วงนี้ฝ่าบาทยิ่งทรงอารมณ์ไม่ดีผิดปกติ พวกเราอย่าได้สร้างปัญหาให้มากขึ้นกว่านี้อีกเลย”
พวกขันทียกศพจากออกไป
กู้ชูหน่วนยังคงจ้องมองไปทิศทางที่พวกเขาจากไปโดยไม่ตอบสนองเป็นเวลาเนิ่นนาน
ขันทีที่นำทางกล่าวว่า “ท่านหมอจิน ท่านรักษาคุณชายเยี่ยให้หายดี ฝ่าบาทจะต้องทรงประทานรางวัลให้แก่ท่านอย่างดีเป็นแน่ สำนักหมอหลวงก็อยู่ด้านหน้าแล้วรบกวนท่านเดินตามบ่าวมากขึ้นไม่กี่ก้าว”
“ท่านกงกง ทุกๆคืนฝ่าบาทจะต้องทรงโปรดปราน……อืม……คุณชายเป็นจำนวนมากหรือ?”
“ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเลือดลมทรงโปรดปรานคุณชายบ้างบางส่วนก็เป็นเรื่องปกติ”
“ความขื่นชอบของฝ่าบาททรงพิเศษเช่นนี้ คนธรรมดาทั่วไปกล้าที่จะเข้าวังมาเป็นสนมหรือ? ไม่รู้ว่าคุณชายเหล่านั้นเข้ามาในวังจากที่ใดหรือ?”
“ชู่ว์ ท่านหมอจิน ท่านเป็นท่านหมอมาจากนอกวังเกรงว่าจะไม่เข้าใจระเบียบกฎเกณฑ์ในวัง คำพูดบางคำไม่สามารถกล่าวเรื่อยเปื่อยได้ ระวังจะรักษาหัวเอาไว้ไม่อยู่”
“ข้าเพียงแค่รู้สึกแปลกใจ”
“ไปกันเถอะ บ่าวจะส่งท่านไปยังสำนักหมอหลวงก่อน”
“ได้”
กู้ชูหน่วนกรอกตาไปมา
นางขยับมือ ผงยาก็กระจายออกไปอย่างไร้ร่องรอย
ขันทีนำทางหายใจเข้าพร้อมกับกุมท้องและกล่าวโดยขมวดคิ้วทันทีว่า “โอ๊ย……ช่างปวดยิ่งนัก……เหตุใดจู่ๆท้องของข้าถึงได้ปวดเช่นนี้นะ?”
“ท่านกงกง ท่านไม่เป็นไรนะ จะให้ข้าช่วยดูหน่อยไหม”
“คือ……ลำบากแล้ว”
กู้ชูหน่วนยิ้มพร้อมกับจับชีพจร จากนั้นก็มองดูกงกงที่นำทางเจ็บปวดจนเหงื่อเย็นแตกออกอย่างเย็นชาซึ่งจับตรงก้นของตนเองอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์
“เป็นอย่างไร นี่ข้าเป็นอันใดหรือ……โอ๊ย……ข้าปวดยิ่งนัก……”
“ไม่เป็นอันใด ท้องเสียหน่ะ ไปเข้าห้องส้วมก็พอแล้ว”
“แต่ว่าข้ายังต้องพาเจ้าไปสำนักหมอหลวง……”
“หากท่านยังไม่ไปห้องส้วมอีกจะราดกางเกงแล้วนะ เอาเช่นนี้สำนักหมอหลวงอยู่ที่ใด ท่านบอกข้าหน่อยแล้วข้าจะไปเองนะ”
ขันทีนำทางเดิมทีไม่กล้าให้นางไปลำพังผู้เดียว
อย่างไรก็ตามท้องของตนปวดอยู่เป็นพักๆ หากไม่ไปอีดเขาเองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
จึงทำได้เพียงบอกตำแหน่งของสำนักหมอหลวงอย่างลวกๆจากนั้นก็รีบไปยังห้องส้วมด้วยความรีบร้อน
ทันทีที่ขันทีจากไปกู้ชูหน่วนก็เร่งฝีเท้าไล่ตามพวกขันทีที่ยกศพจากไปไว้ทันที
ท้องฟ้ามืดมิดแล้วและที่นี่ก็ห่างไกล กู้ชูหน่วนปลอมตัวเป็นนางกำนัลใหม่และได้ผ่านเหล่าองคครักษ์ตรวจเวรทั้งหลายได้
ตามไปตลอดทาง
นางมาถึงตำหนักร้างที่หนึ่ง
ขันทีน้อยสองสามคนสุมกองไฟอยู่และกำลังจุดไฟด้วยตะบันไฟเพื่อเตรียมจัดการเผาศพ
ลมหนาวพัดมาเป็นพักๆ ด้านข้างของตำหนักได้ปลูกต้นอู๋ถงเอาไว้จำนวนไม่น้อย ลมบางพัดโชยผ่านใบไม้ก็บังเกิดเสียงขึ้น
คืนนี้อากาศหนาวและลมแรง
ตะบันไฟจุดขึ้นหลายครั้งแต่ก็จุดไม่ติด ร่างกายของเหล่าขันทีน้อยสั่นเทาขึ้นโดยตรง
“น่าแปลกเหตุใดวันนี้ตะบันไฟถึงจุดไม่ติดนะ ไม่ใช่ว่าคุณชายที่สวมชุดสีเทาผู้นั้นยังไม่ตายหรอกนะ?”
“คนตายยังไม่กลัวเลยแล้วจะกลัวคนเป็นอันใด?”
“พูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ ฝ่าบาททรงทรมานอย่างเหี้ยมโหดเช่นนั้น ยังจะมีผู้ใดสามารถรอดอยู่ได้ หรือว่าจะตายอย่างน่าอนาถนักแล้วได้กลายเป็นผีซะแล้ว”
“เจ้าอย่าได้หลแกตัวเองเลย รีบจุดไฟเร็วเข้า”
“ข้าจุดอยู่แต่ว่าข้าจุดไม่ติด”
ขันทีน้อยทั้งหลายหวาดกลัว กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นผีอาฆาตร้องห่มร้องไห้และร้องคร่ำครวญโหยหวนขึ้นจนทำให้เหล่าขันทีน้อยตกใจกลัวจนหน้าตาซีดเซียว พร้อมทั้งตัวสั่นเทาไปทั้งร่างแม้กระทั้งกอดกันไว้เป็นกลุ่มก้อน
“มีผีจริงๆ มีผีจริงๆ……พวกเราแบกศพมาเผาทุกคืน พวกเขาคงจะนำเอาความคับข้องใจมาลงที่ตัวพวกเราเป็นแน่ จะทำอย่างไรกันดี…..”
“เจ้าใจเย็นๆหน่อย ในโลกนี้มีผีที่ใดกัน?”
“ที่ใดไม่มีผี บ่อน้ำคืนวิญญาณก็อยู่ไม่ไกลนัก ผู้คนที่นิรอยู่ที่นั่นล้วนเป็นผีที่ถูกทรมานจนตายโดยมิชอบ”
“ฮือ……ฮือ……ฮือ……”
สายลมครึ้มพัดเป็นพักๆ
เสียงร้องอันแผ่วเบาก็ยิ่งโหยหวนมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้กระทั่งยังเกิดเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าตายอย่างน่าอนาถ……ข้าตายอย่างน่าอนาถนัก……ข้าตายอย่างอนาถเช่นนี้ เหตุถึงพวกเจ้ายังต้องเผาข้าด้วย เหตุใดแม้แต่ศพทั้งศพก็ไม่ให้ข้าด้วย……”
“อ๊า……”
ขันทีน้อยไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป ตะโกนร้องเสียงดังและจากไปแบบกระโดดหนี
ยืนยันแล้วว่าข้างๆไม่มีคนอยู่กู้ชูหน่วนก็รีบเดินมาถึงยังกองศพอย่างเร็ว ผ้าขาวเป็นชิ้นๆถูกเปิดออกพร้อมกับมองหาร่างที่คุ้นเคยนั้น
ในที่สุดนางก็หาหลินซือหย่วนพบ
กู้ชูหน่วนจับชีพจรของนาง
เป็นอย่างที่นางคาดคิดไว้ เลือดทั้งร่างของเขาถูกดูดออกจนไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย
ร่างของเขายังมีร่องรอยของการถูกทุบตีอย่างอำมหิตอีกด้วย
รวมทั้งร่องรอยอันคลุมเครือไม่ชัด
โมโห
กู้ชูหน่วนโมโหยิ่งนัก
ความโหดร้ายของทรราชอยู่เกินกว่าที่นางจินตนาการ
เส้นเอ็นและเส้นลมปราณของหลินซือหย่วนขาดไปหมดแล้ว และบนร่างกายก็ไม่มีร่องรอยของเลือดเลยแม้แต่น้อยจึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เลย
ลมหายใจของเขาอ่อนโรย ลมหายใจเข้าน้อยลมหายใจออกมาก หากว่าไม่ได้ตรวจให้ดีก็ตรวจไม่ออกเลย
กู้ชูหน่วนพยุงเขานั่งลง วางฝ่ามือของตนเองไว้บนร่างกายของเขา จากนั้นก็ถ่ายกำลังภายเข้าไปในร่างกายของหลินซือหย่วนอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด การหายใจของหลินซือหย่วนถึงได้ดีขึ้นมาอยู่บ้างในท้ายที่สุด
เขาลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรงและสิ่งที่เขามองเห็นคือกู้ชูหน่วน
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าถึงอยู่ในวัง แล้วทรราชหญิงผู้นั้นใช้วิธีการใดในการดูดเลือดของเจ้าจนไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย”
ในใจของกู้ชูหน่วนมีคำถามมากมายก่ายกอง
ไม่เพียงแต่หลินซือหย่วนเท่านั้นแต่ว่าการตายของชายหนุ่มทั้งสิบกว่าคนนี้ก็เหมือนกับหลินซือหย่วนทุกประการ
เมื่อหลินซือหย่วนเห็นกู้ชูหน่วนก็ได้ถอนหายใจยาวออกมา
เขาคิดไม่ถึงก่อนตายยังสามารถเห็นกู้ชูหน่วนได้อีกครั้ง
“เป็น……เป็นจักรพรรดินีดูด……ดูดไป……นาง…… นางกำลังฝึกฝนพลังชั่วร้าย……จำต้องดูด……ดูดเลือดจำนวนมาก……รวมทั้งเด็ดตะวัน……วิชา……”
ฝึกฝนพลังชั่วร้าย?
พลังชั่วร้ายอันใดกันที่ต้องดูดเลือดของคนไป?
แล้วยังเป็นจำนวนมากด้วย?
“ควบ……การชุมนุมควบคุมสัตว์ร้ายเป็น……เป็นแผนร้ายฉากหนึ่ง……เพียงแค่เป็นบุรุษที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง……ล้วน……ล้วนถูกจักรพรรดินีจับตัวไป……พวกเขาเหมือน……เหมือนเช่นข้า ถูกดูดกันหมด……ดูดเลือดจนแห้งเหือด……”
กู้ชูหน่วนกล่าวว่าไม่ตื่นตกใจเป็นเรื่องโกหก
การชุมนุมควบคุมสัตว์ร้ายได้รวบรวมรัฐปิงทั้งรัฐโดยพร้อมกัน แม้กระทั่งชายหนุ่มหล่อเหล่าสง่างามที่โดดเดี่ยวที่สุดแห่งทั้งดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง
หากว่าทำลายพวกเขาทั้งหมดลง เช่นนั้นอนาคตนับหลายสิบปีนั้นของดินแดนวิญญาณเยือกแข็งกระทั้งนับร้อยปีก็ตกอยู่ในสภาวะอันเย็นยะเยือก
นางวางเกมรุกอันใหญ่เช่นนั้นเพียงเพื่อฝึกฝนพลังชั่วร้ายหรือ
“เช่นนั้นผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูลรู้เรื่องนี้หรือไม่?”
หลินซือหย่วนส่ายศีรษะ
หมายเหตุ
อู๋ถง เป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง ให้น้ำมัน เนื้อไม้นำไปทำเครื่องดนตรีได้