กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 909
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 909
ผู้คนรอบๆ อยากจะห้ามปราม แต่ทว่าเมื่อนึกถึงชีวิตของเหวินเส่าอี๋ที่คิดจะล้างแค้นแล้ว พวกเขาต่างก็เงียบในทันที
ในตอนนั้นเหวินเส่าอี๋เพียงเพื่อจะขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าเผ่า เขาต้องเสียเลือดเนื้อและหยาดน้ำตาไปมากเพียงใดถึงจะทำให้ผู้คนยอมรับและเห็นพ้องต้องกันกับการที่ให้เขาเป็นหัวหน้าเผ่า
ตอนที่เขามาที่ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งในช่วงแรก สภาพของเขาใกล้ตายและตกอับราวกับคนเป็นที่ตายไปแล้ว หากไม่ใช่ว่าการล้างแค้นช่วงประคองเขาเอาไว้ มิเช่นนั้นเขาคงไม่มีชีวิตจนถึงทุกวันนี้
เพื่อที่เขาจะฟื้นฟูวรยุทธ์เข้าสู่ระดับเจ็ด เขาต้องสูญเสียเลือดเนื้อไปอีกเท่าไร
กี่ครั้งแล้วที่เขาเข้าสู่ระดับเจ็ดและล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นี่ต้องเป็นการกระทบจิตใจระดับไหนกัน
ทุกครั้งที่เข้าสู่ระดับเจ็ดแล้วล้มเหลวนั้นล้วนตกอยู๋ในเส้นบางๆ ของความตาย
และมีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าสู่ระดับเจ็ดล้มเหลวแล้วยังรอดชีวิตอยู่
เผ่าเพลิงฟ้าของเขาก็มีผู้อาวุโสสูงสุดระดับหกขั้นสูงสุดหลายคนเช่นกัน
ทว่าเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดไม่กล้าฝึกฝนเข้าสู่ระดับเจ็ด ก็เพราะว่าหากล้มเหลวขึ้นมา สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่ล้วนเป็นความตายหรือไม่ก็สูญเสียวรยุทธ์ทั้งหมดและบาดเจ็บสาหัส
ผู้อาวุโสหม่าลังเล “หัวหน้าเผ่า ทำเช่นนี้จะเป็นอันตรายเกินไปหรือไม่ขอรับ”
“มีชีวิตนับหมื่นชีวิตอยู่ในสำนักใหญ่เผ่าเพลิงฟ้า เพียงแค่คำพูดจะฆ่านางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วงั้นหรือ? นางทำลายทั้งเผ่าเพลิงฟ้า ข้าก็จะทำลายเผ่าหยกเช่นกัน ข้าจะทำลายเผ่าหยกต่อหน้าต่อตานางให้นางรับรู้ถึงความรู้สึกโหดร้ายที่เห็นประชากรในเผ่าต้องตายไปทีละคนๆ และให้นางลิ้มลองรสชาติของความหมดแรงหมดกำลัง แล้วอะไรคือความรู้สึกตายเสียยังดีกว่า”
“เปาะ…”
สีหน้าของเหวินเส่าอี๋ยิ้มแย้ม ทว่ามือของเขากลับหักเก้าอี้ที่ตนเองนั่งอยู่หักดังเปาะ
เห็นได้ชัดว่าในใจของเขาเกลียดชังและโกรธมากเพียงใด
รองหัวหน้าเผ่าทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า “สืบพบตำแหน่งของขวานผานกู่แล้ว มันอยู่มชในมือของเซี่ยวอวี๋เซวียน เพียงแค่นำขวานผานกู่มาได้ ในเวลานั้นเหล่าผู้อาวุโสจะสามารถร่วมมือกันเปิดช่องว่างและมุ่งสู่เผ่าหยก และล้างแค้นให้กับผู้ที่ตายไปแล้ว”
แม้นรองหัวหน้าเผ่าจะไม่พูดอะไร แต่ในใจเกลียดชังเผ่าหยกไม่น้อยกว่าเหวินเส่าอี๋เลย
เพราะลูกเมียของเขาก็อยู่ในเผ่าเพลิงฟ้าเช่นกัน สิบปีมานี้เขาอยากจะเปิดช่องว่างนี้ใจจะขาด เพื่อมุ่งสู่สำนักใหญ่และอยู่พร้อมหน้ากับลูกเมียของตน แต่คิดไม่ถึงว่าเหล่าลูกศิษย์และคนในเผ่ายกเว้นเหวินเส่าอี๋ในสำนักใหญ่ล้วนตายไปหมด
รวมทั้ง…ลูกเมียของเขาด้วย…
นอกจากเขาแล้วยังมีผู้อาวุโสสูงหลายท่านและผู้อาวุโสบางส่วนต่างก็เป็นเช่นนี้
ญาตืมิตรคนสนิทล้วนอยู่ในสำนักใหญ่ แต่เสียดายที่ถูกฆ่าไปหมดแล้ว
“เซี่ยวอวี๋เซวียนล่ะ สืบพบหรือยังว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“พูดแล้วก็แปลกเช่นกัน ตั้งแต่ที่เยี่ยจิ่งหานใช้ค่ายกลโดยเฉพาะส่งเขาออกจากหุบเขาหัวสุนัขแล้ว เซี่ยวอวี๋เซวียนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าพวกข้าจะสืบหาอย่างไรก็ไม่พบ”
“สายตาและการได้ยินของเผ่าเพลิงฟ้ายอดเยี่ยมเพียงนั้น จะหาไม่พบได้อย่างไร หรือว่าเขามีปีกบินหนีไปแล้ว? หรือว่าเขากลับไปยังรัฐเยี่ยอย่างไม่ทราบสาเหตุ?”
เหล่าผู้อาวุโสต่างสับสน
เหวินเส่าอี๋กล่าว “หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เขาน่าจะยังอยู่ในพระราชวังของรัฐปิงพร้อมกับเยี่ยจิ่งหาน ต่างก็ถูกคุมขังไว้ในพระราชวัง เจ้าไปสืบมาให้แน่ชัด”
“ขอรับ”
เมื่อพูดถึงพระราชวังของรัฐปิง ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายจึงก้าวขึ้นมาพูดว่า “หัวหน้าเผ่าขอรับ จักรพรรดินีมาเร่งเราอีกแล้วขอรับ พระองค์แจ้งว่าอีกครึ่งเดือนจะจัดพิธีสมรสครั้งใหญ่ขึ้น สิ่งของต่างๆ ที่ต้องใช้ในพิธีรวมถึงสินสอดล้วนถูกส่งมาหมดแล้วขอรับ”
“จักรพรรดินีเร่งมาหลายครั้งแล้ว และท่านก็เลื่อนออกไปทุกครั้ง เกรงว่าครั้งนี้ท่านจะไม่สามารถเลื่อนออกไปได้อีก มิเช่นนั้นอาจทำให้จักรพรรดินีทรงกริ้วได้”
“หัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าต่างๆ ของเผ่าเพลิงฟ้าย่อมมีชะตาที่จะต้องสมรสกับจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง เพื่อให้เผ่าเพลิงฟ้าได้ดำเนินต่อไปหลายยุคสมัย ในเมื่อท่านเป็นหัวหน้าเผ่า เรื่องสมรสนี้ย่อมมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อเผ่าเพลิงฟ้าแล้วการสมรสครั้งนี้จะต้องจัดขึ้นอย่างแน่นอน”
เหวินเส่าอี๋จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตนจะต้องสมรสกับจักรพรรดินี
ข้อเสนอที่เขาได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าก็คือต้องสมรสกับจักรพรรดินีอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น…
เขาและจักรพรรดินีหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก
เพียงแต่หญิงสาวใจร้ายคนนั้นจะให้เขาสู่ขอได้อย่างไร?
จึงได้เลื่อนแล้วเลื่อนอีก
เมื่อสามปีก่อนที่เขาเพิ่งขึ้นเป็นตำแหน่งหัวหน้าเผ่า จักรพรรดินีก็เร่งรัดให้เขาจัดพิธีสมรสขึ้น
แต่เขาก็เลื่อนออกไปเป็นเวลาสามปีแล้ว
และ…มิอาจเลื่อนออกไปได้อีกต่อไป
มิเช่นนั้นเผ่าเพลิงฟ้าและรัฐปิงคงได้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นเป็นแน่
ในฐานะหัวหน้าเผ่า เขาจำต้องตระหนักถึงเผ่าเพลิงฟ้า
เหวินเส่าอี๋กุมมือแน่นแล้วคลายออก ผ่านไปนานพอควร…เขาจึงพูดออกมาเรียบๆ ว่า “ทูลกลับจักรพรรดินีเสียว่าอีกครึ่งเดือนเผ่าเพลิงฟ้าจะจัดพิธีสมรสครั้งใหญ่ขึ้นกับพระองค์”
เหวินเส่าอี๋ไปพูดอะไรต่อ
เพียงแค่พูดถึงเรื่องนี้เท่านั้น
“มีวิธีที่จะสามารถตามหาวิญญาณที่เหลือของกู้ชูหน่วนได้ภายในเร็ววันหรือไม่?”
“วิญญาณนั้นหายาก นอกเสียจากให้มู่หน่วนไปตามหาเอง แต่ทว่า…หลังจากที่นางอาละวาดที่ตระกูลไป๋หลี่แล้วก็มีการเคลื่อนไหวออกจากเขตหวงห้ามของตระกูลไป๋หลี่ ข้าและผู้อาวุโสหม่าเคยเข้าไปยังเขตหวงห้ามแล้ว ข้างในดูเหมือนมีกลิ่นอายวิญญาณเส้นที่หนึ่งที่คล้ายกับที่กู้ชูหน่วนถ่ายทอดไปในตัวของมู่หน่วนมากนัก”
“ตอนนั้นข้าเพียงแค่รู้สึกแปลก และไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่ได้รายงานให้ท่านทราบ แต่เมื่อครู่เห็นวิญญาณเส้นที่สามของกู้ชูหน่วน ข้ารู้สึกว่าวิญญาณเส้นนั้นคล้ายกับกลิ่นอายบนตัวของกู้ชูหน่วนมากขอรับ”
เหวินเส่าอี๋คิดแล้วคิดอีก
ผู้คนรอบๆ ต่างคิดว่าเขาจะพูดอะไรออกมา หรือไม่ก็ออกคำสั่งให้พวกเขาไปทำอะไรบางอย่าง
แต่เหวินเส่าอี๋กลับให้พวกเขาถอยลงไปก่อน เหลือไว้เพียงรองหัวหน้าเท่านั้น
ในห้องโถงมีเพียงพวกเขาสองคน บรรยากาศเงียบสงบ
เหวินเส่าอี๋กล่าวอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “รองหัวหน้าเผ่า เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดหัวหน้าเผ่าทุกคนของเผ่าเพลิงฟ้าจะต้องสมรสกับจักรพรรดินีด้วย หรือเพราะเหตุใดข้าจำต้องสมรสกับนางด้วย?”
ถึงแม้รัฐปิงจะเก่งกาจ
ทว่าเผ่าเพลิงฟ้าก็เป็นเผ่าโบราณนับพันปี แม้นจะไม่มีสำนักใหญ่แล้ว แต่ฝีมือของแต่สำนักย่อยก็ไม่แพ้สำนักใหญ่เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องสมรสเลยด้วยซ้ำ
แต่ผู้อาวุโสในเผ่าจะให้สมรสให้จงได้ ต้องมีเหตุผลที่ไม่อาจเปิดเผยได้อย่างแน่นอน
รองหัวหน้ากล่าว “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่มันคือการสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ บอกว่าเมื่อมาถึงยุคสมัยของท่านเผ่าเพลิงฟ้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เขากลัวว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะถูกทำลาย จึงได้แยกเผ่าเพลิงฟ้าออกเป็นสองฝ่าย นี่จึงเป็นเหตุให้มีสำนักใหญ่และสำนักย่อย และยังบอกอีกว่าท่านจะต้องสมรสกับจักรพรรดินีเท่านั้น เผ่าเพลิงฟ้าถึงจะดำเนินต่อไปหลายยุคสมัยได้ มิเช่นนั้น…สำนักย่อยของเผ่าเพลิงฟ้าก็ต้องหายสาบสูญไปในเบื้องลึกของประวัติศาสตร์ได้”
“บรรพบุรุษ?”
“ใช่ บรรพบุรุษท่านนั้นมีทักษะที่อยู่ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด และเชี่ยวชาญในด้านวิชาเวท และเขาสันนิษฐานการเปลี่ยนแปลงในอนาคตจากการทำนาย”
เหวินเส่าอี๋เงียบไปครู่หนึ่ง
หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงปฏิเสธเสียงแข็งไปนานแล้ว
ทว่าตอนนี้…
“เจ้าวางใจเถิด การสมรสจะต้องเป็นไปอย่างแน่นอน”
“หัวหน้าเผ่า แท้จริงแล้ว…ข่าวลือก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ แม้นว่าหลายปีมานี้นิสัยบุคลิกของจักรพรรดินีจะเปลี่ยนไปมาก แต่…นางในอดีตก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเช่นกัน ไม่แน่หลังจากพิธีสมรส จักรพรรดินีอาจเปลี่ยนกลับมาก็เป็นได้”
เหวินเส่าอี๋หัวเราะเยาะกับตนเอง
จักรพรรดินี…
แม้นว่าจะไม่เคยเห็นโฉมหน้านางมาก่อน
แต่คนที่สามารถคุมตัวเยี่ยจิ่งหานได้นั้น จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไรกัน?
เกรงว่าจักรพรรดินีคงจะรับมือยากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
“เจ้าถอยไปก่อนเถิด”
“ขอรับ…”
เหวินเส่าอี๋มองลูกแก้วที่ร้าว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ตระกูลไป๋หลี่มีกลิ่นอายที่เหมือนนางมากงั้นหรือ?
เช่นนั้นจักรพรรดินีเองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ ถึงได้ตั้งใจเรียกไป๋หลี่เฉิงให้เข้าพบ
และตั้งใจให้พวกเขาทั้งสองออกจากพระราชวังพร้อมกัน และยืมมือมู่หน่วนกำจัดไป๋หลี่เฉิงซะ จากนั้นค่อยฉุดความแค้นที่มู่หน่วนมีต่อไป๋หลี่เฉิง
จักรพรรดินี…ต้องการจะทำอะไรกันแน่?