กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 917
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 917
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “ลั่วอิ่งเล่า?ทำไมถึงไม่เห็นเขาเลย?”
“พวกเราถูกบังคับให้แยกกัน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าลั่วอิ่งอยู่ที่ไหน”
“ข้าเตรียมการไว้แล้ว วันมะรืนนี้ข้าจะส่งเจ้าออกไปจากในวัง เจ้ารอฟังข่าวจากข้า ส่วนลั่วอิ่ง ข้าจะหาเขาให้พบ”
“ในวังมีการรักษาการณ์อย่างเข้มงวด พวกเราสูญเสียวรยุทธ์ แล้วจะออกไปได้อย่างไร?จักรพรรดินีผู้นั้นไม่ธรรมดาเลย”
“ต้องลองดู นี่เป็นเพียงโอกาสเดียว หากไม่พบลั่วอิ่ง เช่นนั้นเจ้าก็หนีไปก่อน”
หากลั่วอิ่งอยู่ด้วยกันกับเขาก็คงจะดี แต่ทั้งสองคนแยกกัน
นางยังต้องเสียเวลาตามหาลั่วอิ่งอีก
นางไม่รู้ว่าจักรพรรดินีต้องการจะทำอะไร
นางรู้เพียงว่าจักรพรรดินียังไม่ต้องการให้นางตายในตอนนี้
นางปลอมตัวเป็นหมอ จักรพรรดินีก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว
ลองดูซิว่าจักรพรรดินีจะปล่อยไปตามน้ำอีกหรือไม่
“แล้วแม่กู่……”
“เจอแม่กู่แล้ว แต่ยังมีเรื่องที่จัดการได้ยาก”
ฝูกวงอยากจะบอกว่าเขาต้องการจะจากไปพร้อมกับลั่วอิ่ง
ลั่วอิ่งยอมเสียสละความบริสุทธิ์เพื่อเขา เขาจะทิ้งลั่วอิ่งไว้ได้อย่างไร
แต่เขากับมู่หน่วนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เป็นการดีที่ผู้อื่นเต็มใจจะช่วยเขา แล้วเขายังจะร้องขออะไรอีก
ซั่งกวนหมิงหลางกล่าวว่า “แล้วข้าเล่า?”
“เจ้ามีตระกูลซั่งกวนค่อยหนุนหลังมิใช่หรือ?หากเจ้าหนีไปแล้ว เจ้าไม่กลัวว่าจักรพรรดินีจะลงโทษตระกูลซั่งกวนหรือ?”
ความหมายของกู้ชูหน่วนคือเจ้าอยู่ในวังต่อไปเถอะ
สีหน้าของซั่งกวนหมิงหลางดูไม่น่ามอง
เป็นเพราะการถอนหมั้น นางจึงปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้งั้นหรือ?
ในหอดาบ
ฮวาอิ่งไล่ทุกคนออกไปและนั่งลงบนเตียง นางมองใบหน้าที่ซีดขาวและอ่อนแรงของเยี่ยจิ่งหาน
นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเยี่ยจิ่งหานจะเหมือนเขามากขนาดนี้
เมื่อมองลงไปที่ขาทั้งสองข้างของเยี่ยจิ่งหาน ที่พันด้วยผ้าพันแผลสีขาวไว้อย่างหนาแน่น และผ้าพันแผลก็ยังเปื้อนเลือดสีแดงสด
ฮวาอิ่งลูบผมที่หน้าผากของเยี่ยจิ่งหาน และกล่าวเบาๆ ว่า “อย่าโทษข้า หากจะโทษก็โทษที่เจ้าไม่ควรเกิดมา หากจะโทษก็โทษที่เจ้าไม่ควรชอบเจ้าเด็กโสโครกนั่น ข้าเป็นคนทำให้เจ้าเกิดมา เจ้าควรจะตอบแทนข้า ข้าดูดวรยุทธ์ของเจ้า นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าควรตอบแทน”
แม้ว่าเยี่ยจิ่งหานจะหมดสติ แต่คิ้วรูปดาบของเขาก็ยังคงขมวดแน่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ็บปวดมากหรือไม่
เขาพูดเพ้ออย่างไม่รู้ตัว “อาหน่วน…..อาหน่วน……”
“อาหน่วน……เหอะ……ช่างสนิทสนมเสียจริง เจ้าไม่ต้องห่วง เจ้าไม่มีทางที่จะได้อยู่กับนางตลอดไป ต่อให้ตาย ข้าก็จะไม่ยอมให้พวกเจ้าสองคนถูกฝังไปพร้อมกัน และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่วิญญาณของพวกเจ้าจะได้พบกัน”
นางยิ้มอย่างเคร่งขรึม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงยอมให้นางรักษาเจ้า?หญิงผู้นั้นวางยาพิษจากใบไม้โลหิตลงบนตัวเจ้า เพื่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป จนกระทั่งตอนนี้พิษจากใบไม้โลหิตก็ยังคงอยู่ในร่างของเจ้า หากข้าดูดเลือดของเจ้า เลือดพิษก็จะมาอยู่ในร่างของข้า และจะเป็นการกำจัดเลือดพิษของเจ้า แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับข้า”
“หากต้องการจะกำจัดเลือดพิษ ก็ต้องรักษาขาของเจ้าให้หาย ข้ารู้ว่าเจ้าต้องรอด ข้าจึงรอให้ขาของเจ้าหายดีเสียก่อน”
ฮวาอิ่งจ้องมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเยี่ยจิ่งหาน
ไม่รู้ว่าจ้องมองอยู่นานแค่ไหน ก่อนที่จะจากไป
หลังจากที่นางจากไปแล้ว เยี่ยจิ่งหานก็ลืมตาขึ้น
นัยน์ตาอันล้ำลึกคู่นั้นดูสับสน
จักรพรรดินีรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกพิษร้ายจากใบไม้โลหิต?
นางรู้ว่าใครเป็นคนวางยาพิษจากใบไม้โลหิตกับเขา?
นางรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาดีขนาดนี้ หรือว่านางจะเป็นคนของดินแดนเยี่ยอวี่?
เดิมทีเยี่ยจิ่งหานคิดว่าจักรพรรดินีไม่ธรรมดา และในตอนนี้คำพูดของนางก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจมากขึ้น
เพียงแต่เขาคิดไม่ออกว่าจักรพรรดินีเป็นใคร
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคำพูดนั้นของนาง
ข้าเป็นคนทำให้เจ้าเกิดมา……
ทำให้เขาเกิดมางั้นหรือ?
ในตำหนักเฟิ่งอี๋
จักรพรรดินีเรียกกู้ชูหน่วนมาเข้าเฝ้า
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างจริงใจว่า “กราบทูลฝ่าพระบาท คุณชายเยี่ยบาดเจ็บสาหัสมาก ประกอบกับในร่างกายของเขาถูกพิษจำนวนมากมานานหลายปี กระหม่อมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำลายกระดูกหัวเข่าของเขา และหวังว่าจะสามารถบีบเลือดพิษออกมาเพื่อรักษาชีวิตของเขา”
“เป็นเช่นนี้เองหรือ?” จักรพรรดินีกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน จนดูอารมณ์ของนางไม่ออก
“พ่ะย่ะค่ะ หากเป็นไปได้ กระหม่อมก็ต้องการจะรักษาขาของคุณชายเยี่ยให้หาย แต่อาการเจ็บป่วยอย่างกะทันหันของคุณชายเยี่ยนั้น เกิดจากความไม่สมดุลของพิษในร่างกาย เพียงแต่ต้องใช้สมุนไพรชนิดหนึ่ง อาการบาดเจ็บของคุณชายเยี่ยถึงจะดีขึ้นได้”
“ในวังมีสมุนไพรมากมาย ยังไม่เพียงพอให้เจ้าใช้อีกหรือ?”
“สมุนไพรชนิดนี้มีเพียงเฉินอ๋องเท่านั้นที่มีพ่ะย่ะค่ะ”
“เฉินอ๋อง?เสด็จอาของข้า?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ในจวนของเฉินอ๋องมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เรียกว่ากล้วยไม้มังกรน้ำแข็ง ว่ากันว่าจะเบ่งบานและออกผลทุกสามร้อยปี ในรัฐปิงอันกว้างใหญ่มีเพียงในจวนเฉินอ๋องเท่านั้นที่มีอยู่หนึ่งต้น ซึ่งหาได้ยากยิ่ง”
“เจ้าต้องการกล้วยไม้มังกรน้ำแข็ง?”
นัยน์ตาของฮวาอิ่งเยือกเย็น
“กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมรู้ว่าหากต้องการกล้วยไม้มังกรน้ำแข็ง เกรงว่าเฉินอ๋องจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน และฝ่าบาทก็จะทรงลำบากพระทัย กระหม่อมเพียงแค่ต้องการใช้น้ำของกล้วยไม้มังกรน้ำแข็งมาทำเป็นยาเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะให้เขานำกล้วยไม้มังกรน้ำแข็งมาให้”
“กล้วยไม้มังกรน้ำแข็งนั้นเติบโตได้ยากมาก ย่อมมีข้อกำจัดบางอย่างเกี่ยวกับสภาพดินและสภาพอากาศ หากนำมันออกมาจากจวนเฉินอ๋อง เกรงว่ากล้วยไม้มังกรน้ำแข็งจะเฉาตาย หากฝ่าบาททางไว้วางพระทัยกระหม่อม และให้กระหม่อมไปที่จวนเฉินอ๋องด้วยตนเอง กระหม่อมจะนำน้ำของกล้วยไม้มังกรน้ำแข็งมาทำเป็นยา และกลับเข้ามาในวังทันที”
ดูเหมือนว่ากลัวฮวาอิ่งจะไม่ตอบตกลง กู้ชูหน่วนจึงกล่าวเสริมว่า “น้ำของกล้วยไม้มังกรน้ำแข็งจะต้องนำมาทำเป็นยาในทันที มิฉะนั้นจะใช้การไม่ได้ หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ”
ฮวาอิ่งเงียบสงบ
และไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน
ในตำหนักเงียบสงัดจนน่ากลัว
กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้ว่าจักรพรรดินีจะตอบตกลงกับคำขอของนางหรือไม่
นางรู้สึกว่านัยน์ตาอันเยือกเย็นจ้องมองมาที่นางตลอดเวลา
หลังจากนั้นไปนาน ฮวาอิ่งก็กล่าวอย่างราบเรียบ
“อนุญาต”
ตรงไปตรงมาเช่นนี้?
กู้ชูหน่วนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เหตุผลที่นางต้องการไปที่จวนเฉินอ๋อง ก็เพื่อที่จะทำลายอาคมกู่ของฝูกวงและลั่วอิ่ง
“ในเมื่อเจ้าต้องออกไปนอกวัง เช่นนั้นเจ้าก็ถือโอกาสเอาของมาให้ข้าด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ……ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงมีพระประสงค์ให้กระหม่อมนำสิ่งใดมาถวายพ่ะย่ะค่ะ?”
“ตอนบ่ายมีพิธีสังเวย ข้าต้องการให้เจ้านำดวงตาของผู้ที่สี่ตระกูลใหญ่ต้องการสังเวยกลับมา”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย
พิธีสังเวย?
เอาดวงตา?
เอาดวงตาของมนุษย์?
เช่นนี้ไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรือ?
“ทำไม เจ้าจะขัดคำสั่งงั้นหรือ?”
“กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ออกเดินทางเสียเดี๋ยวนี้เลย หากชักช้าจะไม่ทันกาล”
“พ่ะย่ะค่ะ……”
“จำไว้ว่าข้าต้องการดวงตาของเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ……”
กู้ชูหน่วนออกไปจากวังอย่างรวดเร็วด้วยความสงสัย และมีเพียงองครักษ์สองคนเท่านั้นที่ตามไปด้วย
กู้ชูหน่วนเดินไปพลางถามไปพลาง
“พี่ชายทั้งสอง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าฝ่าบาททรงต้องการให้ข้าเอาดวงตาของใครกลับมา?”
“พวกเราก็ไม่รู้ รู้เพียงว่าคนผู้นั้นเป็นคนชั่วช้า และนัยน์ตาทั้งสองข้างของเขาต่างกัน”
“หมอจิน ท่านเคยเห็นผู้ที่มีดวงตาสีต่างกันหรือไม่?”
“ไม่เคยเห็น”
“ผู้ที่สี่ตระกูลใหญ่ต้องการสังเวย มีดวงตาที่สีต่างกัน คนชั่วช้าผู้นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามมากที่สุดในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งของพวกเรา ดังนั้นทั้งสี่ตระกูลใหญ่จึงต้องการที่จะเผาเขาให้ตายทั้งเป็น”
“นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่มีดวงตาสีต่างกันต้องถูกเผาทั้งเป็น?แล้วเขาไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้หรือ?”
“นี่……ตอนนี้ยังไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไร แต่ต่อไปต้องมีอย่างแน่นอน ในอดีตรัฐปิงของพวกเราเกือบจะต้องล่มสลาย เพราะคนชั่วช้าที่มีนัยน์ตาต่างกันผู้นั้นได้ถือกำเนิดขึ้น”