กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 926
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 926
“เขากินยาผิดไปหรือ? เหตุใดถึงกล้าโจมตีผู้นำตระกูลเหวินอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้? เหตุใดผู้อาวุโสของตระกูลเหวินถึงไม่ออกหน้าเข้ามาช่วยเหลือบ้างเลยหรือ?”
หนิงเทียนโย่วไม่รู้ว่าวรยุทธ์ของเหวินเส่าอี๋ได้เพิ่มขึ้นไปถึงระดับหกขั้นสูงสุดแล้ว
เขาเห็นเพียงแค่กระบวนท่าที่แข็งแกร่งเกินต้านของผู้นำตระกูลไป๋หลี่ ที่ทำให้ผู้มีวรยุทธ์ตั้งแต่ระดับสามลงไปต้องกระเด็นกระดอนกันออกไป
ผู้ที่ยังคงอยู่ก็ไม่สามารถบังคับร่างกายได้
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่ป้าไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปได้ เขาลงมือด้วยพละกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด
เขายังเห็นผู้อาวุโสของตระกูลเหวินต่างอยู่นิ่งเฉยไม่ขยับ และเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใจเย็นอยู่ข้างๆ
ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่เป็นห่วงหรือใส่ใจเหวินเส่าอี๋
หรือเพราะรู้ว่าเหวินเส่าอี๋จะต้องชนะอย่างแน่นอน
ท่านปู่ก็ยังอาจไม่สามารถเอาชนะผู้นำตระกูลไป๋หลี่ได้
เช่นนั้นเหตุใดผู้นำตระกูลเหวินถึงสามารถเอาชนะเขาได้
กู้ชูหน่วนกอดจอมมารเอาไว้แน่น ทำให้จอมมารไม่สามารถหนีออกไปได้
ดวงตาของจอมมารถูกพายุทรายอันทรงพลังพัดเข้ามาจนทำให้ลืมตาไม่ขึ้น
กู้ชูหน่วนเห็นว่าผู้นำตระกูลไป๋หลี่กำลังจะโจมตีเข้าไปถึงตัวของเหวินเส่าอี๋ เหวินเส่าอี๋ไม่มีทางปล่อยให้เขาลงมือได้ง่ายๆ
พลังอันแข็งแกร่งทั้งสองปะทะเข้าหากันจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลยได้อย่างไร กู้ชูหน่วนจึงจงใจรีบกล่าวขึ้นมาว่า “รีบหลับตาเดี๋ยวนี้”
จอมมารรีบหลับตาลงทันทีเมื่อได้ยินเข้า
“ซี๊ด……”
ทันใดนั้น ทุกคนก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา หนาวจนพวกเขาสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้
แม้แต่ท่านผู้เฒ่าหนิงและผู้นำตระกูลไป๋หลี่ก็เช่นกัน
หลังจากความเยือกเย็นมาเยือน จากนั้นก็เห็นเพียงแสงสีขาวพร่างพรายก็ปรากฏขึ้นกลางสนามรบ
แสงสีขาวนั้นเปล่งประกายจนพวกเขาไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ และทำได้เพียงหันข้างเพื่อหลบหรือปิดตาเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงตาบอดอย่างไม่ต้องสงสัย
“ครื่น……”
พื้นดินสั่นไหวเนืองๆ
อีกทั้งยังเผยให้เห็นรอยแตกร้าวจำนวนมาก
ราวกับเป็นแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ล้มลงและถอยไปสองสามก้าว สีหน้าของเขาซีดเผือดและหายใจติดขัด
เมื่อมองไปยังเหวินเส่าอี๋ เขายังคงอยู่ในท่าเอามือไพล่หลัง และใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูหล่อเหลาและสง่างาม
นี่……
นี่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้แล้วใช่หรือไม่?
พวกเขายังไม่เห็นเลยว่าพวกเขาต่อสู้กันอย่างไร?
ตกตะลึง
ช่างน่าตกตะลึงอย่างมาก
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่มีวรยุทธ์ถึงระดับห้าขั้นสูงสุดเชียวนะ
และเหลือเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้นก็สามารถก้าวไปถึงระดับห้าได้แล้ว
แต่ตอนนี้ เขากลับเป็นเพียงชายวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
หนิงเทียนโย่วตกตะลึงจนอ้าปากค้างและแทบจะยัดไข่ไก่เข้าไปได้
เขากลืนน้ำลายและเอามือขยี้ตาอย่างแรง
“ข้าไม่ได้ดูผิดไปใช่หรือไม่ ไป๋หลี่ป้าพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ? อีกทั้งเอาปล่อยพลังอันแข็งแกร่งเช่นนั้นออกไป แต่กลับไม่สามารถเอาชนะคนอื่นได้”
ท่านผู้เฒ่าหนิงรู้สึกหนักใจอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย
หากไม่ใช่เป็นเพราะผู้นำตระกูลเหวินออมมือให้ เกรงว่าเพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถทำให้ตายไปเสียแล้ว
“ท่านผู้นำ……”
ผู้คนของตระกูลไป๋หลี่ต่างพากันกรูเข้าไปดูบาดแผลของไป๋หลี่ป้า
ไป๋หลี่ป้าทำมือ เพื่อแสดงให้พวกเขาถอยออกไป
เขาฝืนพยายามหายใจออกมาอย่างปกติ เพื่อระงับความตกใจในหัวใจของเขาและกล่าวว่า “ผู้นำตระกูลเหวินช่างมีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ข้ารู้สึกละอายใจเหลือเกิน”
“ผู้นำตระกูลไป๋หลี่พูดเกินไปแล้ว หากไม่ใช่เป็นเพราะท่านยอมอ่อนข้อให้ เช่นนั้นข้าจะเอาชนะท่านได้อย่างไร”
เหวินเส่าอี๋กำลังพูดเพื่อไว้หน้าผู้นำตระกูลเหวิน
แต่ยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์สูงส่งต่างรู้ดีว่า
ไป๋หลี่ป้าได้พยายามอย่างสุดความสามารถ
“อ่า……เราไปกันเถอะ……”
ไป๋หลี่ป้าโบกมือ คนของตระกูลไป๋หลี่ต่างพากันเดินจากไป
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
ตระกูลไป๋หลี่จากไปอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?
เช่นนั้นเขาไม่ต้องการฆ่าปีศาจร้ายแล้วหรือ?
คนที่ไป๋หลี่ป้าหวาดกลัว
เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะสามารถรับมือได้อย่างไร?
ในขณะที่ทุกคนต่างสับสนงงงวย ท่านผู้เฒ่าหนิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
เขาลูบเคราและกล่าวขึ้นมาว่า “ผู้นำตระกูลเหวินช่างเก่งกาจเหลือเกิน ได้โปรดสั่งสอนให้กับพวกข้าบ้างได้หรือไม่”
“ข้าไม่กล้าสั่งสอนหรอก หากท่านผู้เฒ่าหนิงต้องการเรียนรู้ เช่นนั้นข้าสามารถแนะนำให้ท่านได้”
หนิงเทียนโย่วดึงแขนเสื้อของท่านปู่เอาไว้ และกล่าวกระซิบ “ท่านปู่ วรยุทธ์ของคนคนนี้แกร่งกล้าเกินไป แม้แต่ไป๋หลี่ป้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ข้าว่าเราปล่อยไปเสียเถอะ”
ท่านผู้เฒ่าหนิงปัดมือเขาออกไป จากนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังและตรงไปตรงมา “เพราะว่าเขาแข็งแกร่ง เช่นนั้นเราก็ควรถอยให้อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นแล้วบนโลกนี้ยังมีใครสามารถฆ่าปีศาจร้ายเพื่อรักษาความยุติธรรมได้อีก?”
“ผู้นำตระกูลเหวิน เชิญได้เลย”
ท่านผู้เฒ่าหนิงทำท่าทางเชื้อเชิญ
ทุกคนต่างพากันจ้องมองไปยังท่านผู้เฒ่าหนิง ไม่รู้ว่าท่านผู้เฒ่าหนิงจะรอดพ้นจากกระบวนท่าของผู้นำตระกูลเหวินไปได้สักเท่าไร
“ตู้ม……”
ไม่รู้ว่าพวกเขาลงมือกันอย่างไร จู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดดังกังวานขึ้นกลางอากาศ ทุกคนต่างพากันถอยหลัง
เมฆดำลอยวนอยู่บนท้องฟ้า น้ำแข็งก้อนสีขาวและสีฟ้าต่างพากันปะทะเข้าหากันอย่างดุเดือด
“นี่คืออะไร? ฝนกำลังจะตกอย่างนั้นหรือ? ข้าดูจนรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน”
“ฝนกำลังจะตกที่ไหนกัน ตอนนี้พวกเขากำลังประลองกำลังภายในกันอยู่ต่างหากล่ะ ดูสิ กระแสน้ำแข็งวนสีขาวนั้นช่างดูทรงพลังและแข็งแกร่งเหลือเกิน คาดว่าคงเป็นของผู้นำตระกูลเหวินอย่างแน่นอน ส่วนกระแสน้ำแข็งวนสีฟ้านั่น ถึงแม้ว่าจะดูทรงพลัง แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังตกต่ำลงเล็กน้อย คาดว่าน่าจะเป็นของท่านผู้เฒ่าหนิงอย่างแน่นอน”
“ข้าเห็นว่าวรยุทธ์ของท่านผู้เฒ่าหนิงก็ดูแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่เห็นจะตกต่ำลงตรงไหนเลยนี่”
“เจ้าจะไปรู้อะไร เขาได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เมื่อลองมองไปยังผู้นำตระกูลเหวิน เขายังคงแน่นิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี”
“ต่อให้ผู้นำตระกูลหนิงพ่ายแพ้ เช่นนั้นก็ถือว่าแข็งแกร่งกว่าผู้นำตระกูลไป๋หลี่ เมื่อครู่ผู้นำตระกูลไป๋หลี่แทบทนรับกระบวนท่าของผู้นำตระกูลเหวินไม่ได้”
“ดูเหมือนที่เจ้าพูดมาจะเป็นเรื่องจริง มีข่าวลือว่าผู้นำตระกูลไป๋หลี่เป็นผู้ที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาผู้นำทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ส่วนผู้นำตระกูลซั่งกวนนั้นเราไม่รู้ แต่ผู้นำตระกูลเหวินและผู้นำตระกูลหนิงได้สลัดเขาทิ้งไปแล้ว”
หนิงเทียนโย่วเฝ้าดูอย่างร้อนรน เพราะเกรงว่าท่านปู่ของเขาจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
กู้ชูหน่วนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงท่านผู้เฒ่าหนิง
ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของต่อสู้ของเหวินเส่าอี๋ที่เพียงป้องกันและไม่ได้จู่โจมแล้วนั้น ไม่ว่าท่านผู้เฒ่าหนิงจะได้ความพยายามมากเพียงใด เขาก็ทำเพียงแค่ป้องกัน โดยไม่โจมตีกลับ
เขา……ไม่มีความคิดที่จะฆ่าเลยสักนิด
ความกังวลของตัวเองนั้นไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว
“พี่หญิง……วรยุทธ์ของคนคนนั้นช่างแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน”
“แข็งแกร่งอย่างมาก”
หากวรยุทธ์ของนางเป็นได้เช่นเดียวกับเขาก็คงจะดี
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ดูแล้วนางยังคงต้องฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมออีกมาก
“พี่หญิงอย่าเพิ่งท้อแท้ไปเลย วรยุทธ์ของท่านแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก”
“เจ้ากำลังพูดปลอบข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เลย อาม่อพูดความจริงต่างหาก วรยุทธ์ของพี่หญิงนั้นเป็นเลิศในปฐพี”
กู้ชูหน่วนลูบผมสีดำดกของจอมมาร มุมปากของนางเผยรอยยิ้มเจือจาง และคิดเพียงว่าเขาแค่พูดปลอบใจนางเท่านั้น
“ผู้นำตระกูลเหวินช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน ลองดูกระบวนของท่านผู้เฒ่าหนิงเสียหน่อยเถอะ”
มีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นพื่อมองดูกระแสน้ำวนในอากาศ
ทั้งท่านผู้เฒ่าหนิงและผู้นำตระกูลเหวินต่างนิ่งเฉย
ทว่ากระแสลมโดยรอบมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
กระแสลมพุ่งหลั่งไหลเข้ามาอย่างรุนแรงราวกับกระแสน้ำในแม่น้ำฮวงโห และพุ่งเข้าหาเหวินเส่าอี๋อย่างต่อเนื่อง
เส้นทางที่กระแสลมพุ่งผ่านเข้าไปนั้น ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงรัศมีการสังหารอย่างหนึ่ง
มุมปากของเหวินเส่าอี๋ขยับ ฝ่ามือข้างหนึ่งไพล่หลังและอีกข้างหนึ่งเหยียดออกไปด้านข้าง โดยหงายฝ่ามือขึ้น
ทันใดนั้นอุณหภูมิก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ราวกับน้ำในแม่น้ำถูกดึงขึ้นมายังไงยังงั้น และก่อตัวเป็นกระแสน้ำ ซึ่งทำให้กระแสลมของท่านผู้เฒ่าหนิงแข็งตัว
กระแสลมยังคงต่อต้านอย่างต่อเนื่อง ทว่ากลับไม่สามารถเอาชนะกระแสการไหลของน้ำได้
และในท้ายที่สุด เกิดเสียงดังและกระแสลมก็ถูกผนึกกลายเป็นน้ำแข็ง
ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าหนิงซีดขาว
ใครๆ ก็ดูออกว่าเขาได้พ่ายแพ้แล้ว
อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บ
ทว่าท่านผู้เฒ่าหนิงกลับไม่ยอมรับในโชคชะตากรรม
สองมือของเขาผนึกเข้าหากันเพื่อรวบรวมกำลังปราณแท้ภายในร่างกาย และต้องการที่จะทำลายกระบวนท่าผนึกน้ำแข็งของเหวินเส่าอี๋
พลังอันร้อนระอุ
พลังอันเย็นยะเยือก
ความร้อนและความเย็นสลับไปมา
ทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างต่างรู้สึกอึดอัด