กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 935
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 935
กู้ชูหน่วนมองไปรอบทิศและพวกเขาก็ได้ออกจากค่ายกลแล้ว ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดมากก็รู้ว่าเป็นซือม่อเฟยที่ทลายค่ายกล
อสุรกายจำนวนมากล้วนได้รับบาดเจ็บและหน้าตาสะบักสะบอมราวกับว่าได้ประสบพบเจอกับการต่อสู้อันเลวร้ายศึกหนึ่ง
นางจับชีพจรของซือม่อเฟยแต่กลับเห็นชีพจรของเขาเต้นเร็วขึ้นและยังคงดังตึกตักตึกตักอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าหลอดเลือดกำลังจะระเบิดออกทั้งหมดเช่นนั้น
เขาน่าจะถูกเรี่ยวแรงกระแทกอย่างแรงจนทำให้อาการบาดเจ็บภายในค่อนข้างรุนแรง บนร่างกายยังมีคราบเลือดเล็กๆน้อยๆที่ถูกสิ่งของมีคมบาดอยู่หลายแผลด้วย
ความสนใจของกู้ชูหน่วนคือจอมมารท่ามกลางอาการสลบไสลได้เรียกพี่หญิงไม่ขาด มือที่จับสะเปะสะปะนั้นคว้าแขนเสื้อนางอย่างแรง ราวกับว่าเมื่อคลายออกก็จะหายไปโดยสมบูรณ์เลย
พวกอสุรกายพูดว่า “หลังจากสัมผัสทับทิมโดยไม่ตั้งใจและเปิดกลไกขึ้น ทั้งท่านและอาม่อได้เข้าไปท่ามกลางค่ายกลลวงตา ลูกศร หมอกพิษ หินล่องลอยต่างๆที่ยิงออกมาโดยพร้อมเพรียงกันในท่ามกลางค่ายกลได้ขวางกั้นเส้นทางด้านหน้าและเส้นทางด้านหลังจนหมด พวกเราทำได้เพียงถูกบังคับให้ขวางกั้นไว้ พวกพ้องทั้งหลายเป็นจำนวนมากล้วนถูกพับอยู่ที่นั่น”
“แล้วพวกเราออกมาได้อย่างไร?”
“ชายหนุ่มสวมหน้ากากผีเสื้อผู้หนึ่งเข้าค่ายกลมาช่วย เขากรีดมือของเจ้าแล้วหยดเลือดลงบนหน้าผากของอาม่อ อาม่อฟื้นคืนสติมาบ้างในชั่วขณะหนึ่งในทันทีและนำทุกคนทลายค่ายกล”
“เจ้าไม่รู้ ค่ายกลนี้ทลายได้ยากเย็นนัก พวกเราใช้เวลาถึงสองวันหนึ่งคืนเต็มๆและเกือบเอาชีวิตไม่รอดถึงทะลายมันได้”
สองวันหนึ่งคืน?
เช่นนั้นมิใช่ว่าจะเกินเวลาที่เหวินเส่าอี๋ให้นางแล้วสิ?
ไม่ว่าเขาจะเกินเวลาหรือไม่เขาก็มาที่นั่นด้วยตนเองและรู้ว่าค่ายกลทลายไม่ได้ง่ายๆ
“เหวินเส่าอี๋หล่ะ?”
“เจ้าหมายถึงชายหนุ่มที่สวมหน้ากากผีเสื้อผู้นั้นหรือ? เขาไปแล้ว คนผู้นี้วิทยายุทธสูงส่งนัก แม่นางมู่ท่านมีสหายที่เก่งกาจเช่นนี้เหตุใดถึงไม่เชิญเขามาช่วยให้เร็วหน่อย มีเขาอยู่การทำลายตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราก็มีโอกาสมากขึ้นมากมายนัก”
“แต่ว่าข้าเห็นเขาก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน ตอนนี้น่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอยู่กระมัง”
สหาย……
หึ……
ก็เพียงเพื่อให้ได้ดวงวิญญาณดวงนั้นก็เท่านั้นเอง
ปราศจากดวงวิญญาณดวงนั้น เขาจะลงมือช่วยเหลือได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนลูบคิ้วที่ขมวดเอาไว้แน่นของซือม่อเฟยให้ตรง
ในค่ายกลลวงตาชายหนุ่มรูปงามในชุดสีแดงที่นางเห็นก็น่าจะเป็นอาม่อกระมัง
อาม่อฝืนชะตาสวรรค์ เพื่อช่วยหญิงผู้นั้นได้สูญสิ้นวิทยายุทธ ใบหน้าหี่ยวเฉา และผมขาวโพลนไปในชั่วข้ามคืน……
พี่หญิงที่ว่า ที่พึ่งพานาง ก็เพียงเพราะบนหน้าผากของนางมีดวงวิญญาณสามดวงของหญิงผู้นั้นอยู่
จู่ๆกู้ชูหน่วนก็หึงเล็กน้อย
ผู้ที่นางใส่ใจ ก็เพียงเพราะดวงวิญญาณบนหน้าผากของนางถึงได้มากด้วยความรักใคร่ห่วงใย
“อย่า……อย่านะ……”
จอมมารไม่รู้ว่าฝันถึงสิ่งใด ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดผวาพร้อมทั้งเหงื่ออันเย็นท่วมทั่วทั้งร่าง
กู้ชูหน่วนจับมือของเขาแล้วตบหลังของเขา “ไม่ต้องกลัว พวกเราล้วนอยู่ที่นี่”
จอมมารลืมตาขึ้น ที่ตราตรึงในดวงตาคือรอยยิ้มอันอบอุ่นของกู้ชูหน่วน
เขาโผข้าไปในอ้อมกอดของนางและกอดนางเอาไว้แน่น “พี่หญิง ข้าฝันไป ฝันว่าท่านจะกระโดดเข้าไปในเตากลั่นยา ข้าหวาดกลัวยิ่งนัก”
“คนโง่ ข้าอยู่ดีๆเหตุใดจะต้องกระโดดเข้าไปในเตากลั่นยาด้วย รู้สึกอย่างไรบ้างยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่?”
“เจ็บ เลือดก็ได้ไหลแล้ว” จอมมารแสดงบาดแผลของตนต่อกู้ชูหน่วนอย่างเจ็บปวดไม่เป็นธรรม
บาดแผลของเขาเล็กมาก มีเพียงรอยคราบเลือดเล็กๆไม่กี่แผลเท่านั้นซึ่งไม่นับว่าเป็นบาดแผลอันใด
แต่อาการบาดเจ็บภายในของเขาค่อนข้างรุนแรงกว่า
“ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยเจ้าพันแผลเอง”
พวกอสุรกายจะเป็นลม
ก็แค่บาดแผลเล็กน้อย ยังจะต้องพันแผลด้วยหรือ?
พันแผลนี้มอบยาอายุวัฒนะเพิ่มให้อีกสองสามเม็ดยังจะดีเสียกว่า รักษาอาการบาดเจ็บภายในให้หายดีซะก่อน
“การต่อสู้ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ยังคงดำเนินการต่ออยู่ เพียงแค่ตระกูลอื่นๆไม่ช่วยเหลือ เพียงแค่ตระกูลไป๋หลี่แม้ตายก็ไม่ออกมา คนเหล่านั้นสู้พวกเหล่าไม่ได้”
“ไป ไปร่วมสนุกกับไป๋หลี่ป้า”
ถัดจากผืนหญ้าแห่งนี้ไปก็เป็นศูนย์กลางของเขตหวงห้ามของตระกูลไป๋หลี่
ผู้ลากมากดีของตระกูลไป๋หลี่จะได้รับการคุ้มครองเป็นชั้นๆที่เขตหวงห้าม
กู้ชูหน่วนมองเห็นว่ามีคนนับร้อยและทุกคนก็บำเพ็ญเพียรกันเป็นอย่างดี
“แม่นางมู่ ท่านเข้าไปกับเหล่าพวกราชาเสือดำก่อน ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา”
“อสุรกายฝูงหนึ่งก็กล้าอวดดี ดูซิว่าข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้ารึ”
สาวกผู้ลากมากดีและผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่แบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มหนึ่งโจมตีเป็นหลัก และอีกกลุ่มเฝ้าระวังเป็นหลัก
เจ้าเสือน้อยเปลี่ยนเป็นตัวโตในทันใดและแผดเสียงด้วยความโมโหโทโส ยกกรงเล็บเสือขึ้นแล้วพุ่งฆ่าเข้ามาประทับรอยลงบนตัวสาวกสองสามคนอย่างหนักหน่วง
กรงเล็บเสือประทับลงไป สาวกชั้นยอดเหล่านั้นถูกตบจนเป็นขนมเปี๊ยไส้เนื้ออยู่ตรงนั้นเลย แม่แต่ซากศพก็ไม่อาจจดจำได้
ความไวของเจ้าเสือนั้นช่างรวดเร็วยิ่งนัก เจ้าเสือน้อยยิ่งเป็นเสือดำโบราณ มันกระโจนใส่ หรือว่ากัด หรือว่าฉีก หรือว่าตบ ทุกครั้งที่กระทำล้วนสามารถทำให้สาวกสองสามคนตายไปตรงนั้นได้เลย
ผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่กราดเกรี้ยว ให้คนตั้งค่ายกลในทันใดเพื่อจัดการกับเจ้าเสือน้อยก่อน
เจ้าสิงโตน้อยและอสุรกายตัวอื่นๆโจมตีเกือบพร้อมเพรียงกัน เหล่าอสุรกายแต่ละตนต่างแสดงพลังของตนโดยบุกเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย
กระทิงไฟเก้าเขาก็นำฝูงอสุรกายบุกสังหารเข้ามาด้วย
มันยังมาไม่ถึง พลังธาตุไฟแท้ก็ได้กระจายเข้ามาแล้ว
เปลวไฟพุ่งเข้าหาเหล่าสาวกที่กำลังเข้าแถวอย่างกะทันหัน
เปลวไฟมากะทันหันเกินไป
เปลวไฟของกระทิงไฟเก้าเขาและก็พลังธาตุไฟแท้ ซึ่งกำจัดทิ้งได้ยากลำบากนักและต้านทานได้ยากเย็นยิ่งนัก
สาวกของตระกูลไป๋หลี่ถูกทีบตีโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่ว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แม้ว่าร่างกายจะถูกไฟไหม้ก็ตั้งแถวค่ายกลด้วยความรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม……
ไม่มีที่ว่างแม้แต่น้อยสำหรับความประมาทเลินเล่อในการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ
เจ้าสิงโตน้อยและคนอื่นๆใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้พุ่งฆ่าเข้าไปและสาวกหลายคนของตระกูลไป๋หลี่ก็ตายไปด้วยกรงเล็บของพวกมัน
สาวกคนอื่นๆต้องการรอเลือกให้ตั้งแถวค่ายกล
แต่ทางกู้ชูหน่วนนี้ก็ไม่ได้กินผักนี่
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเตรียมพร้อมไว้ตั้งนานแล้ว และก็มีการแบ่งการโจมตีเป็นชุดๆด้วย
ผู้ใดที่รรอเลือกให้ตั้งแถวค่ายกลพวกเขาก็จะโจมตีผู้นั้น ทำให้พวกเขาไร้หนทางตั้งค่าย
หลายครั้งที่ตั้งค่าย ค่ายกลแปรสภาพไปล้วนม่มีทางสำเร็จ ผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่สั่งการให้พวกเขาแยกออกเป็นเศษเสี้ยวและนำสาวกทั้งหลายไปฆ่าพวกเขา
ในที่นั้นเริ่มวุ่นวายโกลาหลกันขึ้นมา
เจ้าเสือน้อยกัดลงไปทีละคำๆ โดยที่กัดลงไปที่คอของพวกเขาโดยเฉพาะ
แล้วยังกัดผู้อาวุโสทั้งหลายโดยเฉพาะ
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เจ้าเสือตัวน้อยตัวนี้เป็นเพียงแค่ตัวเล็กที่เกิดใหม่ได้ไม่นาน พละกำลังกลับถึงขั้นระดับสี่แล้ว
ที่น่าชังที่สุดคือความเร็วของมันเร็วกว่ายอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับห้าซะอีก
ให้เวลาพวกเขาบ้าง พวกเขาสามารถจัดการเจ้าเสือน้อยได้แต่ตอนนี้กลับไม่มีเวลามากนัก
กู้ชูหน่วนมองดูเจ้าเสือน้อยฆ่าอย่างมีความสุข และยิ่งเขาฆ่าก็ยิ่งตื่นเต้นยินดีมากขึ้นเท่านั้น
นางตะโกนว่า “เจ้าเสือน้อย เรื่องที่เป็นเรื่องเป็นสำคัญ”
เจ้าเสือน้อยร้องคำรามแล้วก็ฉีกผู้อาวุโสผู้หนึ่งออกเป็นสองชิ้น กรงเล็บเสือโดดกระโจนเข้าไปถึงด้านหน้าของกู้ชูหน่วนและแบกกู้ชูหน่วน จอมมาร กระทิงไฟเก้าและอสุรกายระดับสูงหลายตนแล้วรีบมุ่งไปยังเขตหวงห้ามอย่างรวดเร็ว
น่าสงสารผู้อาวุโสเหล่านั้นที่ต้องการจะขวางก็ไม่ทันเสียแล้ว
เนื่องจากเจ้าสิงโตน้อยคอยคุ้มกันเส้นทางให้กับพวกเขา ทางไปเบื้องหน้าของพวกเขาจึงถูกขวางเอาไว้
“โฮกโฮก…”
เจ้าเสือน้อยวิ่งรวดเร็วนัก และในชั่วพริบตาก็ได้มาถึงส่วนลึกของเขตหวงห้ามแล้ว
ทางเข้าเขตหวงห้ามยังมีผู้อาวุโสหลายคนคุ้มกันอยู่ กระทิงไฟเก้าเขาและงูจงอางควบคุมพวกเขาเอาไว้
กู้ชูหน่วนและเจ้าปีศาจเสือน้อยเข้าสู่ส่วนลึกของเขตหวงห้าม
เมื่อเงยศีรษะมองขึ้นไปไป๋หลี่ป้าและผู้อาวุโสผมเผ้าขาวโพลนเจ็ดคนกำลังรวมพลังกันใช้วิชาชั่วร้ายเผชิญกับดวงวิญญาณโปร่งใสดวงหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง
ชายชราผมขาวเจ็ดคนดูเหมือนว่าอายุจะเกินเจ็ดสิบไปนานแล้ว กระทั่งว่าโดยพื้นฐานแล้วได้อายุมากถึงร้อยกว่าปีแล้ว
แต่ว่าจิตวิญญาณของพวกเขาช่างดีนัก
ไม่มีท่าทีอันแก่ชราเลยแม้แต่น้อย
หากบอกว่ามี งั้นก็เนื่องจากเสียกำลังยุทธเป็นเวลานานไป หน้าตาเลยดูซีดเซียวอยู่บ้าง
กู้ชูหน่วนเหลือบมองพวกเขาทีหนึ่งแล้วใช้สายตาจ้องมองไปยังดวงวิญญาณโปร่งใสที่อยู่ตรงกลางดวงนั้น
ดวงวิญญาณนั้นให้ความรู้สึกเหมือนว่าเคยรู้จักกันมาก่อน คล้ายกันกับลมปราณของดวงวิญญาณทั้งสามดวงที่ติดอยู่บนหน้าผากของนางยิ่งนัก
รูม่านตาของกู้ชูหน่วนหดตัวเล็กน้อย
นางจะรู้ได้อย่างไรว่ายังมีดวงวิญญาณดวงหนึ่งอยู่ในตระกูลไป๋หลี่ ก่อนหน้านี้ก็เพียงแค่ก่อกวน
คิดไม่ถึงว่ากลับเห็นดวงวิญญาณดวงหนึ่งของหญิงผู้นั้นที่ตระกูลไป๋หลี่จริงๆ
หมายเหตุ
พลังธาตุไฟแท้ เป็นคำที่ใช้ในลัทธิเต๋าหมายถึงธาตุไฟแท้จริงที่อยู่ในกาย