กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 945
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 945
ไม่รอไป๋หลี้ป้าลงมือ แสงดาบของลั่วอิ่งแฉลบผ่านขาข้างซ้ายของไป๋หลี่ป้าอีก จนได้แผลอยู่หลายแผลเลยทีเดียว
ผิวเนื้อขาข้างหนึ่งถูกตัดหั่น ขาข้างหนึ่งถูกฟาดฟันไม่รู้กี่รอยบาดแผล ไป๋หลี่ป้านั้นค้ำจุนยื้อไม่ไหวแล้ว เลยคุกเข่าลงตรงนั้นเสียเลย
“ท่านพูดให้มันดีๆนะ ข้าอาจจะให้ท่านตายอย่างสุขใจ หากท่านยืนกรานที่จะไม่บอก ข้ารับรองว่าท่านจะต้องเสียใจภายหลังที่มาโลกใบนี้อย่างแน่นอน”
ไป๋หลี่ป้าคิดอยากจะต่อต้านเหมือนเดิม แต่ร่างกายไม่รู้ว่าทำไมถึงแข็งทื่อ แข็งจนแรงที่เขาจะยกมือขึ้นยังไม่มีเลย ความรู้สึกแบบนี้เหมือนถูกแช่แข็งเกาะตัวหลายร้อยปีทีเดียว
“เหอะ….ท่านไม่ต้องดิ้นรนแล้วล่ะ ท่านนึกว่าตนเองเพียงแค่ถูกพิษร้ายแรงกับแมงมุมพิษหรือ? ข้าบวกยาไปหนึ่งตัว ยานี้จะทำให้คนตัวแข็งทื่อไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ยาตัวนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นชั้นต้นระดับหก ต่อให้เป็นชั้นสูงสุดระดับหก ก็ยากที่จะทำลายแก้ได้”
“อีกอย่าง…..ท่านเป็นเพียงชั้นต้นระดับหกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้รับพิษ….”
ไป๋หลี่ป้าตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่าเขาที่เป็นผู้นำตระกูล คิดไม่ถึงว่าจะแพ้เด็กที่เขาดูถูกที่สุดคนนี้
ไป๋หลี่ป้าได้ยินเสียงร้องเข่นฆ่าค่อยๆดังมาแต่ไกล ภายในใจเลยมีความหวังริบหรี่อยู่
ความหวังริบหรี่ที่คิดว่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่หรือผู้อาวุโสสูงสุดจะมาช่วยเขานั่นเอง
ไม่นาน ฝูกวงก็ได้ทำลายความหวังอันริบหรี่ของเขาเสียแล้ว
“แม่นางมู่ ลูกศิษย์ของตระกูลไป๋หลี่มีทั้งล้มตาย และบาดเจ็บ ไม่มีคนสามารถหลบหนีออกไปได้ ทั้งหมดได้ถูกควบคุมหมดแล้ว”
“ผู้อาวุโสกับเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านั้นก็ถูกพวกเราสังหารพอประมาณแล้ว เหลือเพียงไป๋หลี่เฉิงหยวนกับผู้อาวุโสสูงสุดไม่กี่คน แต่อย่างไร….พวกเขาล้วนหนีไปไม่ได้หรอก คนของพวกเราได้ล้อมรอบพวกเขาหมดแล้ว”
“หลังจากค่ำคืนนี้ผ่านไป บนโลกใบนี้จะไม่มีตระกูลไป๋หลี่อีกแล้ว”
คำที่พูดว่าหลังจากค่ำคืนนี้ผ่านไป บนโลกใบนี้จะไม่มีตระกูลไป๋หลี่อีกแล้ว มันทำให้ใบหน้าของไป๋หลี่ป้าเขียวอึมครึมอย่างมาก
เขากล่าวด้วยความเดือดดาลขึ้นว่า “ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเรามียอดฝีมือชั้นสูงสุดระดับห้ามากมาย ยังมีระดับหกด้วย จนกระทั่งมีชั้นสูงสุดระดับหก จะบอกว่าแพ้ก็แพ้เลยได้อย่างไรกัน “
“ข้าจะให้โอกาสท่านหนึ่งครั้ง เปิดเผยมือสังหารที่สังหารตระกูลมู่ยกครัวมาเสีย บางทีข้าอาจจะไว้ชีวิตลูกศิษย์ลูกหาเหล่านั้นของตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่านก็เป็นได้”
“หากท่านไม่พูด เช่นนั้นอย่าได้มาโทษว่าข้าโหดเหี้ยมอำมหิต พวกท่านสังหารตระกูลมู่ของข้ายกครัวอย่างไร ข้าก็จะคืนให้อย่างนั้น”
“มู่หน่วน เจ้ามันนังสารเลว ข้าเป็นผู้อาวุโสตระกูลหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ อย่างเจ้าอยากจะสังหารข้า เหอะ ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะเอาพวกเจ้าไปหลุมศพด้วย”
ไป๋หลี่ป้าระเบิดร่างตัวเอง และผลิพละกำลังที่รุนแรงออกมา ระเบิดใส่ไปทางพวกกู้ชูหน่วน
ฝูกวงลั่วอิ่งทยอยตื่นตะลึง ดาบกระบี่ประกอบเป็นคู่กัน จากนั้นดาบได้ชี้ขึ้นบนฟ้า และกลายเป็นเกาะกำบังที่แข็งแกร่งปกป้องทุกคน
แสงดาบตัดสลับกันเป็นแนวตั้งแนวนอน หนึ่งกลายเป็นสอง สองกลายเป็นสี่ สี่กลายเป็นแปด แปดกลายเป็นสิบหก……….
ในชั่วพริบตาเดียวพื้นที่ว่างครึ่งหนึ่งได้กลายเป็นดาบวงพระจันทร์
ดาบวงพระจันทร์ห้ำหั่นไปที่ซากกระดูกของไป๋หลี่ป้าที่ระเบิดออก พร้อมกับมีเสียงดังปึงปังกระแทกกันด้วย
ช่วงทำลายพังพินาศย่อยยับไปอย่างง่ายดาย พละกำลังของซากกระดูกไป๋หลี่ป้าที่มีอยู่ได้เลือนหายไป ส่วนศพที่เหลือได้ถูกลั่วอิ่งทำลายล้างเช่นกัน
และพวกกู้ชูหน่วนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ผู้นำเผ่าตระกูลไป๋หลี่อย่างไป๋หลี่ป้าก็ตายในมือของพวกกู้ชูหน่วนอย่างนี้แล้ว
ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปตระกูลไป๋ลี่ได้ถูกกำหนดให้หายไป
ในโลกนี้เหลือเพียงแค่สามตระกูลใหญ่
มู่หน่วนมีชื่อเสียงที่ดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง
การสู้รบครั้งยิ่งใหญ่ผ่านไป กู้ชูหน่วนกอบกุมที่หน้าอกด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ถูกชั้นสูงสุดระดับหกโจมตีอย่างหนัก นางบาดเจ็บไม่น้อยเลย
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ถึงจะรักษาบาดแผลให้หายดีได้
“พี่หญิง…..”
“แม่นางมู่……”
ทุกคนมองมาทางกู้ชูหน่วนด้วยความห่วงใย
กู้ชูหน่วนตอบกลับพวกเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ กล่าวขึ้นว่า“ข้ามิเป็นไร”
ไฟยังคงลุกโชติช่วง
กู้ชูหน่วนมองไปทางตระกูลมู่
แม้จะสังหารไป๋หลี่ป้าแล้ว ทำลายตระกูลไป๋หลี่แล้ว ก็นับว่าได้แก้แค้นแทนตระกูลมู่
แต่น่าเสียดาย…..
นางไม่สามารถบีบบังคับให้ตอบออกมาได้ว่ายังมีมือสังหารอื่นไหม
จากนิสัยของไป๋หลี่ป้านั้น ต่อให้บีบบังคับให้ตอบ เขาก็ไม่มีทางที่จะบอกอะไรหรอก
ตอนนี้มีเพียงสามารถฝากความหวังไว้กับตระกูลไป๋หลี่คนอื่นที่รู้เส้นสนกลในของเรื่องราวแล้วล่ะ
ฝูกวงกล่าวว่า “แม่นางมู่ ลูกศิษย์ของตระกูลไป๋หลี่ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ถูกควบคุมไว้โดยเหล่าอสุรกายแล้ว ส่วนใหญ่ผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดได้ตายในสนามรบ เหลือผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดเพียงไม่กี่คน ตอนนี้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเจ้าเสือน้อยกำลังจัดการคนที่ไม่มีความคิดของตนเองได้แต่คล้อยตามคนอื่นอยู่”
“เหลือไว้บ้าง ข้าอยากจะรู้ว่าคนที่สังหารหมู่ตระกูลมู่ยังมีใคร”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง กู้ชูหน่วนเดินไปหาเหวินเส่าอี๋ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกพิษ
“เสี่ยวหูเตี๋ย ท่านไม่รู้สึกว่าพวกเราสองคนมีโชคชะตาต่อกันหรือ? พวกเราสองคน ไม่ใช่ข้าล่วงอยู่ในมือของท่าน ก็เป็นท่านที่ล่วงอยู่ในมือข้า อ้อ …..ไม่สิ ควรจะพูดว่าไม่ใช่ท่านช่วยข้า ก็ข้าช่วยท่าน ตระเวนไปมาตั้งนมนาน ถึงอย่างไรก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ติดหนี้ใคร ตามที่ข้าดูนะ ความขัดแย้งของพวกเราก็คลี่คลายแยกย้ายไปอย่างนี้เถอะ ถึงอย่างไร….ท่านก็มิได้เสียเปรียบ”
เหวินเส่าอี๋ยิ้มอย่างเยือกเย็น
ความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่ จะแยกย้ายคลี่คลายอย่างนี้นะหรือ?
สามารถแยกย้ายคลี่คลายได้หรือ?
เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง ที่นางถอดชุดเขาออก ให้เขาอยู่ด้วยกันกับเยี่ยจิ่งหาน นางก็สมควรตายแล้ว
ฝูกวงมองแววตาของเหวินเส่าอี๋ที่ค่อนข้างสับสนซับซ้อน
เขาเกลียดชังเผ่าเพลิงฟ้า ความเกลียดชังที่มาจากส่วนลึกของไขกระดูกเลย
หากไม่ใช่เผ่าเพลิงฟ้า เผ่าหยกก็ไม่ต้องได้รับความเจ็บปวดทรมานมาหลายพันปี
นายท่านของพวกเขาก็จะไม่ตาย
นอกจากละทิ้งฐานะนายน้อยหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า เหวินเส่าอี๋ก็ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไร
อีกอย่างตอนนี้เผ่าเพลิงฟ้าเองก็พังพินาศล่มสลาย
ดาบในมือของฝูกวงชักออกมาครึ่งฝัก เขาสามารถลงมือได้ตลอดเวลา
เผ่าเพลิงฟ้าถูกทำลายแล้ว เขาก็กังวลว่าเหวินเส่าอี๋จะแก้แค้นได้
กู้ชูหน่วนนั่งยองๆลงให้เสมอกันกับเหวินเส่าอี๋
“เอาอย่างนี้ไหม หัวของจักรพรรดิณีข้าจะไปเอามาให้ท่าน แต่ก่อนหน้านี้ท่านพูดว่าเวลาสิบวัน สามารถยืดมันออกไปได้หรือไม่ แน่นอน วิญญาณเหล่านั้นที่ท่านต้องการ ข้าจะพยายามช่วยท่านหาให้ครบ เพียงแต่ท่านต้องเลิกควบคุมอาม่อก่อน”
ได้ยินคำว่าวิญญาณ ฝูกวงลั่วอิ่งรีบเหลือบมองไปทางกู้ชูหน่วน ภายในใจรู้สึกปลื้มปิติอย่างมาก
พวกเขารู้แล้ว
สามวิญญาณของนายท่าน ไม่สิ ตอนนี้เป็นสี่วิญญาณ
สี่วิญญาณของนายท่านติดอยู่บนตัวของนาง
มิน่าเล่าพวกเขามักจะรู้สึกว่าเคยรู้จักมู่หน่วนกัน
มิน่าเล่าพวกเขามักจะรู้สึกไว้ใจเชื่อใจนางอย่างไรเหตุผล
ที่แท้…..
สาเหตุเป็นเพราะนายท่าน
เหวินเส่าอี๋ไม่สะทกสะท้าน
กู้ชูหน่วนลังเลใจพักหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างต่อเนื่องว่า“ข้าเห็นท่านบาดเจ็บสาหัส นอกเหนือจากนี้ยังจะช่วยท่านรักษาบาดแผลด้วย?”
“ไม่ต้องลำบากหรอก แผลเล็กแค่นี้ ข้าจัดการเองได้”
แผลเล็ก?
นี่เรียกแผลเล็กหรือ?
นี่ไม่เอาชีวิตเขาก็ไม่เลวแล้ว
ยังเป็นบาดแผลเล็ก?
กู้ชูหน่วนมองด้วยความสงสัย กล่าวว่า“ช่างเถอะ ก็เพื่อที่จะช่วยข้า ท่านเลยบาดเจ็บ เดี๋ยวข้าจะลองช่วยท่านดูก่อนนะว่ารักษาได้ไหม”
“ข้าทำเพื่อดวงวิญญาณ”
“รู้แล้วๆ”
กู้ชูหน่วนพูดแล้วก็ต้องการตรวจดูชีพจรของเขา “ท่านไร้น้ำใจกับข้า อย่างไรข้าก็ไร้คุณธรรมกับท่านไม่ได้ หากครั้งหน้าข้าตกอยู่ในมือท่าน ก็นับว่าข้าได้สะสมแต้มบุญแก่ตนเองแล้ว”
เหวินเส่าอี๋หลบนาง กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงอิดโรยว่า“ออกให้ห่างข้าหน่อย หากท่านกล้าแตะต้องข้า ข้ารับรองได้ว่าท่านจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน”
ครืน……
บริเวณไกลๆมีเมฆดำเคลื่อนตัว และพลังของความแข็งแกร่งได้ปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ฝูกวงลั่วอิ่งเงยหน้าขึ้นมอง และมือทั้งสองข้างกำดาบกระบี่ไว้แน่นขนัด
ฝูกวงตื่นตะลึงกล่าวขึ้นว่า“บรรยากาศเช่นนี้คุ้นชินเป็นอย่างมาก เหมือนกับเป็นเผ่าเพลิงฟ้า…..”
เผ่าเพลิงฟ้ามิใช่พินาศย่อยยับล่มสลายแล้วหรือ?
มีผู้แข็งแกร่งมาจากไหนกัน?
เหวินเส่าอี๋เป็นผู้นำของตระกูลเหวิน
อย่างนี้ ตระกูลเหวินเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเพลิงฟ้าหรือ?
“แม่นางมู่ ท่านไปก่อนเลย คนผู้นี้มอบหมายแก่พวกเรา”