กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 946
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 946
ไม่รอกู้ชูหน่วนกล่าวฝูกวงลั่วอิ่งก็ได้จากไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงแค่กลิ่นไอลมหายใจทิ้งเอาไว้
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
คนผู้นี้กำลังแข็งแกร่งยิ่งนัก อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าฝูกวงกับลั่วอิ่ง
ทั้งสองคนจะสู้ไหวหรือเปล่านะ?
ตระกูลเหวินสมกับที่เป็นผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ เพียงออกมาตามแต่ใจสักคนพละกำลังก็แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้
เหวินเส่าอี๋ยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ใบหน้าของเขาซีดเซียวพร้อมกับร่างกายที่แทบล้มลง
“มอบดวงวิญญาณออกมา”
“ดวงวิญญาณติดอยู่ที่หน้าผากของข้าเองแล้วข้าจะให้ได้อย่างไร? และ……ในตัวข้ามีดวงวิญญาณของคนผู้นั้นมากขึ้นดวงหนึ่ง ข้าสัมผัสได้ว่าดวงวิญญาณที่เหลืออีกสามดวงก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เจ้ามิได้ต้องการให้ข้ารีบรวบรวมดวงวิญญาณทั้งเจ็ดดวงหรอกหรือ? เช่นไรหากเจ้าต้องการนำไปเช่นนั้นก็นำดวงวิญญาณทั้งสี่ดวงในตัวข้าไปให้หมด เช่นไรข้าก็ไม่ต้องการที่จะไปเสาะหาดวงวิญญาณอันใด”
เหวินเส่าอี๋มองไปยังกู้ชูหน่วนอย่างครุ่นคิดโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่บ้าง
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาถึงได้กล่าวว่า “ดวงวิญญาณก็อยู่ในตัวเจ้าชั่วคราวกระมัง รู้สึกว่าเช่นไรเจ้าก็ไม่สามารถมีความเคลื่อนไหวอันใดออกมาได้”
ขณะกล่าวเขาก็มองไปยังปี่หยกและวงแหวนอวกาศ
กู้ชูหน่วนซ่อนเอาไว้อย่างไว “เจ้าต้องการชิงสิ่งของข้าอีกแล้วหรือ? ของสิ่งนี้จดจำเจ้าของจะไม่ติดตามเจ้าหรอก”
เหวินเส่าอี๋ค่อยๆมองย้อนกลับไปและเดินโซเซออกจากเขตหวงห้าม
ซือม่อเฟยกลัวจนดึงแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนเอาไว้
“พี่หญิง เขาจะกลั่นข้าจนสลายไปเพื่อดึงกำลังยุทธให้เพิ่มสูงขึ้นหรือเปล่านะ”
“ไม่รู้สิ แม้ว่าเขาจะไม่แต่ว่าคาดว่าพรรคพวกเก่าแก่จากตระกูลเหวินก็น่าจะทำ”
“งั้นพวกเรา……”
“พวกเราสังหารไม่ได้ เมื่อพวกเราลงมือพวกผู้เฒ่าเหล่านั้นของตระกูลเหวินก็จะปรากฏตัวออกมากันหมด พวกเราเพิ่งต่อสู้กับตระกูลไป๋หลี่เสร็จสิ้นแล้วต่อสู้กับตระกูลเหวินอีก เกรงว่ามีใจแต่ไร้ซึ่งกำลัง”
“เขาไม่ได้พาผู้ใดออกมามิใช่หรือ?”
“ไม่ช้าหรือเร็วตระกูลเหวินก็ต้องรู้”
“ตุ๊บ……”
เหวินเส่าอี๋ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเดินๆอยู่จู่ๆก็ล้มลงหมดสติไป
รอถึงขณะที่เหวินเส่าอี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในถ้ำแคบๆแห่งหนึ่ง
ในถ้ำมีหมอกหนาแน่นและกลิ่นยาที่รุนแรงนัก
เขาก้มลงมองไปก็เกือบจะเป็นลมหมดสติไป
เขาไม่รู้ว่าได้นั่งอยู่ในถังยาตั้งแต่เมื่อใดโดยที่กำลังแช่ยาอยู่
นี่ไม่มีสิ่งใด
สิ่งที่ทำให้เขาโมโหคือเขาเปล่าปลือยทั้งตัวโดยไม่เหลือเลยสักชิ้น
ส่วนกู้ชูหน่วนก็ผสมยาสมุนไพรอย่างรื่นเริงอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเขาฟื้นขึ้นก็กล่าวประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ
“เจ้าฟื้นแล้ว”
“เจ้าทำสิ่งใดกับข้า”
เหวินเส่าอี๋นึกขึ้นได้ว่าแต่ในร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงลุกขึ้นเพียงแค่ขยับนิ้วก็ยังทำไม่ได้เลย
“ยังจะทำสิ่งใดได้อีก หวังดีช่วยเจ้าถอนพิษหน่ะสิ หากมิใช่อาบยาสมุนไพรนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าไปเกิดใหม่กี่ครั้งแล้ว”
“เจ้าปลดเสื้อผ้าของข้าออกอีกแล้ว”
หน้าอกของเหวินเส่าอี๋กระเพื่อม
เมื่อก่อนได้ปลดเสื้อผ้าของเขาซึ่งเขาก็อดทนเอาไว้
คราวนี้กลับปลดอีกแล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือในร่างนางยังมีดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนอีกด้วย
นางดูแล้วก็มิใช่เท่ากับว่ากู้ชูหน่วนก็ดูด้วยหรือ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เหวินเส่าอี๋ก็เต็มไปด้วยกลิ่นไอสังหารจนแทบอยากจะถลกหนังกู้ชูหน่วนเลยโดยตรง
“กลิ่นไอสังหารรุนแรงเช่นนี้? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าถูกพิษสิ่งใด? หากมิใช่ว่าข้ารักษาได้ทันท่วงทีเจ้ายังจะรอดมาจนถึงตอนนี้ได้หรือ? เพื่อยาสมุนไพรในน้ำใช้อาบนี่เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าใช้ความพยายามไปมากเพียงใด?”
“ข้ามิได้ให้เจ้ามาช่วยข้า”
“ได้ ถือว่าข้ายุ่งวุ่นวายเกินไป ตัวข้าเองยังไม่ได้รักษาเลยทั้งตัวก็กลับไปหายาสมุนไพรให้แก่เจ้า ทำให้ข้าเสียเวลาไปตั้งแปดวัน”
“เจ้าว่าสิ่งใดนะ……แปดวัน……”
“พิษในร่างกายของเจ้านั้นพิเศษนัก และได้รับบาดเจ็บหยักหนานัก แปดวันสามารถฟื้นขึ้นมาได้ก็ไม่เลวแล้ว “สวรรค์รู้ดีว่าแปดวันนี้โดยพื้นฐานแล้วนางมิได้หลับตาลงเลย
นางก็เคยคิดว่าอาศัยเขาหลับแล้วฆ่าเขาเลยโดยตรงให้มันจบๆไป
แต่นางรู้ว่าเขาไม่สามารถตายได้ หากเขาตายการกักขังในร่างกายของอาม่อก็จะไม่สามารถคลายลงได้โดยสมบูรณ์
“ได้ผ่านไปแปดวันแล้ว งั้นก็มิใช่ว่า……”
มิใช่ว่าถึงวันที่จะต้องอภิเษกกับจักรพรรดินีหรอกหรือ?
เหวินเส่าอี๋ใช่ฝ่ามือขวาดูดเข้าฝ่ามือซ้ายได้กวนน้ำบุปผาขึ้น ท่ามกลางน้ำบุปผาเขาได้แต่งกายให้เรียบร้อยและตกลงตรงหน้ากู้ชูหน่วนอย่างมั่นคง
กู้ชูหน่วนกระพริบตาอย่างไวเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำบุปผากระเด็นใส่อย่างหวุดหวิด
“เสี่ยวหูเตี๋ยเจ้าช่างใจร้ายนัก ผู้อื่นเพิ่งช่วยชีวิตเจ้า เจ้าไม่กล่าวขอบคุณก็ช่างเถอะยังต้องการทำให้ข้าเปียกปอนดังไก่ที่หล่นในซุปอีกด้วย”
“ประการแรกข้ามิได้ให้เจ้าช่วย ประการที่สองเวลาสิบวันได้ผ่านไปแล้ว ดวงวิญญาณดวงที่ห้าและหัวของจักรพรรดินีเจ้าล้วนนำมาไม่ได้ ประการที่สามเจ้าทำลายการใหญ่ของข้าประการที่สี่เจ้าไม่ควรเลยไม่ควรที่จะปลดเสื้อผ้าของข้าอีก”
เหวินเส่าอี๋กล่าวแล้วเคลื่อนร่างกายเป็นแนวนอนไปตรงข้างของกู้ชูหน่วนราวกับสายลมเช่นนั้น และนางบีบคอของนางด้วยรัศมีแห่งการสังหารในดวงตา
กู้ชูหน่วนหายใจไม่ออกในชั่วขขณะ นางลองพยายามหลายครั้งที่จะดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดสำเร็จได้
“แค่ก……แค่กแค่ก……ข้าเพิ่งจะช่วยชีวิตเจ้านะ บุญคุณของเจ้า……บุญคุณกลับตอบแทนด้วยความแค้น”
รัศมีการสังหารของเหวินเส่าอี๋ไม่น้อยลงและได้มองไปยังหน้าผากของนางโดยที่มีความงงงวยอยู่ในใจเล็กน้อย
หญิงผู้นี้สมควรตาย
ฆ่านางง่ายราวกับพลิกฝ่ามือกลับ
แต่ว่าหลังจากที่สังหารนางไปแล้ว ดวงวิญญาณก็เกรงว่าจะรวมตัวกันได้ครบถ้วนอีกครั้งได้ยากเย็น
เมื่อคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่กู้ชูหน่วนทำกับเขา ก็เป็นเรื่องยากที่เหวินเส่าอี๋จะเกลี้ยกล่อมตนเองให้เหลือชีวิตของนางเอาไว้
ฝ่ามือของเขายังคงกำไว้แน่นอย่างต่อเนื่อง
เพียงแค่ใช้แรงก็สามารถสังหารกู้ชูหน่วนได้แล้ว
มองดูกู้ชูหน่วนหายใจไม่ออกจนใบหน้าแดงขึ้น ทว่าในแววตาของเขามิได้มีความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งเห็นว่าดวงตาของกู้ชูหน่วนแดงก่ำ ในดวงตาดำสนิทดังหมึกเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง และใบหน้าซีดเผือดเหนื่อยล้าราวกับว่าไม่ได้พักผ่อนให้ดีมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว
แล้วตรวจดูลมหายใจของนางอีกถึงพบได้พบว่าในวันนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจากไป๋หลี่หมิงเยียน อาการบาดเจ็บในร่างกายของนางยังมีอยู่และไร้ซึ่งร่องรอยของการรักษา
ในทางกลับกันอาการบาดเจ็บในตัวของเขารักษาจนเกือบจะหายดีแล้ว
แม้แต่พิษพื้นฐานก็ถูกถอนไปหมดแล้วหรือ
หรือว่า……
สิ่งที่นางกล่าวเป็นความจริง แปดวันมานี้นางรักษาเขาอย่างอดหลับอดนอน?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้เหวินเส่าอี๋ก็คลายมือลง
หลังจากเป็นอิสระกู้ชูหน่วนก็หายใจอย่างสุดกำลังและร่างกายก็พิงลงไปตรงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง กระทั่งที่มุมปากยังมีเลือดรอยหนึ่งไหลออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็เช็ดเลือดจากมุมปากของนางแล้วกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “เสี่ยวหูเตี๋ย ข้าเกือบจะตายอยู่ในมือของเจ้าอีกครั้งเสียแล้ว”
“อย่าเรียกข้าว่าเสี่ยวหูเตี๋ย”
“ก็ได้ เส่าอี๋”
“……”
เส่าอี๋สองคำนี้แม้แต่พ่อของเขาก็ไม่เคยเรียกขานเช่นนั้น
แล้วนางนับว่าเป็นสิ่งของอันใดกันถึงกล้าเรียกชื่อของเขาเช่นนี้?
ท่าทางนี้ช่างคล้ายคลึงกับกู้ชูหน่วนยิ่งนัก
มองดูมู่หน่วนเขามักจะนำนางกับกู้ชูหน่วนผสานกันเป็นร่างเดียวกัน
“เจ้าขานอีกคำหนึ่งข้าจะฆ่าเจ้าเลยโดยตรง”
“ข้าตายแล้วเจ้าจะไปหาดวงวิญญาณที่เหลือจากที่ใด?”
“ข้ามีวิธีของข้าเอง เพียงแค่ต้องใช้เวลามากขึ้นอีกสักหน่อยก็เท่านั้นเอง”
กู้ชูหน่วนหายใจแรงและลมหายใจไม่เพียวพอ บนใบหน้าจึงปรากฏความเหนื่อยหล้าที่กล่าวไม่ออก
ในที่สุดเหวินเส่าอี๋ก็ใจอ่อนเสียแล้วได้หยิบขวดยาออกมาจากตัวของตนเองแล้วโยนให้แก่กู้ชูหน่วน
“กินลงไปก่อนเถอะ สามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้เจ้าได้ชั่วคราว”
“นี่ถึงจะเป็นท่าทีของการตอบแทนบุญคุณหน่ะ”
“……”
เหวินเส่าอี๋กวาดตามองดูถ้ำและพบว่าในถ้ำนี้นอกจากนางแล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก
กู้ชูหน่วนดูเหมือนว่าจะมองความของเขาออกจึงกล่าวว่า “อาม่อมิได้อยู่ที่นี่เจ้าอย่าคิดที่จะใช้อาม่อมาเพิ่มพูนพละกำลังของเจ้าให้สูงขึ้น”
“เวลาสิบวันที่ข้าให้เจ้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว เจ้าว่ามาเถอะว่าเจ้าคาดว่าจะทนรับความโมโหของข้าอย่างไร?”
“ยังจะทนรับเช่นไรได้อีก ข้าไม่มีเรื่องหาเรื่องเอง แม้จะรู้แจ้งว่าเจ้าหมายเอาชีวิตของข้าแต่ข้ากลับช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ซะนี่”
“เห็นแก่ที่เจ้าช่วยข้าเรื่องนี้แล้วกันไป ข้าต้องการให้เจ้าไปเด็ดหัวของจักรพรรดินีมาในคืนนี้รวมทั้งหาดวงวิญญาณดวงที่ห้าให้พบ”
“น้องชายเจ้าดูลักษณะท่าทางของข้าในตอนนี้สิว่าสามารถทำได้หรือเปล่า?”