กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 958
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 958
จะยังไปกระตุ้นความโกรธของนางอีกเพื่ออะไร?
เงาอะไรกัน?
เซี่ยวอวี่เซวียนรู้จักนางหรือ?
เหวินเส่าอี๋ เยี่ยจิ่งหาน ซือม่อเฟยนางก็รู้จัก
อี้เฉินเฟยคือใครกัน?
คนที่พวกเขาพูดมาเมื่อสักครู่คือใครกัน?
ใช่นางหรือ?
หรือว่า……
จักรพรรดินีดึงผมอันดกดำของเซี่ยวอวี่เซวียนขึ้นและบังคับให้เขาจ้องมองนาง
“สมควรตาย เจ้าทำให้ข้าโกรธ ต่อให้วรยุทธ์ของเจ้าจะเก่งกาจมากเพียงใด ข้าก็ไม่รู้สึกเสียดาย”
หลายวันที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ได้เจอกับเซี่ยวอวี่เซวียน เขามักจะพูดจาเหยียดหยามนางและดูถูกนางทุกครั้ง
แม้ว่าฮวาอิ่งจะอดทนได้ ทว่าก็ไม่สามารถอดทนไปได้ตลอด
นางกระตุ้นกำลังภายในและวางฝ่ามือบนศีรษะของเขาเพื่อจะดูดกลืนวรยุทธ์และพละกำลังของเขาไปทั้งหมด
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างมาก
“ปล่อยเขา รีบปล่อยคุณชายเซี่ยวเดี๋ยวนี้”
“วางใจได้ อีกไม่นานก็จะถึงคราวของพวกเจ้าแล้ว”
คำพูดของเซี่ยวอวี่เซวียนเต็มไปด้วยความเสียดสีและปล่อยให้นางทำทุกอย่างตามอำเภอใจ
“ในเมื่อเจ้าไม่เสียดาย เช่นนั้นเจ้าจะดูดวรยุทธ์ของข้าไปเพื่ออะไร? ฮวาอิ่ง เจ้ามีวรยุทธ์ระดับเจ็ด แต่ก็เป็นเพราะแย่งชิงไปจากคนอื่น ไม่เช่นนั้น……ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของเจ้าเองแล้ว แม้แต่ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเจ้าก็ยังทำไม่ได้”
คำพูดนี้ทำให้จักรพรรดินีโกรธจัดอีกครั้ง
เดิมทีนางเป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์เก่งกาจ
ไม่เช่นนั้นแล้วนางจะได้ขึ้นเป็นเงาของอดีตหัวหน้าเผ่าหยกได้อย่างไร?
ใช้มหาเวทย์วิญญาณร้ายดูดกลืนวรยุทธ์และพละกำลังของพวกเขาไปก็เพื่อต้องการทำให้ใบหน้ากลับเป็นเหมือนเดิม เพื่อเพิ่มระดับวรยุทธ์ไปถึงระดับเจ็ดในระยะเวลาอันสั้นนี้
“วรยุทธ์ถึงระดับเจ็ด เจ้าขัดขวางข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
“ขัดขวางไม่ได้ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นแม่มดเฒ่าและยังไม่สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ ทำได้เพียงใช้การดูดกลืนพลังและแก่นสารแท้ของคนอื่นเพื่อระดับวรยุทธ์”
“เซี่ยวอวี่เซวียน ต่อให้เจ้าต้องตายร้อยครั้งก็ไม่อาจระงับความโกรธของข้าได้”
เกิดเสียงดังขึ้น จักรพรรดินีฉีกเสื้อผ้าของเซี่ยวอวี่เซวียนโดยไม่ทันตั้งตัว
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยโมโหจนก่นด่าออกมาอย่างต่อเนื่อง
กู้ชูหน่วนกำหมัดแน่น แม้ว่าจะสู้ไม่ได้ แต่ก็จำเป็นต้องเผชิญหน้าแล้ว
ความตื่นตระหนกในใจของเซี่ยวอวี่เซวียนเลือนหายไปทันที
ยังไม่ทันที่กู้ชูหน่วนจะปรากฏตัวออกไป
เขาได้พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “แม่มดเฒ่า เจ้าแก่มากเกินไปแล้ว เจ้าไม่ไหวแล้ว รีบพิสูจน์ตัวเองเถอะ”
“เพี๊ยะๆๆ……”
เซี่ยวอวี่เซวียนถูกตบอีกหลายครั้ง ทว่าเขายังคงยิ้มออกมาอย่างกล้าหาญ
แววตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ได้กระตุ้นความโกรธของจักรพรรดินีเข้าอย่างจัง
หัวใจของจักรพรรดินีเต้นแรง นางโกรธจัดจนหน้าเขียว
นางปล่อยมือออกจากเซี่ยวอวี่เซวียน “นอกเสียจากผู้อาวุโสแก่ไม่รู้จักตายของเผ่าหยกและนางเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้ว เจ้าเป็นอีกคนที่ข้าเกลียดมากที่สุด”
เซี่ยวอวี่เซวียนรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย
ผู้หญิงบ้าคลั่งคนนี้ไม่สามารถจัดการได้ตามปกติเหมือนคนอื่น
นอกจากการกระตุ้นให้นางโกรธ ไม่เช่นนั้นคืนนี้พวกเขาทั้งสามคนไม่มีทางหลุดรอดไปจากเงื้อมมือนรกของนางได้
แม้ว่าเสี่ยง แต่ก็รู้สึกคุ้มค่า
เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะถ่วงเวลาได้นานแค่ไหน
และไม่รู้เลยว่าแม่สาวอัปลักษณ์จะเป็นอย่างไรบ้าง
“คนที่ทำให้ข้าเกลียด ข้าจะทำให้มันต้องลิ้มรสความเจ็บปวดทุกอย่างบนโลกใบนี้ และสุดท้ายต้องคลานเข่าร้องไห้กลับมาขอร้องข้า”
ดวงตาอันมืดมนของจักรพรรดินีเปลี่ยนไปอย่างดุร้าย และตะโกนไปรอบๆ “ออกมาเดี๋ยวนี้”
คำว่าออกมาเดี๋ยวนี้ ทำให้เซี่ยวอวี่เซวียนตกใจอย่างมาก
หรือว่าแม่สาวอัปลักษณ์มาถึงแล้ว?
ตระกูลเซี่ยวยังมีแค้นที่ต้องชำระอีกมากมาย เขายังตายไม่ได้
ทว่าหากสามารถใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาชีวิตของแม่สาวอัปลักษณ์เอาไว้ได้ เขาจะยอมสละชีวิตของตัวเองโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
แม่สาวอัปลักษณ์เป็นคนเช่นไรนั้น เขารู้อยู่แก่ใจดี
นางสามารถเข้ามายังที่นี่ เขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด
อาจจะเป็นเพราะหวาดกลัว น้ำเสียงของเซี่ยวอวี่เซวียนสูงขึ้นเล็กน้อย “เจ้ามีวรยุทธ์ถึงระดับเจ็ด เจ้าคงไม่กลัวนางหรอกกระมัง”
เขาพูดคำว่าระดับเจ็ดออกมา เพื่อส่งสัญญาณให้คนที่แอบซ่อนอยู่ระมัดระวังและไม่วู่วาม
“เหลวไหล ข้าจะกลัวอะไร”
“เช่นนั้นแล้วเจ้าตื่นตระหนกอะไร ที่นี่คือห้องลับของราชวงศ์ที่มีการวางกองกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา ใครจะสามารถแอบเข้ามาที่นี่ได้? ฮวาอิ่ง เจ้าวางมาดใหญ่เช่นนี้ เพราะว่ากลัวนาง หรือเพราะต้องการทำให้ข้าตกใจกันแน่?”
“วิธีการยั่วยุหรือ? เซี่ยวอวี่เซวียน เจ้าใช้วิธีการยั่วยุเช่นนี้กับข้าบ่อยเกินไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว”
จักรพรรดินีหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย นางหยิบดาบโค้งมนออกมาจากด้านข้างและปักลงที่เบื้องล่างของเซี่ยวอวี่เซวียน
“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเจ้ายังไม่ออกมา ข้าจะจัดการตัดตอนเขาเสีย”
เซี่ยวอวี่เซวียนหัวเราะออกมาเสียงดัง “เป็นเช่นนั้นก็ดีเหมือนกัน ยังดีเสียกว่าตกไปอยู่ในเงื้อมมืออันสกปรกโสโครกของเจ้าเสียอีก”
“อย่างนั้นหรือ?”
จักรพรรดินีไม่รู้สึกโกรธ ทว่ากลับหัวเราะออกมา จากนั้นกวาดสายตามองไปรอบๆ อันมืดสนิทและตะโกนออกไปอย่างเกียจคร้าน “หนึ่ง”
“อย่าว่าแต่ไม่มีใครสามารถบุกรุกเข้ามาได้ ต่อให้มีคนบุกรุกเข้ามาได้ หากนางรู้ว่าวรยุทธ์ของเจ้าอยู่ระดับเจ็ด ใครจะกล้าออกมา? เงาอย่างไรก็เป็นได้เพียงเงาวันยังค่ำ ช่างโง่เขลาเบาปัญญานัก”
จักรพรรดินีไม่สนใจคำพูดของเซี่ยวอวี่เซวียนเลยสักนิด
นางยังคงนับต่อไป “สอง”
“เพียงแค่ข้านับขึ้นมาอีกครั้ง ชีวิตนี้ของเซี่ยวอวี่เซวียนก็ไม่มีทางเป็นผู้ชายได้อีก หากเจ้าให้ความสำคัญต่อเขาละก็ เช่นนั้นก็ควรจะเข้าใจว่าการทำให้เขาไม่ได้เป็นผู้ชายนั้นเจ็บปวดเสียกว่าให้เขาตายไปเสียอีก”
แววตาของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความโกรธโมโห
นางรู้ดีว่าหากตัวเองไม่ออกไป เซี่ยวอวี่เซวียนคงกลายเป็นคนบ้าไปเสียแน่ๆ
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดินีกำลังจะนับสาม
เซี่ยวอวี่เซวียนก็ตะโกนออกไปเสียงดัง “ไม่ต้องสนใจข้า ภายในนี้มีเส้นทางสลับซับซ้อน ต่อให้เป็นสถานที่ของนาง นางก็ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางลับนี้ เจ้ารีบหนีออกไปเดี๋ยวนี้”
จักรพรรดินีหัวเราะออกมา “กระวนกระวายใจหรือ? กลัวหรือ? ฮ่าๆๆ……ช้าไปเสียแล้ว เซี่ยวอวี่เซวียน ปากของเจ้าเก่งมากเช่นนี้ ไม่รู้ว่าท่อนล่างของเจ้าจะเก่งเหมือนกันหรือไม่”
“คนที่แอบอยู่ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ ข้าจะนับสามแล้วนะ”
“ไม่ต้องสนใจข้า หนีไปซะ……อั่ก……”
เซี่ยวอวี่เซวียนถูกตบที่บ้องหูอีกครั้ง เขารู้สึกกังวลอย่างมาก
กู้ชูหน่วนสูดหายใจลึก
นางผู้หญิงเฒ่า
นางผู้หญิงบ้าคลั่ง
นางผู้หญิงชั่วช้าเลวทราม
กล้าดีอย่างไรถึงตบหน้าของเซี่ยวอวี่เซวียน
กู้ชูหน่วนขยับฝีเท้าและคิดอยากจะออกไป
“ที่แท้เจ้าก็คือจักรพรรดินีตัวปลอม ฝ่าบาทตัวจริงอยู่ที่ใด?”
กู้ชูหน่วนมองไปยังเสียงที่ดังขึ้น
คนนั้นไม่ใช่ใครอื่น ทว่าเป็นท่านผู้เฒ่าหนิง
เหตุใดท่านผู้เฒ่าหนิงถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่?
ในใจของกู้ชูหน่วนเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีนัก และเกรงว่าวันนี้ท่านผู้เฒ่าหนิงจะต้องจบชีวิตลงที่นี่อย่างแน่นอน
กู้ชูหน่วนรู้สึกคาดไม่ถึง
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยก็คาดไม่ถึง
เซี่ยวอวี่เซวียนก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
แม้แต่จักรพรรดินีก็ตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน
“เหตุใดถึงเป็นเจ้า?”
“เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าเป็นใครอย่างนั้นหรือ?” ท่านผู้เฒ่าหนิงถามกลับ
แม้จะรู้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านั้นมีวรยุทธ์ระดับเจ็ด ทว่าเขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด
จักรพรรดินีหลับตาลงเพื่อสัมผัสถึงพลังงานโดยรอบ ทว่ากลับไม่พบว่ามีพลังงานอื่นๆ อยู่รอบๆ อีก
หรือว่า……
กู้ชูหน่วนไม่ได้เข้ามาจริง?
เซี่ยวอวี่เซวียนถอนหายใจและรู้สึกผ่อนคลายลง
ใครๆ ก็รู้ว่าเขาตกใจจนมีเหงื่อไหลออกมา
“ฝ่าบาทตัวจริงอยู่ที่ใดกันแน่?”ท่านผู้เฒ่าหนิงตะโกนถามออกไปอีกครั้ง
“ฮึ……เจ้าสมควรที่จะรู้อย่างนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตั้งแต่วินาทีที่เจ้าเหยียบเข้ามาที่นี่ เจ้าจะไม่มีทางมีชีวิตรอดกลับออกไปได้อีก”