กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 970
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 970
ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะยินยอมหรือไม่ เยี่ยจิ่งหานได้คว้าข้อมือของนางและดึงนางออกไปทันที
ตู้ม……
ใต้ดินเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงและหินก็ตกลงมามากขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งสองเกือบจะลูกหลงเข้าหลายครั้ง
ทว่าโชคดีที่พวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นคงถูกก้อนหินทับตายไปแล้ว กู้ชูหน่วนไม่มีทางเลือก เพราะข้างหลังถูกหินถล่มทับปิดทางเรียบร้อยแล้ว และนางทำได้เพียงเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น
และนางจะสามารถรักษาชีวิตของตัวเองรอดไหมก็ไม่อาจรู้ได้ อย่าพูดถึงการช่วยชีวิตเซี่ยวอวี่เซวียนเลย
“ระวัง”
เมื่อเห็นว่ามีหินก้อนใหญ่ตกลงมา และพวกเขาก็หมดหนทางถอยหนีแล้ว จากนั้นกู้ชูหน่วนจึงพยายามใช้พลังฝ่ามือเพื่อผลักหินเหล่านั้นกระเด็นออกไป และในขณะเผชิญกับอันตราย เยี่ยจิ่งหานได้ใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องกู้ชูหน่วน
“ตู้ม……”
หินขนาดมหึมาถล่มลงมาด้านหลังของเยี่ยจิ่งหานอย่างรุนแรง
เยี่ยจิ่งหานร้องเสียงหลงและกระอักเลือดออกมา
“เยี่ยจิ่งหาน……”
แววตาของกู้ชูหน่วนหรี่ลง ดูเหมือนว่าในหัวของนางมีภาพบางอย่างแวบเข้ามา
หัวใจของนางรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนหัวใจของนางแทบหยุดเต้น
กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นด้วยอาการสั่นเทา และพยายามผลักหินขนาดใหญ่ที่ทับตัวเขาอยู่ออกไป
หินก้อนนี้มีขนาดใหญ่และหนักอย่างมาก นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเยี่ยจิ่งหานจะถูกทับตายไปแล้วหรือไม่
“เป็นอย่างไรบ้าง ฝืนต่อไปอีกได้หรือไม่?”
ก้อนใหญ่มีขนาดใหญ่มาก รถเข็นของเยี่ยจิ่งหานถูกทับจนพังเละ และเมื่อไม่มีการพยุงสนับสนุนของรถเข็น และบวกกับการที่อวัยวะทั้งหมดถูกทับ ทำให้เยี่ยจิ่งหานกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ดูแล้วช่างน่าเวทนาอย่างมาก
“ไปกันเถอะ ข้าจะหามเจ้าออกไปเอง”
กู้ชูหน่วนรีบหามเยี่ยจิ่งหานขึ้นหลังทันที และเดินอ้อมหินขนาดใหญ่ที่ถล่มลงมาเพื่อออกไปข้างนอก
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกแย่
เขาเป็นลูกผู้ชาย ทว่ากลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งหาม?
นี่มันอะไรกัน?
โกรธ
โกรธมาก
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาใส่ใจกับเรื่องเช่นนี้
วังใต้ดินมีขนาดใหญ่อย่างมาก
หากไม่สามารถวิ่งออกไปได้ และหากก้อนหินถล่มลงมาทั้งหมด เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแม้เพียงสักนิดอย่างแน่นอน
หลังจากถูกหามเหวี่ยงไปแกว่งมาอยู่นาน เยี่ยจิ่งหานรู้สึกเริ่มเวียนหัว
เขาพยายามเก็บกลั้นความโกรธเอาไว้
และกล่าวออกมาอย่างอ่อนล้า “เจ้าเดินให้มั่นคงกว่านี้ได้หรือไม่?”
เขาไม่ได้เป็นนางเงือกเสียหน่อย
หามก็หามเขาแล้ว
ทว่าหามไปเหวี่ยงเขาไปมาเช่นนี้ ต้องการอะไรกันแน่?
กู้ชูหน่วนพูดออกมาอย่างเหนื่อยหอบ “หินถล่มลงมาจำนวนมาก ตัวเจ้าก็ใหญ่เช่นนี้ หากข้าไม่เหวี่ยงละก็ หากเจ้าถูกทับตายจะทำอย่างไร?”
“……”
เขาถูกเหวี่ยงอีกครั้ง
เยี่ยจิ่งหานถูกเหวี่ยงออกไป และถูกเหวี่ยงกลับเข้ามา
เขากัดฟันกรอด
ฝืนอดทนเก็บกลั้นความเจ็บปวดและคิดอยากจะตบกู้ชูหน่วน
ต่อให้เขาต้องคลานออกไป เขาก็ไม่ยินยอมรับเรื่องน่าอับอายเช่นนี้
และจากนั้น……
ขณะที่เขากำลังจะลงมือ หินขนาดใหญ่บนศีรษะจำนวนมากก็ตกลงมาอย่างกะทันหัน
ตำแหน่งที่อยู่นั้นลำบากอย่างมาก กู้ชูหน่วนยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องเหล่านั้น
และเขา……
ต่อให้พูดเตือนออกมา กู้ชูหน่วนก็หนีไม่ทันอยู่ดี
เยี่ยจิ่งหานลงมาจากหลังของนางอย่างไม่มีข้อแม้ และจากนั้นพยายามผลักนางออกไปอย่างแรง
ส่วนตัวเองค่อยคิดหาวิธีหลบเลี่ยงก้อนหินขนาดใหญ่นั้น
ทว่า……
กลับช้าไปเพียงก้าวเดียว
ก้อนหินขนาดใหญ่เหล่านั้นกลับทับมายังเข่าทั้งสองข้างของเขา
“อ๊า…….”
เยี่ยจิ่งหานร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เดิมทีขาของเขาก็ไม่ดีอยู่แล้ว และตอนนี้ก็มาถูกหินขนาดใหญ่ทับลงมาอีก เขาแทบจะได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองหักลง
เจ็บ
เจ็บปวดอย่างมาก
“เยี่ยจิ่งหาน……”
“ไป เจ้าออกไปก่อน”
“หากจะไปก็ไปด้วยกัน”
เดิมทีกู้ชูหน่วนสามารถออกไปก่อนได้ ทว่านางวิ่งกลับมาอีกครั้งเพื่อพยุงและประคองเยี่ยจิ่งหาน
และหลังจากการกลับเข้ามาของนาง ทางออกข้างนอกก็ได้ถูกหินถล่มลงมาปิดทางออกทั้งหมด
วังใต้ดินที่มีขนาดใหญ่มหึมา ตอนนี้มีเพียงพื้นที่เล็กๆ เท่านั้นที่พวกเขาสามารถหลบอยู่ได้
นี่ถือเป็นรอยร้าวในหินขนาดใหญ่เท่านั้น
เยี่ยจิ่งหานร้อนใจ “บอกให้เจ้าออกไปเจ้ากลับไม่ออกไป ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ ถูกขังอยู่ในนี้กันทั้งหมด”