กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 972
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 972
อดพูดไม่ได้ว่ากู้ชูหน่วนนั้นปากพาซวยเหลือเกิน พูดไปเพียงไม่กี่คำก็ทำให้คนอื่นโมโหขึ้นมาได้
จากการได้พูดคุยและสัมผัสหลายครั้ง เยี่ยจิ่งหานก็รู้ได้ว่าคำพูดของนางนั้นสามารถฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นได้
หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะโกรธ แต่ตอนนี้เขามีภูมิคุ้มกันแล้ว
กู้ชูหน่วนเหงื่อไหลหยดย้อยเพราะเคลื่อนย้ายก้อนหิน และมือของนางก็เป็นแผลถลอกเต็มไปหมด ทั้งยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดและเลอะไปยังก้อนหิน ทว่านางกลับเคลื่อนย้ายไม่หยุดหย่อน ราวกับหากไม่ทำให้มีทางเดิน นางก็จะไม่ยอมหยุด
นางเคลื่อนย้ายก้อนหินก้อนแล้วก้อนเล่าและไม่รู้ทำอยู่นานเท่าไร แต่ก็ยังไม่สามารถไปได้ไกลเท่าไร
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “ไม่ต้องทำแล้ว คงถล่มลงมาทั้งวังแล้วกระมัง แค่กำลังของเราสองคนคงไม่มีวิธีเคลื่อนย้ายก้อนหินเหล่านี้ไปได้หรอก”
กู้ชูหน่วนเช็ดเหงื่อและพูดอย่างแน่วแน่โดยไม่หยุดพัก “ไม่มีทาง จะต้องมีทางออก ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเราสองคนจะติดอยู่ที่นี่ไปจนตาย”
นางคิดว่าเยี่ยจิ่งหานจะตอบกลับ ทว่าเยี่ยจิ่งหานกลับจ้องมองก้อนหินที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
กู้ชูหน่วนหยุดชะงักและคิดขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่เยี่ยจิ่งหานได้เอาตัวของเขารับหินขนาดใหญ่แทนนางถึงสองครั้ง จึงทำให้เขาต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระดูกหัวเข่าแตกหักเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกผิดเล็กน้อย
ตอนที่เพิ่งรู้จักเยี่ยจิ่งหาน นางก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเขาเท่าไรนัก
แต่เมื่อเวลานานไป นางก็รู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่เยือกเย็นกลับมีหัวใจที่อบอุ่น นางมักจะทำให้เขาโกรธและโมโห ทว่านางรู้ดีว่าเยี่ยจิ่งหานไม่ใช่คนไม่ดี และพูดได้ว่าเขาเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง
นางแทบจำไม่ได้แล้วว่ามีกี่ครั้งที่เยี่ยจิ่งหานยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนาง
ครั้งที่แล้วบนหุบเขา เขาเกือบถูกเหวินเส่าอี๋ฆ่าตายเพราะช่วยชีวิตนาง
คนไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า เช่นนั้นแล้วเหตุใดนางถึงไม่รู้สึก
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ กู้ชูหน่วนค่อยๆ เดินเข้าไปหาเยี่ยจิ่งหานและกุมมือเขาไว้ จากนั้นพูดปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่ากังวลใจไปเลย ข้าจะต้องมีชีวิตรอดและพาเจ้าออกไปได้อย่างปลอดภัย และจะช่วยเจ้าตามหาดวงวิญญาณของคนรักของเจ้า”
เมื่อก่อนนางไม่ได้คิดอยากจะช่วยเยี่ยจิ่งหานตามหาดวงวิญญาณจริงจัง ทว่าตอนนี้นางกลับพูดออกมาจากใจจริง
การเข้ามาของกู้ชูหน่วนอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เยี่ยจิ่งหานรู้สึกแปลกอย่างมาก
โดยเฉพาะตอนที่นางกุมมือเขาไว้
วินาทีแรกเยี่ยจิ่งหานคิดจะสะบัดออก
ทว่าความรู้สึกเช่นนี้ช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน ราวกับอาหน่วนของเขากำลังกุมมือของเขายังไงยังงั้น
เยี่ยจิ่งหานไม่เพียงไม่สะบัดออก ทว่าเขากลับนึกถึง
และปากของเขายังคงพูดไม่ดีออกมา
“ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะนึกถึงคนอื่นอีก ฝันกลางวันหรืออย่างไร”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้ชูหน่วนก็สะบัดมือเขาออกและกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเป็นคนหูหนวกจะดีเสียกว่า จะได้ไม่ต้องพูดคำแย่ๆ ออกมาทำลายบรรยากาศ”
เมื่อนางปล่อยมือ หัวใจของเยี่ยจิ่งหานก็ดูว่างเปล่าและจ้องมองมือของตัวเอง จากนั้นพูดออกไปด้วยถ้อยคำเหน็บแนม
“เจ้าก็คงใช้วิธีเดียวกันในการทำให้เซี่ยวอวี่เซวียนติดกับดักล่ะสิ”
“ข้าจะทำอะไร เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
“แน่นอนว่าเกี่ยวสิ ในร่างกายของเจ้ามีดวงวิญญาณของอาหน่วนของข้าอยู่ หากเจ้ามีอะไรกับเซี่ยวอวี่เซวียน เช่นนั้นแล้วเมื่ออาหน่วนของข้าฟื้นขึ้นมา……”
กู้ชูหน่วนพูดแทรกเขา “ไม่แน่อาหน่วนของเจ้าอาจจะชอบเซี่ยวอวี่เซวียนก็ได้ นางอาจจะแค่สงสารเจ้าเลยฝืนรับรักเจ้าเท่านั้นเอง”
“บังอาจ”
กู้ชูหน่วนหาสถานที่ค่อนข้างสะอาดนั่งลงและใช้แขนเสื้อพัดให้เกิดลม จากนั้นยกเท้าขวาขึ้นและพูดออกมาอย่างขุ่นมัว “ก็ได้ๆ เจ้าอยากด่าก็ด่าตามสบาย ข้าผิดเองที่ติดหนี้บุญคุณเจ้า”
ท่าทางเช่นนี้
น้ำเสียงเช่นนี้
การกระทำเช่นนี้……
เหมือนกับกู้ชูหน่วนไม่มีผิด
เป็นอีกครั้งที่เยี่ยจิ่งหานรวมทั้งสองคนเป็นคนคนเดียวกัน