ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 109-110
ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 109-110
ตอนที่ 109 ประวัติคนไข้แปลกประหลาด
ฟังจือหันดีดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปทางห้องนอนที่ติดกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นอวี๋กานกานยืนอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งจับชั้นบนสุดของตู้ อีกมือหนึ่งถือของบ้างอยู่ ส่วนข้างๆ เก้าอี้มีกล่องกระดาษตกอยู่กล่องหนึ่ง
“คุณกำลังทำอะไร”
เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้น ทั้งเยือกเย็นและแหลมคม อวี๋กานกานหันมาทางต้นตอของเสียงตามสัญชาตญาณ ในตอนที่เธอหันมา ขาที่พลิกไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงอยู่แล้ว ร่างกายของเธอจึงสูญเสียการทรงตัว กำลังจะล้มหงายไปด้านหลัง เธอร้องตกใจอย่างห้ามไว้ไม่อยู่อีกครั้ง “ว้าย…”
ฟังจือหันก้าวเท้ายาวๆ ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว อ้าสองแขนรับอวี๋กานกาน จากนั้นกอดไว้ในอ้อมอก
อวี๋กานกานตกใจ แขนทั้งสองโอบคอของฟังจือหันเอาไว้ “ขอบคุณ”
“จะหยิบอะไร” ฟังจือหันโอบเอวของเธอ อุ้มมาวางบนเตียง
“กล่องยาน่ะ” อวี๋กานกานอาบน้ำแล้วกะว่าจะทาเหล้าดองที่ขาอีกสักหน่อยแล้วค่อยเข้านอน แต่กล่องยาถูกเก็บไว้บนชั้นบนสุดของตู้
“ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองเจ็บอยู่ ทำไมไม่รู้จักหัดเรียกผม” ดวงตาของฟังจือหันแผ่ไอเย็นออกมาเล็กน้อย เขาหยิบกล่องยาลงมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก
ทีแรกอวี๋กานกานก็อยากจะเรียกฟังจือหัน แต่พอนึกถึงความสัมพันธ์อันคลุมเครือและกรุ้มกริ่มของพวกเขาแล้ว เธอก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา อีกอย่างถ้าฟังจือหันอาบน้ำอยู่ เธอเรียกไปเขาก็ไม่ได้ยินอยู่ดี เท้าของเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ยืนบนเก้าอี้หยิบของชิ้นเดียวทำได้อยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่า พอเปิดตู้ปุ๊บก็มีกล่องใบหนึ่งหล่นใส่หัวปั๊บ
ฟังจือหันเปิดกล่องยา หยิบเหล้าดองออกมาทาตรงข้อเท้าของอวี๋กานกาน
“ขอบคุณ” อวี๋กานกานทำหน้าว่านอนสอนง่าย มุมปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้มที่งดงาม
หลังจากที่เธออาบน้ำแล้ว เนื่องจากขาเจ็บไม่ค่อยสะดวกจึงสวมชุดนอนกระโปรง ตอนที่ถูกฟังจือหันอุ้มมาบนเตียงเขาวางเธออย่างไรเธอก็นั่งแบบนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไร กระโปรงค่อนข้างร่นขึ้นไปด้านบน เผยให้เห็นท่อนขาเรียวยาวขาวเนียนละเอียด ชวนให้คิดอะไรเลยเถิด
ฟังจือหันกำลังช่วยเธอทายาอยู่ สายตาชำเลืองขึ้นมามองแวบหนึ่ง พลันเห็นฉากวับๆ แวมๆกระโปรงเหมือนจะปิดแต่ก็ไม่ปิด…มือที่ทายาอยู่แข็งค้างไปในทันที สมองสั่งการให้สลัดภาพที่น่าดึงดูดนั้นออก เขาหลุบสายตาลงต่ำ ปิดบังความมืดที่อยู่ในดวงตา
ส่วนอวี๋กานกานไม่รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ชี้กล่องที่อยู่บนพื้นพร้อมกับพูดขึ้นมา “นายช่วยหยิบกล่องใบนั้นให้ฉันหน่อยได้ไหม”
ตอนนี้ในหัวสมองของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย อาจารย์คนสวยทำไมต้องเอากล่องยาไปเก็บในตู้บนชั้นสูงสุดด้วย และดูเหมือนว่าที่กล่องยาถูกวางไว้บนนั้นก็เพื่อดันกล่องกระดาษนั้นให้อยู่สูงขึ้นไปอีก
ในกล่องกระดาษนี้เก็บอะไรไว้กันนะ สมบัติล้ำค่า?
สายตาของฟังจือหันมองใบหน้าจิ้มลิ้มอันใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอแวบหนึ่ง สีหน้าซับซ้อนอยากที่จะพรรณนา
เมื่อฟังจือหันทายาให้เธอเสร็จแล้ว เขาดึงชายผ้าห่มขึ้นมาปิดขาของอวี๋กานกาน
อวี๋กานกานนั่งอยู่บนผ้าห่มแล้วถูกผ้าห่มพันทับไว้อีกทีแบบนี้ รู้สึกว่านั่งแล้วไม่สบายเนื้อสบายตัวเอาเสียเลย เธอขยับตัวสะบัดผ้าห่มออก อยากจะนั่งบนฟูกนอนก่อนแล้วค่อยห่มผ้า
ใครจะรู้ว่ามือที่เพิ่งเอื้อมไปสะบัดผ้าห่มออกกลับถูกฟังจือหันคว้าหมับทันที “คุณจะทำอะไร” น้ำเสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำแหบพร่า ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความเย้ายวนแสนอันตราย
อวี๋กานกานถูกออร่าน่าเกรงขามอันเย็นชาของฟังจือหันที่ปล่อยออกมาอย่างฉับพลัน ทำให้ตกใจจนชะงักไปเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติกลับมา เธอมองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ตอบอย่างประหลาดใจ “ก็จะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มไง”
ดวงตาล้ำลึกของฟังจือหันมีอาการล่อกแล่ก ก่อนจะหายไปในพริบตา ไม่ให้อวี๋กานกานสังเกตเห็น
เขาทำหน้าเย็นชาหมุนตัวไปหยิบกล่องกระดาษนั้นด้วยท่วงท่าเนิบนาบเชื่องช้า ในตอนที่เขาหันกลับมา อวี๋กานกานสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มเรียบร้อยดีแล้ว เธอยื่นมือมาทางเขา “ขอบคุณ”
ตอนที่ 110 ผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร
อวี๋กานกานรับกล่องมาจากมือฟังจือหัน จากนั้นเปิดออก
ภายในกล่องไม่ได้มีสมบัติล้ำค่าเหมือนที่อวี๋กานกานจินตนาการไว้ มีเพียงประวัติคนไข้ไม่กี่ใบเท่านั้น
ประวัติคนไข้เหล่านั้น แต่ละคนมีอาการป่วยที่ไม่เหมือนกันและอยู่กันคนละโรงพยาบาล
อวี๋กานกานเกิดความสงสัย ทำไมอาจารย์คนสวยถึงต้องเก็บประวัติคนไข้เหล่านี้ไว้ด้วย อีกทั้งยังเก็บไว้ในกล่อง?
อวี๋กานกานอยากจะไปค้นดูห้องของอาจารย์สักหน่อย มือจับผ้าห่มเปิดออกได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น กลับถูกฟังจือหันคว้าไว้แล้วดันกลับลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขายังประคองบ่าของเธอให้ค่อยๆ นอนลงไปกับเตียง “ทำไมคุณถึงได้ซื่อขนาดนี้ นอนดีๆ”
อวี๋กานกานที่จู่ๆ ก็ถูกบังคับให้นอน ดวงตาเบิกโต สบตากับดวงตาสีดำขลับคู่นั้นที่ราวกับอาบไว้ด้วยน้ำหมึก เธอค่อนข้างสับสนงุนงง อีกทั้งจังหวะการเต้นของหัวใจก็เพิ่มความเร็วขึ้น
ท่าของพวกเขาสองคนในตอนนี้ค่อนข้างที่จะ…
“หลับตา” ฟังจือหันออกคำสั่งอย่างวางอำนาจ
ลมหายใจร้อนผ่าวรดลงบนแก้มของเธอ อวี๋กานกานหน้าแดงหูร้อน ขนตาหนาเป็นแพสั่นเทาเล็กน้อย อวี๋กานกานพูดอ้อมๆ แอ้มๆ แกมกล่าวโทษ “แต่ว่านายยังจ้องฉันอยู่แบบนี้ ฉันจะนอนยังไง?”
ฟังจือหันจดจ้องไปที่เธอ นัยน์ตาสีดำล้ำลึกฉายประกายอารมณ์แปลกประหลาดบางอย่าง ราวกับกำลังสะกดอะไรบางสิ่งไว้ จู่ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นยืน ร่างสูงใหญ่กำยำเคลื่อนตัวเดินออกจากห้อง ทั้งยังหยิบกล่องใบนั้นติดมือออกไปด้วย ก่อนจะปิดประตูห้อง เขาเอี้ยวตัวมากดปิดสวิตช์ไฟ เห็นว่าอวี๋กานกานจ้องมองมาที่ตนอยู่ ทั้งสองสบสายตากัน อวี๋กานกานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย พลิกตัวหันหลังให้จากนั้นมุดเข้าไปในผ้าห่ม
ฟังจือหันยกยิ้มบางๆ ออกมา จากนั้นปิดไฟ หลังจากที่ออกมาจากห้องนอนของอวี๋กานกานแล้ว ในมือของเขาถือประวัติคนไข้เหล่านั้น นัยน์ตาฉายแววความสงสัย
เช้าวันที่สอง อวี๋กานกานตื่นขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง จากนั้นคลำไปที่เท้า พบว่าอาการปวดหายไปเกือบหมดแล้ว เดินได้ไม่มีปัญหาอะไรแค่ต้องระวังมากหน่อย แต่ทว่าก็ยังเดินนานไม่ได้ ยังคงต้องพักผ่อนให้มาก
เมื่อเธออาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องนอน เห็นฟังจือหันกำลังรับประทานอาหารเช้า แล้วยังมีพี่ชายหน้าสวยคนที่เมื่อวานมาด้วยกันกับฟังจือหันช่วยเธอไว้จากชายสวมหน้ากาก
เมื่อได้ยินเสียง ฟังจือหันเคลื่อนสายตามามองเธอ แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าตกกระทบลงบนร่างของเขา แต่งแต้มเกิดเป็นความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายบนร่างของชายหนุ่มที่เย็นชามาโดยตลอด
“อรุณสวัสดิ์ น้องกานกาน” ลู่เสวี่ยเฉินเองก็เห็นอวี๋กานกานออกมาจากห้องแล้ว เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตร
เมื่อวานเธอลืมขอบคุณเขาไปสนิท วันนี้เขามาถึงที่ห้อง อวี๋กานกานย่อมต้องต้อนรับอย่างมีมารยาท มุมปากคลี่ยิ้มสดใสงดงาม “สวัสดีค่ะ คุณลู่”
อวี๋กานกานเดินไปนั่งตรงโต๊ะรับประทานอาหาร ฟังจือหันวางน้ำอุ่นแก้วหนึ่งตรงหน้าเธอ เอ่ยเสียเรียบ “เดี๋ยวคุณต้องไปสถานีตำรวจกับผม”
อวี๋กานกานถามทันที “ผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร”
“ผู้ชายสี่คนนั้นสารภาพหมดแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นหน้าตาของผู้ว่าจ้าง ติดต่อและจ่ายเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ต แต่ได้ทำการบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างพวกเขาไว้แล้ว ต้องการให้คุณไปฟังว่าใช่คนที่คุณรู้จักหรือเปล่า” ลู่เสวี่ยเฉินกล่าวพร้อมกับยิ้ม เขามือยื่นมาออกมาหยิบจวักตักโจ๊ก
อวี๋กานกานพยักหน้าเข้าใจ ยื่นมือออกไปหยิบจวักตักโจ๊กเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าลู่เสวี่ยเฉินก็จะตักโจ๊กเหมือนกัน เธอจึงชักมือกลับ
มือของทั้งสองยังไม่ทันสัมผัสโดนกันด้วยซ้ำ แต่ลู่เสวี่ยเฉินกลับชักมือกลับอย่างรวดเร็วประหนึ่งแตะโดนผี
อวี๋กานกานดื่มน้ำไปหนึ่งคำ มองเขาด้วยสายตางุนงง “…”
ฟังจือหันคิ้วขมวดเข้าหากัน น่าจะคิดไม่ถึงเช่นกันว่าลู่เสวี่ยเฉินจะมีอาการเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจ้องมาที่ตนเอง ลู่เสวี่ยเฉินตระหนักได้ว่าตนเองออกอาการมากเกินไป เขายิ้มแหยงๆ “ผมเป็นแค่ลูกแกะใสซื่อบริสุทธิ์ตัวหนึ่ง ไร้ซึ่งประสบการณ์ลูบคลำ ตอนนี้เขิ้นเขิน”