ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 155
ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 155 เป็นของคุณ ของคุณตลอดไป / ตอนที่ 156 กลับตาลปัตร สมบัติล้ำค่าของถนนหนานเจิ้น (1)
ตอนที่ 155 เป็นของคุณ ของคุณตลอดไป
ท่าทีที่แข็งกร้าวของอวี๋กานกาน ทำให้เฉียวพั่นเอ๋อร์ถึงกับตะลึงจนอ้าปากค้างตาเบิกโพลง แววตาของอวี๋กานกานคมกริบราวกับใบมีดกินเลือด นัยน์ตาไร้ซึ่งความหวาดกลัว
บรรยากาศภายในคลินิกเก่าแก่ที่มีอายุกว่าร้อยปีเงียบสงัดราวกับป่าช้าในทันที จนกระทั่งถูกทำลายด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกประดุจหิมะ เป็นเสียงของฟังจือหันที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด เขากล่าว “ขอแค่คุณไม่ยินยอม อวี้หมิงถางแห่งนี้ย่อมเป็นของคุณตลอดไป!”
ฟังจือหันกล่าวโดยไร้ซึ่งกิริยามารยาทที่อวดเบ่ง วางอำนาจบาตรใหญ่ แต่กลับเหมือนสายลมที่หอบเกรี้ยวคลื่นนับพันโดยที่อาศัยกำลังเพียงน้อยนิด เมื่อยิ่งเข้าใกล้ฝั่งก็ยิ่งทวีพลานุภาพ ชวนให้รู้สึกเสียววาบไปทั้งสันหลัง
เฉียวพั๋นเอ๋อร์โมโหจนหัวเราะออกมา เธอโยนสัญญาซื้อขายที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ข้างๆ “ไม้อ่อนไม่ชอบ ชอบไม้แข็ง งั้นฉันก็ไม่มีทางเลือก” เธอพูดพร้อมกับหมุนตัว แต่กลับไม่ได้เดินไปไหน ทำเพียงแค่ปรายตามองตำรวจข้างๆ ทั้งสองคน
เมื่อตำรวจทั้งสองได้รับสัญญาณบอกใบ้จากเฉียวพั่นเอ๋อร์แล้ว พวกเขาก็ก้าวออกมาด้านหน้าตะโกนเสียงดังทันที “ในเมื่อเป็นเจ้าของคลินิกทั้งคู่ งั้นก็จับตัวกลับไปทั้งคู่”
เมื่อพูดจบปุ๊บพวกเขาก็หยิบกุญแจมือออกมาทันที พร้อมทั้งเดินพุ่งตรงเข้ามาที่อวี๋กานกาน ยังไม่ทันได้สัมผัสโดนตัวอวี๋กานกาน ข้อมือของเขากลับถูกฟังจือหันคว้าเอาไว้ ฟังจือหันนัยน์ตาเย็นชา บิดข้อมือของตำรวจ ได้ยินเพียงเสียง กรอบ ดังสนั่น ฟังจือหันหักแขนของตำรวจคนนั้นไปแล้ว จากนั้นออกแรงผลักเบาๆ ตำรวจคนนั้นส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา แดดิ้นอยู่บนพื้น
ตำรวจอีกคนค่อนข้างมึนงง จู่ๆ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นอย่างปุ๊บปับ เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คำนวณเอาไว้ว่ามันจะเกิดขึ้น เขาชี้ไปที่ฟังจือหัน พูดด้วยน้ำเสียงเ**้ยมเกรียม “แกกินยากล้าหาญมาเหรอ! กล้าดียังไงมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ฉันจะบอกอะไรให้…ไอเด็กเวรเอ็งซวยแน่!”
ตำรวจคนที่แขนหักนอนหมอบอยู่กับพื้น เจ็บปวดจนใบหน้าซีดเซียว มือของเขากุมอยู่ตรงแขนข้างที่เจ็บ ตวาดลั่น “รีบจับตัวมันไป เอามันไปตัดสินโทษ!”
ด้านนอกมีเสียงไซเรนตำรวจส่งเสียงร้องแหลมยาว ตามมาด้วยตำรวจกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา “ใครหน้าไหนมันกล้ามาก่อเรื่องในเขตของฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไง!”
อวี๋กานกานเห็นหมีจั่งอี้วิ่งเข้ามา พวกเขาไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน เป็นตำรวจที่เคยเจอกันสามครั้ง รอบๆ ตัวเขายังคงเต็มไปด้วยออร่าของผู้ผดุงความยุติธรรม
ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บพูดกับหมีจั่งอี้ “ผมมาจากกองทัพที่สาม คลินิกนี้ฆ่าคนตาย”
“ฉันไม่สนว่ากองทัพที่เท่าไร ไอ้หนูชุดตำรวจแกยังเป็นชุดชั่วคราวอยู่เลยนี่ ใครให้อำนาจแกมาจับคนสุ่มสี่สุ่มห้า” หมีจั่งอี้พูดพลางฟาดฝ่ามือลงบนศีรษะของตำรวจคนนั้น “ภาพลักษณ์รับใช้ประชาชนชนของพวกเรา ถูกพวกขี้หนู[1]อย่างแกทำลายหมดแล้ว”
ตำรวจทั้งสองคนที่มาก่อความวุ่นวายถูกจับใส่กุญแจมือ พวกเขาถูกลากออกไปด้านนอกพร้อมทั้งตะโกนเสียงดัง “พวกเราเป็นคนของหัวหน้าหม่า…”
“ฉันไม่สนว่าแกเป็นคนของใคร เอาตัวไป” หมีจั่งอี้โบกมือออกคำสั่งให้เพื่อนตำรวจลากตัวพวกเขาออกไป หลังจากที่ลากสองคนนั้นออกไปแล้ว เขาก็ตวัดสายตาไปมองเฉียวพั่นเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ “คุณก็มาก่อเรื่องวุ่นวาย?”
เฉียวพั่นเอ๋อร์เชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งผยอง ปรายตามาหมีจั่งอี้อย่างเหยียดหยาม “ฉันแซ่เฉียว”
หมีจั่งอี้กรอกลูกตา “ใครถามแซ่คุณไม่ทราบ ผมถามว่าคุณมาก่อเรื่องหรือเปล่า”
เฉียวพั่นเอ๋อร์หน้าเสีย ตำรวจคนนี้มีตาหามีแววไม่ นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่รู้ฐานะทางสังคมของเธอ “ฉันมาคุยเรื่องธุรกิจ” เธอไม่อยากจะเสวนากับคนดื้อด้านแบบนี้อีก หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป แต่กลับถูกอวี๋กานกานเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อน”
อวี๋กานกานหยิบสัญญาซื้อขายที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา จากนั้นเหวี่ยงใส่เข้าไปที่ลำตัวของเฉียวพั่นเอ๋อร์ หัวเราะเสียงแหลม “เอาของของเธอกลับไป ของที่เป็นของเธอ ไม่ต้องถึงขั้นสัญญาซื้อขายหนึ่งปึกหรอก แค่กระดาษแผ่นเดียวฉันก็ไม่เอา ส่วนของที่เป็นของฉัน ต่อให้เป็นแค่กระดาษขาดๆ แผ่นเดียวฉันก็ไม่ให้ คลินิกยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึง!”
——
[1] ขี้หนู ประโยคเต็มๆ มาจาก ขี้หนูก้อนเดียวทำโจ๊กเสียทั้งหม้อ หมายถึง ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งเข่ง
ตอนที่ 156 กลับตาลปัตร สมบัติล้ำค่าของถนนหนานเจิ้น (1)
เฉียวพั่นเอ๋อร์มองอวี๋กานกานด้วยสายตาจิกกัด ลึกๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เธอโยนสัญญาซื้อขายลงบนพื้นอย่างแรง พูดกับอวี๋กานกานอย่างเจ็บใจ “เยี่ยม หวังว่าหลังจากนี้ เธอจะยังปีกกล้าขาแข็งได้แบบนี้อยู่นะ!”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็เดินกระแทกส้นเท้าจากไปทันที เพลิงโทสะในใจเธอที่มีต่ออวี๋กานกานถึงขีดสุดแล้ว ตอนนี้เธอต้องการจะซื้อ อวี๋กานกานไม่ยอมขาย ให้เกียรติไว้หน้าแต่กลับไม่ยอมรับ เธอจะต้องทำให้อวี๋กานกานมาขอร้องเธอให้ซื้อคลินิกให้จงได้ แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยต้องฝืนกล้ำกลืนความโกรธแค้นเท่านี้มาก่อน อีกทั้งยังเป็นเพราะหมอกระจอกๆ ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง เธอจะต้องเอาคืนเป็นสิบเท่า!
ในระหว่างทางกลับบ้าน เฉียวพั่นเอ๋อร์กำลังครุ่นคิดว่าจะใช้เหตุการณ์ประท้วงครั้งนี้อย่างไรถึงจะทำให้อวี๋กานกานกลายเป็นสัตว์ที่น่าเวทนายิ่งกว่ามดแมลง จะทำอย่างไรให้อวี๋กานกานมาคุกเข่าต่อหน้าเธอ ร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอให้ช่วย ไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะทำให้จิตใจสงบลงมาได้ ผลปรากฏว่าเมื่อกลับถึงบ้านทันทีที่เข้าอินเทอร์เน็ต เธอทั้งตกใจและโมโห ถึงขั้นเขวี้ยงแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะลงกับพื้นจนแตกละเอียด เกิดอะไรขึ้นในโลกอินเทอร์เน็ต ต้องเป็นหลินจยาอวี่แน่ๆ ที่ช่วยอวี๋กานกาน นี่หลินจยาอวี่คิดจะเป็นปรปักษ์กับเธอจริงๆ งั้นเหรอ ไม่ว่าอย่างไรก็จะปกป้องคลินิกแห่งนั้นให้ได้?
แววตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์ช่างน่าขนพองสยองเกล้า เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดปุ่มโทรออก ถามด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอพวกขยะไร้ประโยชน์ เกิดอะไรขึ้นกับรายงาน!”
รายงานที่เธอพูดหมายถึงรายงานผลตรวจของจูซื่อจากโรงพยาบาล ในรายงานยืนยันว่าจูซื่อป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้าย เป็นเหตุให้ล้มป่วยจนถึงแก่ชีวิต ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาของอวี้หมิงถาง เอกสารฉบับนี้ถูกคนโพสต์แฉอยู่บนอินเทอร์เน็ต ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากกว่านี้คือต่อจากนี้ไปต่างหาก มีนักข่าวสัมภาษณ์บรรดาเพื่อนบ้านในละแวกถนนหนานเจิ้น เหล่าบรรดาคุณป้าที่กำลังเต้นแอโรบิกอยู่บริเวณลานกว้างของสวนสาธารณะ เมื่อได้ยินนักข่าวถามถึงอวี้หมิงถางก็ต่างพากันหยุดเต้น ยื้อยุดฉุดกระชากแย่งกันพูด
“นี่ต้องเป็นการจงใจประท้วงโดยมีเจตนาร้ายแน่ๆ เห็นว่าเสี่ยวเหอไม่อยู่เลยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี๋ที่อยู่คนเดียว เห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ข่มเหงได้ง่าย”
“ทั้งถนนหนานเจิ้นนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า เมื่อป่วยให้ไปตรวจที่อวี้หมิงถางน่าเชื่อถือที่สุด ตอนที่ผู้เฒ่าเหอยังอยู่ก็ให้ไปหาผู้เฒ่าเหอ หลังจากที่ผู้เฒ่าเหอเสียแล้วก็ให้ไปหาเสี่ยวอวี๋ไม่ก็เสี่ยวเหอ”
“ปลาน้อยเป็นสมบัติล้ำค่าของถนนหนานเจิ้น มีเขาอยู่พวกเราถึงได้รู้สึกเบาใจได้แบบนี้”
นักข่าวถามด้วยความประหลาดใจ “สมบัติล้ำค่าของถนนหนานเจิ้นหมายถึงอะไร”
“ปลาน้อยมีเวลาว่างก็จะมาตรวจชีพจรให้พวกเรา บอกวิธีรักษาและดูแลสุขภาพให้กับพวกเรา มียัยหนูนี่อยู่พวกเรารู้สึกว่าอายุสามารถยืนยาวได้เป็นร้อยปีเลยล่ะ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะปลาน้อยช่วยฉันไว้เมื่อปีนั้น มีหรือที่ฉันจะยังมาเต้นแอโรบิกอยู่ที่นี่ได้อีก”
“หลานของฉันคลอดก่อนกำหนด ร่างกายอ่อนแอมาตลอด ทุกๆ เดือนปลาน้อยจะมาทำยาน้ำเชื่อมบำรุงให้กับเขา ตอนนี้หลานชายฉันอายุสามขวบแล้ว หวัดไม่เคยเป็น ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีมาก”
นักข่าวถามต่อ “คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้มีคุณป้าที่อาศัยอยู่บนถนนหนานเจิ้นคนหนึ่งบอกว่า อวี้หมิงถางเป็นคลินิกที่ทำนาบนหลังคนมาโดยตลอด”
เหล่าบรรดาคุณป้าตอบกลับด้วยความโมโหเดือดดาล “ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นคนถนนหนานเจิ้นด้วยซ้ำ ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน”
“พวกเราก็ไม่รู้จัก กล้าดียังไงมาทำให้ปลาน้อยของพวกเราเสื่อมเสียชื่อเสียง อย่าให้ฉันเจอนะ ถ้าเจอ ดูสิว่าฉันจะเข้าไปตบสักฉาดไหม”
ทุกคนต่างช่วยกันพูดเธอประโยคหนึ่งฉันประโยคหนึ่ง ปกป้องอวี้หมิงถางและอวี๋กานกาน ในขณะเดียวกันคลิปวิดีโอที่อวี๋กานกานได้มาจากป้าจาง ทนายได้ทำการเผยแพร่ลงบนอินเทอร์เน็ตและแนบจดหมายแถลงการณ์จากทนายอีกหนึ่งฉบับ พร้อมกับฟ้องร้องบัญชีผู้ใช้อีกหลายบัญชีที่ใช้ถ้อยคำด่าทออย่างหยาบคายเกินกว่าจะรับได้
เกิดกระแสฮือฮาขึ้นอีกครั้งในโลกอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตมากมายพากันอึ้งกิมกี่ว่าตัวเองกินเผือกผิดชิ้น แถมคนก็ด่าไปแล้วด้วย ครอบครัวของจูซื่อกับคุณหนูแซ่เฉียวอะไรนั้น นึกไม่ถึงว่าพวกนั้นจะใช้ประโยชน์จากกลุ่มคนบริสุทธิ์อย่างพวกเขามาเป็นป้อมปืนโจมตีหมอธรรมดาๆ คนหนึ่ง!