ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 319-320
ตอนที่ 319 เด็กสาวที่กำลังมีความรัก
ฟางจือหันทำเสียง “หึ” แฝงไปด้วยอันตราย
แววตาของเขาเข้มขึ้น ยามโน้มตัวมาประกบจูบที่ริมฝีปากของเธอ เขาบรรเลงเพลงลิ้นกับเธออย่างดุเดือด ขณะที่ออกแรงกดตัวของเธอเอาไว้
นอกหน้าต่างนั้นมีหิมะและหนาวเหน็บ ทว่าในบ้านกลับอบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ
จูบของชายหนุ่มดูดดื่มลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเลื่อนมือจากเอว ค่อยๆ สอดเข้าไปใต้เสื้อ…เมื่อผิวบอบบางสัมผัสกับฝ่ามือที่เย็นเฉียบทำให้อวี๋กานกานผงะดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที เธอมองไปยังชายหนุ่มที่คร่อมทับอยู่ด้านบน ไม่หลงเหลือความงดงาม มีเพียงความบ้าคลั่งเท่านั้น
มันเร็วเกินไปแล้ว ยังไม่ทันจะพูดอะไรให้ชัดเจนเลย
อวี๋กานกานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้ดิ้นขัดขืนฟางจือหัน “ฟางจือหัน อย่านะ…”
เสียง “ตุ้บ” ดังขึ้น มีบางอย่างหล่นลงมา
ตามมาด้วยเสียงของเหวินเซียง “เมี๊ยว~~”
ฟางจือหันหยุดการกระทำทันที
ไฟชั่วร้ายในร่างกายของเขาไม่อาจดับลงได้ เขามองไปที่เหวินเซียงอย่างเย็นชา “ไป!”
เหวินเซียงตัวสั่นด้วยความตกใจ มันรีบเข้าไปหลบใต้โต๊ะด้วยความฉลาด
และบ้านก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
มีเพียงเสียงลมหายใจของหญิงสาว และเสียงหอบเหนื่อยของชายหนุ่ม จนผ่านไปครู่ใหญ่ถึงสงบลง
จู่ๆ ฟางจือหันก็นั่งตัวตรง แล้วเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
อวี๋กานกาน “……”
เรื่องมันไม่น่าออกมาแบบนี้นี่??
เรื่องมันดำเนินไปแบบไม่สามารถอธิบายได้เลยจริงๆ
เรื่องที่เธอเคยมีแฟน ฟางจือหันควรจะถามหรือพูดอะไรบ้างไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงได้จูบเธอแบบนี้ หรือว่านี่เป็นการแสดงออกถึงความหึงหวง?
ขณะที่กำลังงุนงง เจ้าขนฟูตัวน้อยก็กระโจนเข้ามาที่อ้อมแขนของเธอ
ไม่รู้ว่าเหวินเซียงวิ่งออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันกระโดดขึ้นไปบนโซฟาและมุดเข้าไปในอ้อมแขนของเธอราวกับจะบอกว่าปะป๊าน่ากลัวมาก หม่าม๊ากอดหนูหน่อย
ตกกลางคืน อวี๋กานกานไม่สามารถข่มตานอนได้เลย
ตั้งแต่เล็กจนโตอวี๋กานกานใช้เวลาไปกับการอยู่ในโรงพยาบาล เรียนรู้การแพทย์เพื่อรักษาคนไข้ นอกจากเพื่อนร่วมงานแล้ว วันๆ ก็เจอแต่คนไข้
เธอไม่รู้เลยว่าฟางจือหันทำแบบนี้หมายความว่าอะไร
ไม่ว่าจะทำอย่างไรอวี๋กานกานก็นอนไม่หลับ เพราะแบบนั้นเธอจึงส่งข้อความหาซ่งฉาไป๋ “เธอนอนหรือยัง”
ซ่งฉาไป๋ไม่ตอบกลับ คงจะนอนหลับไปแล้ว
เดิมทีอวี๋กานกานไม่อยากรบกวนซ่งฉาไป๋ ทว่าเธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่หนักอึ้งอยู่ในใจและเบื่อมากอยากหาคนคุยด้วยเธอจึงโทรหาซ่งฉาไป๋อีกครั้ง
ซ่งฉาไป๋ยังไม่หลับ ในเวลานี้ก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล
“ฉันกำลังรอพี่จางซ่าเลิกงาน พอดีมีคนไข้มาที่ห้องฉุกเฉินเลยไม่เห็นข้อความของเธอ ว่าแต่มีอะไรเหรอ”
ซ่งฉาไป๋มาที่ปักกิ่งครั้งนี้เพราะโรงพยาบาลส่งเสริมการจัดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินและให้พวกเขาเข้าฝึกอบรมเป็นเวลาสามเดือน ดำเนินการประเมินความรู้ระดับมืออาชีพสำหรับนักศึกษาฝึกงาน ผู้ที่ได้รับรางวัลจะได้มาที่โรงพยาบาลปักกิ่งเพื่อรับการประเมินอีกครั้งและซ่งฉาไป๋กำลังตามหาจางซ่าเพื่อที่จะเรียนรู้จากเธอ
อวี๋กานกานพูดอย่างลังเลว่า “พอดีว่าจู่ๆ ฉันก็มีเคสแปลกๆ อยากปรึกษาเธอหน่อย”
ซ่งฉาไป๋เซอร์ไพรส์มาก “เคสไหน”
แม้ว่าพวกเธอจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนและเพื่อนร่วมงานกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋กานกานเป็นคนหาเธอก่อนเพื่อจะพูดคุย
เคสแปลกอะไรที่ทำให้อวี๋กานกานไปไม่เป็นแบบนี้ ซ่งฉาไป๋สงสัยมาก “พูดมาสิ”
“มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหัวใจเธอไม่ค่อยสบาย โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพแต่ก็ไม่พบปัญหาอะไร ฉันตรวจชีพจรให้เธอแต่ก็เหมือนว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ทว่าเธอเธอยืนยันที่จะให้ฉันจ่ายยาให้เธอกิน ฉันเลยจ่ายยาให้เธอไปสองชุด เมื่อกินแล้วเธอก็ยังรู้สึกไม่สบายอยู่ ฉันเลยตรวจอาการอีกครั้งและพบว่าสาเหตุเป็นเพราะผู้ชายที่เธอชอบทำอะไรบางอย่างที่เธอคาดเดาไม่ออก”
เคสอะไรกัน อวี๋กานกานกำลังพูดถึงตัวเองต่างหาก
ซ่งฉาไป๋ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกแปลก เธอพึมพำเบาๆ “ทำไมฟังแล้วไม่เหมือนกำลังพูดถึงอาการป่วยเลย เหมือนกำลังพูดถึงเด็กสาวที่กำลังมีความรักมากกว่า”
อวี๋กานกาน “……”
ตอนที่ 320 เติบโตในแบบที่อยากเป็น
อวี๋กานกานไม่กล้าที่จะพูด เธอลังเลและพูดติดอ่างอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่เกิดในคืนนี้ออกไป
จากนั้นเสียงผู้ชายที่อยู่ด้านข้างก็ดังขึ้น “ผมเป็นคนในครอบครัวของเจี่ยนเวยเวย ไม่ทราบว่าคนไข้เป็นยังไงบ้างครับ”
เมื่อคิดได้ว่าซ่งฉาไป๋ยังอยู่ที่โรงพยาบาล อวี๋กานกานจึงไม่พูดอะไรต่อ “เธอทำงานเถอะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ตอนที่เธอมาที่บ้านฉันแล้วกัน”
จำได้ว่าเคยได้ยินใครพูดว่า เมื่อคุณชอบใครสักคนหรือรักใครสักคน คุณจะเหมือนกับนักสำรวจที่อยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางทะเลทราย ไม่ว่าคุณกำลังมองหาน้ำหรือออกจากปัญหาคุณทำได้เพียงแค่พึ่งพาตัวเองได้เท่านั้น
ซ่งฉาไป๋ที่ยืนพิงกำแพงวางโทรศัพท์และตอบชายในเครื่องแบบทหารตรงหน้า “คุณเป็นคนในครอบครัวของเจี่ยนเวยเวย เธออยู่ในห้องฉุกเฉินในตอนนี้ยังไม่มีอันตรายถึงชีวิต คุณ…ไม่ต้องกังวลนะคะ”
นัยน์ตาคู่หนึ่งที่สบเข้ากับซ่งฉาไป๋เต็มไปด้วยกลิ่นไอสังหาร เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินว่าไม่อันตรายถึงชีวิต จากนั้นก็หันมองไปทางห้องฉุกเฉิน
พี่ทหารคนนี้ทั้งสูงทั้งหน้าตาหล่อเหลา ไหล่กว้างเอวคอดดูแข็งแกร่ง เครื่องหน้าดูคมเข้มเยือกเย็น ริมฝีปากบาง ทั่วร่างกายเปล่งประกายความองอาจและสง่าผ่าเผย
เมื่อรับรู้ว่าสายตาของหญิงสาวกำลังจ้องมองมาที่เขา พี่ทหารก็หันหน้ามา ทว่าหญิงสาวไม่ได้ขยับสายตาและยังคงจ้องมองมาที่เขา
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามด้วยท่าทางที่มีอำนาจเหนือกว่า “คุณมองอะไรเหรอ”
ซ่งฉาไป๋ตอบอย่างตรงไปตรงมา “มองว่าคุณหล่อดี”
พี่ทหาร “……”
หญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต นัยต์ตาเป็นสีเหลืองอำพันทั้งดูสดใสและจริงใจมาก ทำให้คนไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรไปครู่หนึ่ง
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกและจางซ่าก็เดินออกไป
เธอดึงหน้ากากอนามัยลงพร้อมพูด “คนไข้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อย่างไรก็ตามเท้าขวาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ทำการรักษาฉุกเฉินไปแล้ว การติดตามอาการต่อจากนี้จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การฟื้นตัว”
“ขอบคุณครับคุณหมอ”
พี่ทหารพูดจบก็เขาไปเยี่ยมผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน
สายตาของซ่งฉาไป๋มองตามหลังเขาไป ยังคงลังเลที่จะปล่อยให้ร่างของเขาหายลับไป
จางซ่ายื่นมือออกไปและโบกมันต่อหน้าเธอ “มองอะไรอยู่”
ซ่งฉาไป๋เดินจากไปพร้อมจางซ่า เมื่อถึงห้องทำงานของจางซ่า เธอถามอย่างยิ้มแย้ม “พี่รู้สึกมั้ยว่า พี่ทหารคนเมื่อกี้หน้าตาหล่อดี”
จางซ่าร้องไอหยาขึ้นมา “อย่าบอกนะว่าเธอจะเจอรักแรกพบน่ะ”
“เขาหน้าตาแบบที่ฉันชอบพอดีเลย รู้สึกเหมือนมองไปใบหน้านั้นไปอีกสิบปีก็ไม่เบื่อ หล่อและเข้มแข็ง ที่สำคัญเขายังเป็นทหารด้วย ฉันว่าฉันมีความรักแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของซ่งฉาไป๋ จางซ่าก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้นและถามว่า “เธอรู้เหรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร เธอรู้หรือเปล่าว่าเขานิสัยเป็นยังไง เพิ่งจะเจอครั้งแรกก็ตกหลุมรักซะแล้ว ละอายใจบ้างไหมเนี่ย”
ซ่งฉาไป๋ถามด้วยความสงสัย “แล้วเขาเป็นใครกันล่ะ พี่รู้ไหม”
“คนไข้เมื่อกี้ชื่อเจี่ยนเวยเวย ทหารคนนั้นเป็นพี่ชายของเธอ งั้นก็น่าจะเป็นคนในครอบครั้วสกุลเจี่ยน เขาอาจจะเป็นเจี่ยนเหย่ ของดี 1 ใน 4 ของเมืองปักกิ่ง”
ซ่งฉาไป๋ยิ้มและรุ้สึกดีมาก
หากพบกันอีกครั้งเธอจะขอคบ
ในเวลาพลบค่ำม่านแห่งราตรีค่อยๆเปิดออก แท็กซี่ขับมาถึงหมูบ้านที่ฟางจือหันอาศัยอยู่ ซ่งฉาไป๋ถือตะกร้าผลไม้ในมือข้างหนึ่ง อีกมือถือโทรศัพท์และโทรหาอวี๋กานกาน
“ฉันมาถึงแล้ว เธออยู่ชั้นไหน…”
ซ่งฉาไป๋หันมองและเห็นชายร่างสูงในเครื่องแบบทหารเดินออกมาจากอาคารอพาร์ทเมนต์ฝั่งตรงข้ามแล้วขึ้นรถแลนด์โรเวอร์คันหนึ่ง