ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 365-366
ตอนที่ 365 มันเจ็บนิดเดียวจริงๆ
หลินจยาอวี่ตอบหน้าตาเฉย “จับเขาตอนทิ้ง”
“ตอนทิ้ง”
ได้งั้นเหรอ
คำตอบนี้ทำให้ลู่เสวี่ยเฉินถึงกับช็อกไปเลย ผู้หญิงคนนี้โหดเ**้ยมจริงๆ คืนนั้นเขาก็ดื่มจนเมามากแล้วตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถ้าให้พวกเขาคิดดูจริงๆ จังๆ ล่ะก็ความจริงพวกเขายินยอมกันทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครบังคับใครทั้งนั้น
หลังเกิดเรื่องเขาก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาแค่ตกใจแล้วไม่ได้ทักทายอะไรก็ออกไปก่อนแล้ว
“แล้วก็โยนลงทะเลให้ปลากิน”
เสียงของเธอดังขึ้นมาอีกครั้งในน้ำเสียงของหลินจยาอวี่ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด
“โยนให้ปลากินอะไรล่ะคุณ” ลู่เสวี่ยเฉินขมวดคิ้วสงสัยจึงถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว
ดวงตาทั้งคู่ของหลินจยาอวี่ไร้ซึ่งความอ่อนโยน ทำให้คนไม่สามารถสำรวจอารมณ์ใดๆ ของเธอได้ “ไม่งั้นก็ฆ่าให้ตายเพื่อชดใช้ ฉันไม่ทำแค่ตอนไอ้นั่นทิ้งแน่ๆ”
การแสดงออกผ่านคำพูดชัดถ้อยชัดคำของเธอทำให้เห็นว่าเธอเกลียดคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในคืนนั้นมากมายขนาดไหน
จู่ๆ ลู่เสวี่ยเฉินนึกเสียวๆ ไอ้นั่นที่อยู่ช่วงล่างของตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย ไข่ทั้งสองข้างเจ็บเหมือนโดนปลากัดจริงๆ
เขารู้สึกเสียวฟันไปหมด อดไม่ได้ที่จะพึมพำถาม “นั่นเป็นพ่อของลูกในท้องเลยนะ”
หลินจยาอวี่ถามกลับ “พ่อของลูกฉันไม่ใช่คุณหรือไง”
ตอนที่ตกลงสัญญาแต่งงานกันก็คุยไว้ดิบดีแล้วว่าลูกในท้องของเธอจะต้องไม่เป็นลูกกำพร้า เขาจะเป็นพ่อในนามของลูกเธอ ถึงแม้จะหย่ากันแล้ว ลูกเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเธอ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ลู่เสวี่ยเฉินอึ้ง ไม่รู้ว่าตอนนี้จะตอบหลินจยาอวี่ยังไงดี
เขาหาวออกมาครั้งหนึ่ง แล้วจึงพูดเหมือนคนหมดแรง “ง่วงจะตายอยู่แล้ว ผมไม่อยากอาบน้ำแล้ว ผมขอตัวนอนก่อนล่ะ”
จากนั้นทั้งร่างจึงล้มตัวลงนอนเหยียดบนโซฟา
ตอนนี้จะบอกหลินจยาอวี่ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาเป็นพ่อของเด็กในท้อง
พึ่งจะแต่งงานไปหยกๆ ถ้าพูดความจริงออกไปมีหวังเธอคงไม่ใช่แค่ไม่เชื่อเขา แต่คงทำให้เธอรู้สึกได้ว่าการแต่งงานบังหน้าระหว่างพวกเขา เป็นเรื่องที่เขาจงใจเพื่อต้องการลูกของเธอ และจงใจสร้างสถานการณ์โกหกหลอกลวงนี้ขึ้นมา
ด้วยนิสัยเย็นชาแข็งกระด้างของหลินจยาอวี่ เป็นไปได้ว่าเธอจะต้องฉีกหน้าและขอหย่ากับเขา ไม่พอคงจะไม่ให้ลูกพบหน้าเขาไปตลอดชีวิต
ยังไงเสียพวกเขาก็แต่งงานกันแล้ว อีกทั้งยังมีลูกด้วยกันอีก เขาจะรีบร้อนไปทำไม
สวรรค์ลิขิตพวกเขาเป็นพิเศษขนาดนี้ ไม่แน่อาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้
ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ก็เป็นแบบนี้กันไปก่อน รอเวลาผ่านไป รอจนกว่าเธอจะเห็นว่าเขาก็เป็นพ่อคนที่ดีคนหนึ่งได้ เมื่อถึงเวลานั้นค่อยพูดถึงเรื่องที่ผับคืนนั้น ไม่แน่อาจจะทำเรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
อวี๋กานกานเป็นคนคอไม่แข็งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดื่มเหล้าไปสองแก้วที่งานเลี้ยงจนหน้าแดงเถือกไปหมด
เหล้ายังไม่ทันออกฤทธิ์ดี เธอยังไม่เมาจนล้มพับแต่สมองก็มึนเบลอไปหมดแล้ว นั่งพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง
เมื่อนั่งพักไปชั่วครู่ อวี๋กานกานจึงเงยหน้ามองฟางจือหัน ดวงตาที่ปิดสนิทลืมขึ้นแล้วก็ปิดไปอีก แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “ฉันบอกให้คุณขับรถคุณก็ขับให้มันดีๆ หน่อย อย่าส่ายไปส่ายมาได้ไหม ปกติเห็นคุณนิ่งเป็นก้อนน้ำแข็ง นั่งแล้วไม่เคยกระดิกเลยสักนิด ตอนนี้คุณขับรถประสาอะไร ส่ายไปมาอยู่ได้”
น้ำเสียงทั้งอับอายสุดๆ และทำอะไรไม่ถูก
ฟังจือหันหันหน้ามาถามตัวเอง “ผมเนี่ยนะขับรถส่าย”
อวี๋กานกานพยักหน้าหงึกหงัก “ก็ใช่น่ะสิ คุณขับรถส่ายไปส่ายมาตลอดทางเลย คุณเมาแล้วใช่ไหม”
นัยน์ตาสลัวๆ กึ่งเมากึ่งได้สติมองไปที่เขาเบลอๆ แล้วจงใจพูดต่อหน้าว่า “เมาแล้วจริงๆ ด้วย”
ตอนที่ 366 ฉันเมาแล้วคุณยังจะหลอกฉันอีก
“งั้นคุณก็รีบจอดข้างทาง ขับรถตอนมามันอันตราย” อวี๋กานกานยังคงเข้าใจว่าตัวเองยังมีสติอยู่ยื่นนิ้วชี้ไปข้างหน้า “เร็วๆๆ จอดข้างหน้านั่นเลย พวกเราเรียกรถกลับกันดีกว่า”
ฟางจือหันไม่ยอมจอดรถแล้วยังมุ่งขับไปข้างหน้าต่อ
อวี๋กานกานสั่งสอนด้วยความโมโห “คุณรู้ไหมว่าแบบนี้มันอันตรายนะ รีบจอดรถเดี๋ยวนี้”
เธอเอื้อมมือมาดึงแขนของฟางจือหัน
ฟังจือหันจับมือเธอเอาไว้แล้วขับพวงมาลัยรถด้วยมือข้างเดียว เขามองไปที่เธอแต่เธอกลับจ้องเขาเขม็ง “ขณะขับขี่ ดึงมือคนขับรถแบบนี้มันอันตรายยิ่งกว่าเมาแล้วขับอีกนะคุณ”
อวี๋กานกานรีบชักมือกลับทันที
เขาไม่จอดแน่ๆ และเธอก็บังคับเขาไม่ได้
ฤทธิ์เหล้าแรงขนาดนี้ทำให้เธออยากอาเจียนออกมา เธอจึงหลับตาลงแล้วนอนพิงเบาะรถ
ในขณะที่ตาปรือปรอยจะหลับแหล่มิหลับแหล่ จู่ๆ รถก็จอดซะงั้น
อวี๋กานกานที่พยายามสู้กับฤทธิ์ของเหล้ามาตลอด รอกลับถึงบ้านเพื่อที่จะได้นอนสบายๆ
คนที่ดื่มเหล้าไม่เก่ง แต่เมื่อดื่มไปมากขนาดนี้มันทรมานจริงๆ
แต่พอดันประตูลงรถจึงพบว่ารถไม่ได้จอดที่หน้าบ้านหลินจยาอวี่แต่กลับเป็นหน้าบ้านฟางจือหัน เธอหันขวับไปมองผู้ชายที่กำลังลงจากรถ “ฟังจือหัน คุณบอกว่าจะไปส่งฉันกลับบ้านไม่ใช่เหรอ”
เธอเดินสะเปะสะปะ เอียงซ้ายเอียงขวา ฟางจือหันจึงยื่นมือไปจับแขนเธอ “ที่นี่คือบ้านของคุณ”
อวี๋กานกานสะบัดมือเขาออกไป “ที่นี่ไม่ใช่บ้านของฉัน คุณอย่ามาหลอกฉันอีกเลย”
ฟางจือหันแววตาล้ำลึก กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผมไม่ได้หลอกคุณ ผมไม่เคยหลอกคุณมาตั้งแต่แรก”
อวี๋กานกานส่ายศีรษะไปมา “คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้หมดแล้ว ฉันบอกคุณแล้วไงว่าฉันไม่รู้อาจารย์อยู่ที่ไหน”
“ผมก็เคยบอกแล้วเหมือนกันว่าผมจะช่วยคุณตามหาอาจารย์” เขาหยุดไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงอธิบายต่อ “อันที่จริง ผมก็อยากตามหาอาจารย์ของคุณ แต่ว่าผมคิดที่จะช่วยคุณตามหาอาจารย์ให้เจอมากกว่า”
“ที่คุณพูดมานี่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง…” อวี๋กานกานสะอึกหนึ่งครั้งเพราะฤทธิ์เหล้า “ยังไงคุณก็หลอกฉันอยู่ดี ฉันดื่มจนเมาขนาดนี้แล้วคุณยังจะหลอกฉันอีก นี่คุณทำแบบนี้ได้ยังไง…”
ท่าทางของเธอดุจนน่าหมั่นเขี้ยว ทั้งขี้บ่นขี้ฟ้อง น่ารักจะตายอยู่แล้ว
ฟังจือหันกลั้นขำ ดวงตาที่เต็มไปด้วยการทำอะไรไม่ถูกและปล่อยใจ
อวี๋กานกานเดินโซซัดโซเซ ซ้ายทีขวาที ทั้งร่างเอนไปเอียงมา “คุณไม่ไปส่งฉัน งั้นฉันกลับเองก็ได้ ฉันเรียกรถกลับเอง”
เธอเปิดกระเป๋าของตัวเองหยิบมือถือเพื่อที่จะเรียกรถ แต่จับมือถือไม่มั่นจึงทำให้มันตกลงไปที่พื้น
อวี๋กานกานรีบก้มลงเก็บมือถือ สุดท้ายเมื่อยืนไม่มั่นคงจึงล้มลงไปกองกับพื้น
ฟังจือหันที่ยืนอยู่ข้างๆ มองเธอตลอด เมื่อเห็นว่าเธอก้มลงก็รู้เลยว่ายังไงต้องล้มแน่ๆ จึงรีบยื่นมือคว้าเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด หลังจากนั้นจึงช้อนตัวอุ้มเธอเดินเข้าไปในห้อง
อวี๋กานกานดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของเขา “มือถือ มือถือฉันล่ะ”
ฟังจือหันทำได้แต่วางตัวเธอลงก้มเก็บมือถือ แล้วก็อุ้มเธอกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
รถคันแดงหนึ่งคันจอดอยู่ใต้ต้นไม้ในหมู่บ้าน รถคันนี้ตามหลังรถของฟังจือหันมาตั้งแต่งานเลี้ยงมาจนถึงที่นี่โดยตลอด
วันนี้กู้ซูหลิงก็ร่วมงานแต่งงานของลู่เสวี่ยเฉินและหลินจยาอวี่เช่นกัน จึงเห็นฟังจือหันประกาศิตในตัวอวี๋กานกานในงานแต่งเป็นธรรมดา
เธอคาดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะเป็นแฟนสาวของฟังจือหันจริงๆ
จะเล่นละครตบตาหรือเปล่านะ
เก็บงำความสงสัยไว้ กู้ซูหลิงจึงขับรถมาดูให้เห็นกับตา
เธอดูทุกฉากข้างนอกรถ ผู้ชายที่ไม่มีอารมณ์ไม่เคยแยแสใคร แต่ทุกคำพูดและท่าทางกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น
เหมือนดวงตาถูกแสงกระทบอย่างจังจนเจ็บปวดและไม่สบายใจ