ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 367-368
ตอนที่ 367 ฉันจะเกาะคุณไม่ปล่อย
ทันทีที่อวี๋กานกานเข้ามาในห้อง เจ้ายาจุดกันยุงก็วิ่งมาคลอเคลียอวี๋กานกาน เมื่อเห็นว่าฟังจือหันอุ้มอวี๋กานกานมาวางที่โซฟา มันก็รีบปีนขึ้นโซฟาทันที อยากเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอวี๋กานกาน
“ไสหัวไป”
ฟางจือหันมองไปที่มันอย่างเย็นชาและตะโกนใส่อย่างไม่แยแส
เจ้ายาจุดกันยุงที่ถูกเมินตกใจจึงรีบวิ่งลงไปจากโซฟา หนีไปซ่อนที่รังเล็กๆ ของตัวเอง
ตอนแรกอวี๋กานกานอยากจะอุ้มเจ้ายากันยุงสักหน่อย แต่พอเห็นฉากนั้นก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เจ้ายาจุดกันยุงของฉัน…”
“คนที่ดื่มไม่เป็น ทำไมถึงกล้าดื่มเยอะขนาดนั้น” รู้ทั้งรู้ว่าดื่มแก้วเดียวก็พอแล้ว แล้วยังจะดื่มอีกสองแก้วอีก
กระดกสามแก้วรวด ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เหมาะสมดี
อวี๋กานกานย่อตัวลงบนโซฟาและเห็นฟังจือหันยืนอยู่ข้างๆ เอื้อมมือหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆ แล้วตีไปที่ร่างกายเขา “ฉันเมาแล้วคุณยังโกหกฉันอีก คุณเมาแล้วคุณหลอกลวงฉัน … ”
จากนั้นก็ตีไปที่เขาอีหนึ่งที
แรงของเธอก็มีอยู่แค่นั้นตีเขาไม่เจ็บเลยสักนิด
ฟางจือหันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วหมุนตัวเข้าไปในห้องครัว ชงชาแก้แฮงค์เหล้ามาหนึ่งแก้ว
เขานั่งข้างๆ อวี๋กานกานและพยุงอวี๋กานกานให้ลุกขึ้นมา “ดื่มนี่ก่อน”
อาการแฮงค์เหล้านี่อวี๋กานกานเข้าใจเป็นอย่างดี จึงลุกขึ้นนั่งจากนั้นยืนบนโซฟาและชี้ไปที่ฟางจือหันก่อนจะพูดว่า “คุณหลีกไป”
ฟังจือหันช้อนสายตามองเธอ เอาชาแก้แฮงค์วางไว้บนโต๊ะรับแขก ทันใดนั้นก็อุ้มเธอขึ้น
เขาอุ้มขาของเธอทำเอาอวี๋กานกานตกใจจนกลัว เธอรีบร้องขอความเมตตา “ฟังจือหัน คุณรีบปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”
“บอกใครให้หลีกไป”
“…ให้ยาจุดกันยุงหลีกไปไง”
เจ้ายาจุดกันยุงที่หลบหนีมานอนในเบาะ “…”
แมวอย่างเราหาเรื่องใครเขาอีกแล้ว ทำไมนอนอยู่เฉยๆ ถึงโดนพาดพิงได้ เจ้าพวกมนุษย์โง่พวกนี้นี่!
ฟังจือหัน “…”
อยากขำแต่ก็ต้องกลั้นขำ สุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่อยู่เขาจึงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วปล่อยอวี๋กานกานลง
หลังจากที่อวี๋กานกานลงมาแล้วก็รีบเอาคืนทันที
เธอรัดฟังจือหันจากทางด้านหลัง มือทั้งสองข้างล็อกคอเขาเอาไว้แน่นขาทั้งสองข้างเกาะรัดเอวเขาไว้แนบชิด เหมือนปลาหมึกที่กำลังพันรัดรอบตัวเขาอยู่
ฟังจือหัน “…”
เขากลัวว่าเธอจะตกลงไปจากข้างหลังจึงค่อยๆ โน้มตัวลงมาเล็กน้อย “ลงมา”
“ไม่ลง”
“คุณแน่ใจนะ”
“ใช่ ยังไงก็ไม่ลง”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่แขนของเธอกลับรัดแน่นเข้าไปอีก ทั้งร่างเกาะแน่นที่หลังของฟังจือหันอีกทั้งยังแอบหัวเราะหึๆ อย่างชั่วร้ายอีก
ฟังจือหันเลิกคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายจึงถามอีกครั้ง “จริงป่าว”
อวี๋กานกานตอบอย่างมั่นใจแบบไม่ต้องคิด “ใช่!”
ฟังจือหันแบกอวี๋กานกานเข้าไปในห้องนอน เมื่อมองไปที่เตียงหลังใหญ่อวี๋กานกานก็เกิดอาการเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที “คุณเข้ามาในห้องนอนทำไม”
“นอนไง”
ฟังจือหันยกยิ้มร้ายๆ เริ่มขยับมือปลดกระดุมเสื้อ
อวี๋กานกานรีบฟาดมือเขา ทั้งโกรธทั้งอายและหยุดเขา “ห้ามถอดนะ”
ไม่ให้เขาถอดเสื้อฟางจือหันก็ไม่ถอด แต่เขากลับเปลี่ยนเป็นถอดกางเกงแทน เข็มขัดหนังถูกปลดออกจากเอวของเขา
อวี๋กานกานตกใจและรีบกระโดดลงมาจากตัวเขา เมื่อขาลงถึงพื้น ฟังจือหันก็หันกลับมาโอบเอวเธอเข้าหาก่อนจะกอดเธอให้ล้มลงเตียงไปด้วยกัน
อาการมึนหัวยิ่งเพิ่มมากขึ้น อวี๋กานกานที่นอนอยู่บนเตียงจึงคิดได้สักที แต่ก็กลับพบว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรงแล้ว เธอจึงทำได้แค่เบิกตาโตจ้องฟังจือหันตาไม่กระพริบแล้วถามอย่างตื่นตระหนก “คุณๆๆ…คุณจะทำอะไรน่ะ”
ตอนที่ 368 ต้องอยู่ในสายตาของฟังจือหันเท่านั้น
ฟังจือหันกดทับไปบนตัวของเธอ สายตานุ่มลึกถือวิสาสะมองใบหน้าของเธออย่างอ้อยอิ่ง สุดท้ายสายตานั้นก็มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางของเธอ “คุณว่าผมจะทำอะไรล่ะ หืม”
อวี๋กานกานพูดไม่ออก
สมองมึนงงเล็กน้อย แต่ก็ยังนับว่ามีสติอยู่
เธอจ้องมองเขาอย่างหงุดหงิดและข้องใจเล็กน้อย ดวงตาใสเป็นประกายทว่าแฝงไปด้วยความหวั่นไหว
จู่ๆ นิ้วเรียวยาวปิดที่ดวงตาของเธอเอาไว้ ฟังจือหันขยับเข้ามาชิดข้างใบหูแล้วออกคำสั่ง “ผมไม่อนุญาตให้คุณใช้สายตาแบบนี้มองผู้ชายคนอื่นเด็ดขาด
ขนตางอนยาวของอวี๋กานกานกระพริบปริบๆ ผ่านไปตั้งนานกว่าจะเอ่ยถาม “ทำไม”
ฟังจือหันยังไม่ทันได้ตอบเธอออกไป โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดันขึ้นมาเสียก่อน เขาเขยิบไปนั่งดีๆ ที่เตียงแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมา
เป็นสายของลู่เสวี่ยเฉินที่โทรเข้ามา ฟังจือหันไม่ได้เปิดลำโพง แน่นอนว่าอวี๋กานกานไม่ได้ยินว่าลู่เสวี่ยเฉินพูดอะไร
แต่เธอได้ยินฟังจือหันเอ่ยชื่อหลินจยาอวี่แล้วยังพูดถึงเกี่ยวกับอาการป่วยของเธออีกด้วย
รอฟังจือหันคุยโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วอวี๋กานกานช้อนสายตามองฟางจือหัน ดวงตากึ่งหลับกึ่งตื่นด้วยความง่วงมาก “ลู่เสวี่ยเฉินโทรมาเมื่อกี้ว่าไงบ้าง หลินจยาอวี่ไม่สบายเหรอ”
ฟังจือหันตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เปล่า”
“หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกในท้อง”
“ไม่มี”
น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนโยนราวกับขนนกลูบไล้เบาๆ ไปที่หัวใจ ดวงตาที่อ่อนล้าของอวี๋กานกานจึงค่อยๆ ปิดลง
หลังจากที่ฟังจือหันห่มผ้าให้อวี๋กานกานเรียบร้อยแล้วเขาก็เขยิบไปพิงหัวเตียง นิ้วเรียวลูบไล้เรือนผมของเธอเบาๆ หวังให้เธอนอนหลับสบายมากขึ้น
ดวงตาที่เหลือบมองเธอเป็นครั้งคราวนั้นลุ่มลึกราวกับทะเลแต่กลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนไร้ขอบเขตราวกับได้อาบน้ำท่ามกลางสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิเคล้าคลอฟังเสียงดอกไม้ที่กำลังผลิบาน
ทันใดนั้นเสียงกดกริ่งประตูดังขึ้นทำลายบรรยากาศอบอุ่นในห้อง
ฟังจือหันขมวดคิ้วเล็กน้อยเดิมทีเขาไม่อยากลุกไปเปิดประตู แต่เมื่อเห็นว่าเสียงกดกริ่งจะทำให้อวี๋กานกานนอนหลับไม่สบายนักเขาจึงลุกยืนขึ้น
เขาพอจะรู้ว่าใครมาเคาะประตู เขาเปิดประตูมองคนที่ยืนอยู่ข้างนอก ดวงตาพลันแข็งกร้าวเย็นชาราวกับทะเลาสาปน้ำแข็งไม่มีความสั่นไหวในแววตาสักนิดจากนั้นจึงถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เธอเป็นใคร”
สามคำนี้ที่กู้ซูหลิงได้ยินเข้ามาในหู ทำให้ทั้งรู้สึกเศร้าและโมโหเสียจริงๆ
เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “พี่หันคะ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย พี่ก็รู้ดีว่าฉันเป็นใครแล้วทำไมถึง…”
เสียงหัวเราะเบาๆ หนึ่งเสียงทำให้คำพูดของเธอขาดห้วน เธอจึงชูของที่อยู่ในมือขึ้นมา “คุณพ่อของฉันให้เอาอาหารมาให้พี่”
เมื่อมองไปที่กล่องอาหารในมือของกู้ซูหลิง ฟังจือหันกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างประชดและหักหาญน้ำใจอย่างเยือกเย็น “ตามฉันมาตลอดทาง เธอเอาเวลาที่ไหนไปทันหยิบอาหาร”
กู้ซูหลิงหัวเราะแห้งๆ และอธิบายด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ก่อนจะมางานแต่ง คุณพ่อรู้ว่าพี่ก็ไปงานแต่งด้วยเลยเอาอาหารมาให้ฉันก่อน ให้ฉันเอาไปให้พี่ในงานแต่งน่ะค่ะ”
ดวงตาของฟังจือหันเย็นเยือกดุจธารน้ำแข็ง “คนอื่นไม่รู้ไม่เป็นไรหรือว่าเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะเอาอาหารมาให้ฉันได้ยังไง”
หลังจากพูดจบแล้วและกำลังจะปิดประตู
กู้ซูหลิงเบิกตาโพลงมองประตูที่กำลังจะปิด เธอจึงรีบกุลีกุจออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “พ่อฉันได้ข่าวของน้องสาวฉันแล้วค่ะ!”
มือที่กำลังจะปิดประตูของฟังจือหันชะงักนิ่ง
กู้ซูหลิงแววตาเป็นประกายอย่างมีหวัง
เธอยกยิ้มหวานที่มุมปากและพูดด้วยความโล่งใจ “พี่หันคะ พ่อของฉันก็เหมือนกับคุณที่ตลอดหลายปีผ่านมาไม่เคยเชื่อเลยว่าพี่สาวของฉันจะตายไปแล้ว พ่อตามหาน้องสาวของฉันมาโดยตลอดและตอนนี้เรามีข่าวของเธอแล้ว เธอจะได้กลับบ้านเร็วๆ นี้แน่นอนค่ะ”