ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 481 ผมก็แค่อยากรักคุณ / ตอนที่ 482 เสี่ยวอวี๋ vs เสี่ยวอวี๋ คุณเลือกใคร
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 481 ผมก็แค่อยากรักคุณ / ตอนที่ 482 เสี่ยวอวี๋ vs เสี่ยวอวี๋ คุณเลือกใคร
ตอนที่ 479 เอาแต่ใจ ชอบประกาศ
อวี๋กานกานหลุดขำอย่างมีเสน่ห์ “เอาแต่ใจ”
เธอหลับตาลงพลางซบไปในอ้อมแขนของฟังจือหัน ยิ้มด้วยใบหน้าร้อนฉ่ากระตุกความรู้สึก
ภาพอันอบอุ่นแสนสั้น ชายหนุ่มที่อ่อนโยนดุจสายน้ำนัยน์ตาประกายวาบ เขาหรี่ตาลงอย่างระแวดระวัง เอียงตัวไปด้านข้างพร้อมกับเบี่ยงหน้า
หลังจากที่สายตากวาดไปบางที่แล้ว เขาก็ขยับเข้ามาใกล้หูเธอแล้วเอ่ยเบาๆ “คันที่สามข้างหน้าเป็นรถของเรา คุณหันหลังขึ้นไปนั่งทันที”
อวี๋กานหานนิ่งไปทั้งตัว กำลังคิดจะถามว่าทำไม แต่ฟังจือหันกดตัวเธอเอาไว้และเอ่ยอีกครั้ง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าหันหลัง และอย่าเปิดประตูรถ”
น้ำเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง
อวี๋กานกานเหลือบตาขึ้นเห็นหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉยอยู่ตลอด ดูอันตรายและน่ากลัว
อันตราย
สองพยางค์นี้ทำให้ในใจของเธอหนักอึ้ง!
เธอไม่ยอมทิ้งฟังจือหันเอาไว้คนเดียว แต่เธออยู่ต่อก็อาจทำให้ยุ่งยากยิ่งขึ้น
อวี๋กานกานพยักหน้า
ขณะที่ฟังจือหันมือก็หันหลังทันที ก้าวเท้าออกวิ่งขึ้นมานั่งในรถอย่างรวดเร็ว
พอเธอขึ้นรถก็เห็นฟังจือหันรีบเดินไปด้านขวา หมุนตัวอย่างเท่ไม่กี่ครั้ง รวมกับกระโดดอย่างว่องไวอีกทีก็คว้าคนชุดดำคนหนึ่งที่เตรียมจะวิ่งได้แล้ว
คนผู้นี้ใส่เสื้อคลุมสีดำ สวมผ้าปิดปากสีดำ ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ
สายตาเฉียบแหลมของฟังจือหันมองไปทั่ว กวาดมองด้วยความระแวดระวัง
ตอนที่เห็นว่าไม่มีใครออกมาจึงโยนคนที่อยู่ในมือลงไปกับพื้นอย่างแรง!!
คนคนนั้นถูกผลักลงกับพื้นจึงส่งเสียงร้องออกมา “อ๊ะ”
เป็นเสียงของผู้หญิง เธอถอดผ้าปิดปาก มองฟังจือหันด้วยน้ำตาคลอ “พี่หัน ฉันเอง…”
อวี๋กานกานนั่งในรถ สีหน้าหวาดกลัว ถือโทรศัพท์มือถือเตรียมจะแจ้งตำรวจ เห็นคนที่ล้มลงบนพื้นถอดผ้าปิดปากที่หน้า ปรากฏเป็นใบหน้าอันคุ้นเคย
เธออึ้งไปครู่หนึ่ง เห็นว่าไม่มีคนอื่นค่อยออกมา ผลักประตูรถออกแล้วเดินลงไปพลางมองหญิงสาวที่อยู่ตรงพื้น “กู้ซูหลิง ทำไมถึงเป็นเธอ เธอตามพวกเรามาทำไม”
กู้ซูหลิงลอบจ้องหน้าอวี๋กานกานแวบหนึ่ง
จากนั้นเธอจึงมองไปที่ฟังจือหันพร้อมกับอธิบายด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ใจ “พี่หัน ฉันไม่ได้ตามพวกพี่ ฉันก็อยากมาดูหนังเหมือนกัน บังเอิญเจอพวกพี่ ฉันไม่อยากรบกวนถึงได้หลบมาอีกด้านหนึ่ง”
สายตาของฟังจือหันที่จับจ้องใบหน้าของกู้ซูหลิงเย็นชาดุจน้ำแข็งและยังเจือแรงอาฆาตเล็กน้อยเอาไว้
นี่ไม่เหมือนกับมองคนที่คุ้นเคย แต่เหมือนมองศัตรูคนหนึ่ง
อวี๋กานกานหัวเราะแห้ง “เธอหลอกใครกัน นี่มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เธอยังบอกว่าไม่ได้ตามพวกเรามา งั้นขอถามหน่อยว่าแบบไหนถือว่าตามกัน”
กู้ซูหลิงเอื้อมมือออกไปอยากจะจับมือฟังจือหันเพื่ออธิบายกับเขา
ใบหน้าของฟังจือหันแข็งกร้าว ไม่มีร่องรอยความเปลี่ยนแปลงสักนิดเดียวและออกแรงสะบัดมือของตนเอง กู้ซูหลิงจึงล้มไปกับพื้นทันที เธออดตัวสั่นเทิ้มเสียไม่ได้ พูดออกมาด้วยความกลัวแต่บริสุทธิ์ใจ “เชื่อฉันเถอะ พี่หัน”
ฟังจือหันปรายตามองลงไปที่เธอ ดวงตาคู่นั้นดำมืดลึกซึ้งเหมือนคมดาบน้ำแข็งในหน้าหนาวที่ทั้งแหลมคมและเย็นชา “บังเอิญ งั้นแจ้งตำรวจให้ตำรวจมายืนยันว่าพวกเราบังเอิญกันจริงรึเปล่า”
สายตาเย็นเฉียบไร้ความอบอุ่น บรรยากาศตึงเครียดไร้ความปรานีทำให้กู้ซูหลิงที่เดิมเตรียมคำพูดเอาไว้บ้างติดอยู่ในลำคอในชั่วพริบตา
เธอกลัวฟังจือหันแจ้งตำรวจจริงๆ
เรื่องนี้ต้องไม่เป็นเรื่องใหญ่ ไม่งั้นเธอคงไม่เหลือหน้าตาอะไรเลยเชียว
เธอหน้าตาเศร้าสร้อยมองฟังจือหันเปี่ยมด้วยความรัก พลางเอ่ยอย่างน่าสงสาร “พี่หัน ขอโทษค่ะ ฉันแค่เห็นในเวยป๋อ รู้ว่าพวกพี่กำลังมาดูหนัง เพราะงั้นถึงได้มา แต่ฉันไม่ได้มีความคิดอย่างอื่น ฉันก็แค่อยากมาดูพวกพี่แค่นั้น ได้โปรด พี่ต้องเชื่อฉันนะ!”
ตอนที่ 480 เสี่ยวอวี๋กำลังจะกลับมา
เวยป๋อ?
อวี๋กานกานจำได้ว่าตนเองโพสต์ลงในแวดวงเพื่อน แต่ไม่ได้โพสต์เวยป๋อเลย เธอก็ไม่ได้มีเวยป๋ออยู่แล้วด้วย
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองมาล็อกอินดูเวยป๋อสักหน่อย เวยป๋อที่ชื่อว่าอวี๋กานนั้นโพสต์ความเคลื่อนไหวของเธอ บัญชีเวยป๋อนี้แม้จะถูกหลินจยาอวี่เลิกติดตามไปแล้ว แต่ว่ายังคงมีแฟนคลับมากมายติดตามอยู่ และแสดงความคิดเห็นในเวยป๋ออีกมาก
เพราะว่าบัญชีเวยป๋อนี้โพสต์ความเคลื่อนไหวของอวี๋กานกานล่าสุดสองครั้ง
อวี๋กาน : ดวงตาน้อยๆ สำคัญมาก ทุกคนต้องดูแลให้ดี! เป็นข้อความจากคุณเจี่ยนเวยเวย ขอบคุณหมออวี๋ใช้ผู่กงเองสองตำลึงรักษาดวงตาเธอให้หาย ทำให้เธอสามารถมองเห็นโลกหลากสีสันใบนี้ได้ชัดเจนอีกครั้ง
แนบรูปคู่เจี่ยนเวยเวยกับอวี๋กานกานทั้งสองคน รูปใบนี้น่าจะเป็นเจี่ยนเวยเวยที่โพสต์ให้เธอ
อวี๋กาน : ปลีกตัวจากงานยุ่ง ดูหนังผ่อนคลายสักรอบ
หลังจากนั้นก็แนบรูปถ่ายสองใบ รูปแรกเป็นตั๋วหนัง อีกรูปหนึ่งเป็นรูปมือที่จูงมือกัน
ความเคลื่อนไหวอันนี้คัดลอกมาจากโพสต์ที่เธอโพสต์ลงในแวดวงเพื่อนก่อนที่จะเข้าโรงหนัง ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรหรือว่ารูปภาพก็เหมือนไปหมด
อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แค่อยากจะเพิ่มยอดติดตาม แต่อีกฝ่ายอยู่ในแวดวงเพื่อนของเธอด้วยเหรอ
ดังนั้นเวยป๋ออวี๋กานนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกันแน่
ฟังจือหันเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของอวี๋กานกาน สายตาจึงจับไปที่ตัวกู้ซูหลิงอีก แววตาเฉียบแหลมดุจดาบคม
กู้ซูหลิงรีบเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง “พี่หัน เป็นเพราะฉันชอบพี่จริงๆ…อยากจะมามองพี่”
ฟังจือหันขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าพลันชิงชังขึ้นมา
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่มีคลื่นแห่งความอบอุ่นเลยสักนิด แต่กลับเจือคำข่มขู่กับคำสั่งอย่างเคร่งขรึมเอาไว้ “เห็นแก่หน้าของลุงกู้ ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาเรื่อง แต่อย่าให้มีครั้งหน้าอีกเด็ดขาด”
กู้ซูหลิงมองชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนกับแหงนมองดาวบนท้องฟ้าที่ขั้วโลกเหนือ เหลือเพียงความหนาวเย็นในคืนขั้วโลกราตรี
ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินจากไป มือที่จับจูงกันนั้นดุจแรงดึงดูดที่แนบแน่น นัยน์ตาของกู้ซูหลิงแดงก่ำ ปรากฏเส้นเลือดไปทั่ว
เธอกำหมัดแน่น ในใจเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา
ความปรารถนาที่ต้องการได้กลับไม่สมหวังทำให้เธอตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่ง “พ่อฉันหากู้เหยียนอวี๋เจอแล้ว เธอกำลังจะกลับมาแล้ว”
จังหวะย่างก้าวของฟังจือหันหยุดไปเล็กน้อย และเดินต่อไปข้างหน้า พาอวี๋กานกานขับรถออกไป
ตอนที่ 481 ผมก็แค่อยากรักคุณ
ความเงียบของเธอทำให้ฟังจือหันสัมผัสได้
กลับเข้าไปในบ้าน อวี๋กานกานเตรียมตัวกลับห้องเข้านอนเงียบๆ ชายหนุ่มฉุดแขนรั้งเธอเอาไว้ “ทำไมไม่พูด”
เวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันเธอมักจะเป็นผู้พูดและเขาเป็นผู้ฟัง
ขณะนี้เธอเงียบไปแล้ว บรรยากาศระหว่างทั้งคู่จึงดูเย็นเยียบเป็นอย่างมาก
“ให้พูดอะไร มีอะไรน่าพูดเหรอ”
อวี๋กานกานใจชาหนึบๆ ไม่อยากจะพูดอะไรจริงๆ เธอกลัวว่าจะอารมณ์ไม่ดีแล้วระเบิดอารมณ์ออกมา
“คุยเรื่องหนังต่อ…” ฟังจือหันจ้องเธอไม่ยอมปล่อยมือ
“ไม่คุยแล้ว ไม่มีอะไรน่าคุย” อวี๋กานกานควบคุมสะกดอารมณ์แกะมือตัวเองออก “อีกอย่างฉันง่วงแล้ว”
ฟังจือหันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นัยน์ตานุ่มลึกดั่งทะเลมองไปที่เธอ จู่ๆ ส่งน้ำเสียงอ้อยอิ่ง “อ๋อ” แช่ไว้สักพักจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “หึงเหรอ”
หางเสียงเป็นประโยคคำถามแต่กลับยิ่งเป็นประโยคยืนยัน
อวี๋กานกานอึ้งไปเล็กน้อย
เมื่อถูกจับไต๋ได้เธอจึงรู้สึกอับอายจนกลายเป็นโมโห “มีอะไรให้ต้องหึงด้วย คุณควรมองไปที่นางเงือก ประธานจอมเผด็จการไม่ต้องการคนขาวสวยและรวยที่ใช้เงินไม่รู้ตั้งกี่ร้อยล้านเพื่อล่อเหยื่อมาติดกับ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนขาวสวยและรวยมากด้วย”
ฟังจือหันหัวเราะออกมาเบาๆ
ชายหนุ่มที่หัวเราะน้อยครั้งมากแล้วบางครั้งแค่หัวเราะเบาๆ เจือรอยยิ้มที่มุมปากเพียงเท่านั้น ตอนนี้หัวเราะออกเสียงแล้วเสียงแหบต่ำฟังดูอบอุ่นและเซ็กซี่มาก ทั้งร้ายกาจและขี้เล่น
เขาหัวเราะจนเธอทำตัวไม่ถูกถึงโมโหเบิกตาโต “มีอะไรน่าขำล่ะคุณ ฉันจะบอกคุณให้ ถ้าคุณอยากเลือกกู้เหยียนอวี๋คุณต้องบอกฉันก่อน เพราะฉันไม่ใช่ของตายสำหรับคุณ ไม่งั้นฉันจะเลิกกับคุณแน่นอน”
ฟังจือหันขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย “ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ”
“ต้องใจแข็งบ้างถึงจะดี”
“คุณไม่ได้เป็นผู้ชายสักหน่อย ใจไม่แข็งพอต่างหากถึงจะเป็นเรื่องปกติ”
นัยน์ตาลึกซึ้งของชายหนุ่มฉายแววหยอกล้อ อวี๋กานกานอึ้งค้างเขินอายจนหน้าแดง “นี่คุณ…”
ผู้ชายนิ่งๆ เย็นชา พอร้ายขึ้นมานี่แทบจะต้องร้องขอชีวิต
อวี๋กานกานรู้สึกท้อใจเล็กน้อยจึงหันไปนั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางฟึดฟัด
ฟังจือหันนั่งลงข้างๆ เธอ เมื่อยื่นมือลูบไล้แก้มปลายนิ้วของเขาสัมผัสผิวนุ่มลื่นราวกับหยกของเธอจนควบคุมอารมณ์ในใจไม่ได้จึงประทับจูบอ่อนโยนไปที่หน้าผากของเธออย่างรักใคร่เอ็นดู
เขาลูบไล้ปลายจมูกของเธอแล้วจงใจพูดด้วยถ้อยคำที่ลึกซึ้ง “ยัยบ๊อง ท่าทางคุณตอนบ๊องๆ ก็ดีเหมือนกันนะ”
อวี๋กานกาน “…”
นี่เรียกว่าชมเธอหรือด่าเธอกันแน่นะ
เธอผลักฟังจือหันออกไปแล้วสบตาเขาด้วยแววตากรุ่นโกรธ “ด่าฉันเหรอ คุณหลอกด่าฉันเหรอ”
“ผมก็แค่อยากรักคุณ”
คำว่ารักคำนี้ต้องเป็นคำกริยาอย่างแน่นอน อวี๋กานกานไม่มีหมดคำพูดนอกจากจ้องหน้าฟังจือหันแล้วเธอไม่รู้ต้องพูดอะไรอีก
ฟังจือหันก้มหน้าต่ำลงมาบดจูบริมฝีปากของเธอ
ไม่ทันได้พูดทำไมถึงจูบเธอแล้วล่ะ อวี๋กานกานขมวดคิ้วมุ่นผลักเขาออกอย่างไม่ทันตั้งตัว สายตาจดจ้องเขาเหมือนกำลังจะพูดว่าอย่าพึ่งซุกซนและรีบพูดให้จบเสียก่อน
ฟังจือหันยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้จึงเอื้อมมือไปโอบกอดแนบแก้มกับเรือนผมของเธอแล้วพ่นลมหายใจข้างหูเธอ “ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน คนที่ผมเลือกก็คือคุณ ยัยบ๊อง…”
ชื่อเรียกนี้ฟังดูแล้วไม่ได้สวยหรูสักเท่าไหร่ แต่กลับถูกเขาเรียกด้วยความรักใคร่
ตอนที่ 482 เสี่ยวอวี๋ vs เสี่ยวอวี๋ คุณเลือกใคร
ชื่อเรียกนี้ฟังดูแล้วไม่ได้สวยหรูสักเท่าไหร่ แต่กลับถูกเขาเรียกด้วยความรักใคร่ เช่นเดียวกับไวน์รสชาติกลมกล่อมที่อยู่ในใจ อวี๋กานกานก็เหมือนคนเมาที่อ่อนปวกเปียกไปทั้งร่าง
เสียงวิ้งๆ ในหัวสมองราวกับถูกคลื่นพลิกไปมาท่ามกลางพายุในทะเล
เธอจ้องเขาแน่นิ่ง ในดวงตาดำขลับเป็นประกายของเขาไม่สื่อถึงสิ่งใด เพียงมีแค่เธอและความรักที่มีต่อเธอเท่านั้น
“ถ้าหากมีวันไหนที่คุณกลับใจแล้ว คุณต้องบอกฉันนะคะ ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่ใช่ของตาย” อวี๋กานกานอิงแอบแนบชิดในอ้อมกอดของเขาฟังเสียงหัวใจเต้นของเขาแล้วพูดอย่างคลุมเครือ
แต่ฟังจือหันกลับได้ยินและเข้าใจชัดเจน
เขาพูดอย่างเสียดายเล็กน้อย “งั้นคงรอไม่ถึงวันนั้นหรอก…”
อวี๋กานกานรู้สึกหวานในใจขึ้นมาทันที
เธอเองก็เอ่ยถามด้วยความเสียดายเหมือนกัน “คุณไม่ยืนยันจริงๆ สักหน่อยเหรอ ถ้าเจอกู้เหยียนอวี๋ขึ้นมา แล้วจู่ๆ คุณนึกเสียใจทีหลังแล้วจะทำยังไงดีล่ะคะ”
คราวนี้ฟังจือหันไม่ได้ตอบเธอแต่กลับยื่นมือโน้มหัวของเธอแล้วยีจนผมเผ้ายุ่งเหยิง อวี๋กานกานอยู่หน้ากระจกเมื่อส่องเห็นว่าผมตนเองฟูเป็นรังนกก็ตกใจก่อนที่จะอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เธอเองก็ยื่นมือไปยีผมของฟังจือหันเช่นกัน
แต่ว่าชายหนุ่มสูงเกินไป ร่างกายจึงโน้มไปข้างหลังเล็กน้อย เธอเอื้อมไม่ถึงแล้วอยากลุกขึ้นเพื่อแกล้งเขา แต่จู่ๆ ชายหนุ่มก็อุ้มเธอขึ้นมา…
บ้านตระกูลกู้
ภายในห้องรับแขกเงียบสงบ ชายวัยกลางคนกำลังนงลงบนโซฟาหนังแท้สีดำ คนหล่ออย่างเขาแม่สวมชุดอยู่บ้านยังดูไม่ธรรมดา เขามีสีหน้าเย็นชาน่าเกรงขามเปล่งประกายวาบวับภายใต้แสงไฟ
หญิงสวยวัยกลางคนถือจานผลไม้เดินออกมา เธอเอาจานผลไม้นั้นวางไว้ที่โต๊ะรับแขกแล้วพูดกับชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม “อาเชิน ฉันเก็บกวาดห้องของเสี่ยวอวี๋เรียบร้อยแล้วค่ะ แทบจะรอให้เสี่ยวอวี๋กลับมาไม่ไหวจริงๆ”
กู้เชินมองแวบหนึ่งแล้วพยักหน้านิ่งๆ
เขาไม่พูดสิ่งใด สีหน้าเย็นชาไม่สื่ออารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
แต่จูอวี้ลู่ซึ่งเป็นคุณนายกู้กลับไม่ได้สนใจ มองไปที่แววตาของสามีเธอด้วยความรักทั้งหมดที่ไม่สามารถหักห้ามได้
สามารถแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดและมีความสุขมากที่สุดแล้ว เธอไม่เคยขอร้องให้เขารักเธอมากมายแค่ไหน เพียงแค่ได้อยู่กับเขา มีลูกให้เขา สามารถเคียงข้างเขา เธอก็พอใจมากแล้ว
ประตูใหญ่ของห้องรับแขกถูกคนผลักเข้ามา
กู้ซูหลิงเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า จิตใจเธอเหม่อลอยใบหน้าซีดเซียวราวกับได้รับการกระทบกระเทือนมาอย่างสาหัส
เมื่อเห็นถึงสภาพของลูกสาว จูอวี้ลู่จึงตกใจรีบลุกขึ้นไปหาด้วยสีหน้าเป็นกังวลและรีบร้อน “หลิงหลิง ลูกเป็นอะไร”
“แม่คะ” กู้ซูหลิงมองแม่ของเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้าราวกับเจอที่ระบาย จู่ๆ ก็ปล่อยโฮกอดจูอวี้ลู่ร้องไห้อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ของเธอ “ทำยังไงดี หนูไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว แต่หนูชอบเขามากจริงๆ ทำยังไงดีคะแม่…”
เมื่อจูอวี้ลู่ได้ยินก็รู้ทันทีว่าลูกสาวของตัวเองเป็นอะไร
เธอกอดปลอบกู้ซูหลิงอย่างอ่อนโยนแล้วถอนหายใจออกมา “หลิงหลิง แม่เคยบอกลูกแล้วไม่ใช่เหรอว่าลูกกับฟังจือหันไม่เหมาะสมกัน ทำไมลูกถึงยังตามตอแยเขาอีก ทำไมถึงต้องเป็นนายฟังจือหันคนนั้นด้วย”
กู้เชินที่นั่งบนโซฟามองไปที่สองแม่ลูกที่กำลังกอดกันร้องไห้จึงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ลูกเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้ ลูกอยากได้ผู้ชายแบบไหน ถ้าลูกยินยอม พรุ่งนี้พ่อจะจัดการนัดทานข้าวดูตัวให้ รับรองว่าไม่ให้น้อยหน้าฟังจือหันเด็ดขาด”
ในรถเงียบมาก สายตาของอวี๋กานานมองฟังจือหันเหมือนมีความหมายลึกซึ้ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กู้ซูหลิงบอกว่ากู้เหยียนอวี๋จะกลับมา
ดังนั้นบอกว่าเรื่องของกู้เหยียนอวี๋ไม่มีอะไรจริงๆ
งั้นกู้เหยียนอวี๋ในใจของฟังจือหันมีตัวตนที่พิเศษอย่างไรกันแน่
แต่ก่อนเธอจะไม่สนใจ
เพราะกู้เหยียนอวี๋ไม่ได้อยู่ใกล้ และนั่นก็เป็นเรื่องราวสมัยเด็กของเธอกับฟังจือหัน ผ่านมาหลายปี ถ้าเธอยังไปวุ่นวายกับกู้เหยียนอวี๋ ถ้าหันมาถามฟังจือหัน ถ้ากู้เหยียนอวี๋ยังอยู่ ระหว่างพวกเราคุณจะเลือกใคร
นั่นก็จะชัดเจนว่ามีแค่เธอคนนี้ที่ไร้สมองกับไร้เหตุผลเป็นพิเศษ
แต่ว่าในตอนนี้กู้เหยียนอวี๋กลับมาแล้ว งั้นเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับคำถามนี้ ฟังจือหันจะสานความสัมพันธ์ครั้งเก่ากับกู้เหยียนอวี๋ไหม
จะคบเธอต่อไป ให้กู้เหยียนอวี๋เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็ก?
หรือเลือกคบกับกู้เหยียนอวี๋ จากนั้นก็บอกเธอว่าขอโทษ และพยายามชดเชยให้เธออย่างที่สุดกันนะ?
คำถามนี้พอคิดก็เกิดความรู้สึกหายใจไม่ออก จินตนาการไม่ออกถ้าเธอถามออกไปและความรู้สึกขณะที่รอคำตอบอยู่
เธอนิ่งเงียบ ฟังจือหันย่อมรับรู้ได้เป็นธรรมดา
กลับไปถึงบ้าน อวี๋กานกานเตรียมจะกลับเข้าห้องนอนอย่างเงียบๆ ชายหนุ่มดึงมือของเธอเอาไว้ “ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย”