ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 164.1
บทที่ 164 อีกแล้วหรือนี่ 4 (1)
อัลเบิร์กขมวดคิ้วสงสัย
“ทำไมล่ะ?”
เขาอยากรู้เหตุผลของคาร์ลก่อนเป็นอันดับแรก คาร์ลกวักมือเรียกเขาให้ขยับไปใกล้เตียง เขาอยากจะสบถใส่หน้าคาร์ลแต่ก็ตัดสินใจที่จะเล่นตามน้ำไปเพราะถึงอย่างไรคาร์ลก็ยังถือว่าเป็นคนป่วยอยู่
คาร์ลเอนร่างของตนไปใกล้กับอัลเบิร์กเพื่อกระซิบที่ริมหูของเขา
“เร็กซ์ตัดสินใจที่จะร่วมมือกับเราพะย่ะค่ะ”
‘เร็กซ์?’
อัลเบิร์กจำไม่ได้ว่าคนที่คาร์ลเอ่ยถึงคือใครแต่เมื่อเหลือบมองเส้นผมสีแดงสดของคาร์ลก็ทำให้เขานึกออกทันที
อัลเบิร์กสบตาเข้ากับคาร์ล
“เจ้านี่..บ้าจริงๆ!”
อัลเบิร์กอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา คาโรที่ติดตามอัลเบิร์กมาด้วยถึงกับสะดุ้งโหยงแต่ก็รีบเก็บอาการให้เป็นปกติเมื่อเห็นสีหน้าราบเรียบขององครักษ์ประจำตัวคาร์ล
“อธิบายมา”
คาร์ลจึงเริ่มอธิบายให้อัลเบิร์กฟังทันที
“หม่อมฉันมั่นใจว่าข้อมูลของเร็กซ์จะแพร่กระจายไปยังขุนนางทั่วทั้งเมืองหลวง”
อัลเบิร์กพยักหน้าเห็นด้วย แม้แต่คนต่างอาณาจักรเช่นพวกเขาก็ยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอัศวินที่มีนามว่าเร็กซ์ อัลเบิร์กนึกถึงข้อมูลบางส่วนที่เขาได้รับมา
อัศวินผู้นี้มาจากสลัม
“….สลัม?”
คาร์ลตอบสนองต่อความเห็นของอัลเบิร์กที่เริ่มทะลักออกมาราวสายน้ำหลั่ง
“เขาเป็นคนที่หลบหนีออกจากหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุและรู้ความจริงทั้งหมดพะย่ะค่ะ”
“..เราต้องรีบช่วยเขา”
คาร์ลจึงเอ่ยแทรกทันทีที่ได้ยินว่าอัลเบิร์กจะช่วยเร็กซ์
“หม่อมฉันช่วยเขาแล้วพะย่ะค่ะ”
คาร์ลมองไปที่อัลเบิร์กซึ่งนั่งนิ่งไปทันทีเมื่อเขาพูดจบ ดูเหมือนอัลเบิร์กจะตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
อัลเบิร์กอาจไม่รู้เรื่องเครื่องมือพระเจ้าแต่เรื่องอื่นๆเขาต้องมีข้อมูลพอสมควร
นักบวชและหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์รวมไปถึงนักเล่นแร่แปรธาตุที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหอระฆัง
คาร์ลได้รับข้อมูลเกี่ยวกับหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุและแผนการต่างๆของจักรวรรดิผ่านพวกเขา นั่นคือสาเหตุที่อัลเบิร์กจะต้องเห็นประโยชน์ของเร็กซ์อย่างแน่นอน
อัลเบิร์กเริ่มพูด
“อย่าบอกนะว่าคนผู้นั้นเกี่ยวข้องกับการที่เจ้าจะก้าวไปเป็นวีรุบุรุษคนใหม่?..ไม่ใช่ว่าเจ้าเกลียดการเป็นจุดสนใจหรืออย่างไร?”
คาร์ลที่อัลเบิร์กรู้จักไม่ใช่คนที่ชอบเป็นจุดสนใจ แน่นอนว่าคาร์ลเองก็ยอมรับความจริงในข้อนี้
“หม่อมฉันเกลียดมันจริงๆพะยะค่ะ”
มีข้อจำกัดมากมายเมื่อต้องก้าวไปเป็นจุดสนใจของผู้อื่นและยังต้องมาคอยใส่ใจกับวิธีที่เราจะปฏิบัติต่อคนอื่นอีกด้วย แม้ว่าคาร์ลจะเป็นคนประเภทที่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะนึกคิดอย่างไรกับตนเองแต่การที่ไม่ได้อยู่ในจุดที่แสงไฟส่องใส่ร่างก็ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เขาจะสามารถใช้ชีวิตแบบคนขี้เกียจได้อย่างสงบสุข
แต่กรณีย่อมต่างออกไป
คาร์ลจึงเอ่ยตอบอัลเบิร์กออกไปซึ่งกำลังจ้องเขม็งมาที่เขาอยู่
“แต่มันก็ไม่เป็นไรพะย่ะค่ะ..หม่อมฉันอาจทนรำคาญไปสักพักก่อนที่จะผลักดันให้วีรบุรุษคนใหม่ปรากฏโฉมออกมาในอนาคตข้างหน้า..แล้วนั่นจะทำให้ผู้คนค่อยๆลืมชื่อของหม่อมฉันไป”
“เฮ้อ..”
อัลเบิร์กยกมือขึ้นมาลูบหน้าของตนเบาๆ
“ถ้าให้ข้าเดา..เจ้ากำลังวางแผนให้เร็กซ์ก้าวมาเป็นวีรบุรุษสินะ”
คาร์ลอมยิ้ม
“ในเมื่อเราทำให้ประชาชนชาวจักรวรรดิเสื่อมศรัทธาต่อเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางแล้ว..มันจะไม่ดีกว่าหรือพะย่ะค่ะ?หากเราสร้างใครสักคนเข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้”
อัลเบิร์กไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะเขาเห็นด้วยกับความคิดของคาร์ล
“อัศวินผู้มาจากสลัม..นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่พยายามจะสังหารหัวหน้าหอระฆังเพื่อเปิดโปงความจริงที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้อีกนะพะย่ะค่ะ”
สายตาที่อัลเบิร์กสบเข้ากับคาร์ลนั้นมีประกายเหมือนกันไม่มีผิด
“ดี!..ดี!..ดีมาก!”
อัลเบิร์กพอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขาจะได้เปรียบตราบใดที่เร็กซ์ยังไม่ได้ถูกทางจักรวรรดิจับตัวไป
‘ข้ามั่นใจว่า..คาร์ลจะต้องซ่อนตัวเร็กซ์เป็นอย่างดี’
คาร์ลน่าจะหาที่ซ่อนอันปลอดภัยให้แก่เร็กซ์ได้
“มันจะเป็นประโยชน์ต่อข้าเช่นกันหากเจ้าได้รับเหรียญกล้าหาญและเป็นที่นิยมขึ้นมา”
การปฏิบัติตัวของทางจักรวรรดิที่มีต่ออาณาจักรโรมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
จักรวรรดิมุ่งความสนใจไปที่ขุนนางระดับสูงของตนเองเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถดูแลขุนนางระดับกลางและระดับล่างได้เต็มที่
นอกจากนี้พวกเขายังต้องป้องกันไม่ให้ข่าวการลอบสังหารหัวหน้าหอระฆังแพร่ออกไปอีกด้วย
นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาไม่ได้ปิดข่าวกับสิ่งที่คาร์ลทำออกไป พวกเขาไม่มีปัญหาใดๆหากข่าวของคาร์ลจะแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง เนื่องจากคาร์ลเป็นขุนนางต่างอาณาจักรซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวจักรวรรดิน้อยที่สุด มันจึงกลายเป็นจุดสนใจที่ยิ่งใหญ่เพิ่มขึ้น
ต้องขอบคุณการกระทำของคาร์ลที่ทำให้ข่าวนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะเป็นขุนนางต่างอาณาจักรแต่ความจริงที่ว่าเขาได้ป้องกันเหตุการณ์ก่อการร้ายของจักรวรรดิไว้ได้และความจริงที่ว่าชาวจักรวรรดิไม่ได้รับข่าวดีเลยตั้งแต่ทำสงครามกับอาณาจักรวิปเปอร์ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่น่ายิ่งใหญ่สำหรับชาวจักรวรรดิ
อัลเบิร์กตัดสินใจลุกขึ้นเพราะยังมีอีกหลายอย่างที่เขาต้องไปจัดการ
“นอนพักผ่อนซะ..ข้าคงต้องกลับก่อน”
“พะย่ะค่ะองค์ชาย”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับก่อนจะเอนกายนอนลงทันที อัลเบิร์กอมยิ้มน้อยๆให้กับท่าทางของคาร์ลแต่ก็รีบแสดงสีหน้ากังวลทันทีที่เปิดประตูห้องออกไป
“นายน้อยคาร์ลเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ?”
อัลเบิร์กเหลือบมองดัลตาโร่และตัวแทนจักรวรรดิที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาส่ายศีรษะเล็กน้อยแต่คำพูดที่ออกมาจากปากของอัลเบิร์กนั้นแตกต่างจากการกระทำของเขา
“นายน้อยคาร์ลไม่เป็นอะไร”
คำพูดและการกระทำที่สวนทางกันขององค์ชายอัลเบิร์กกลับส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของดัลตาโร่มากขึ้น เขาลังเลว่าตัวเองจะเข้าไปเยี่ยมและสอบถามอาการนายน้อยคาร์ลถึงด้านในดีหรือไม่? อย่างไรก็ตามประโยคที่อัลเบิร์กเอ่ยขึ้นหลังจากนั้นทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“เมื่อวานนี้เขาฝืนใช้พลังตัวเองมากเกินไป..เราควรให้เขาพักผ่อนจะดีกว่า”
“พะย่ะค่ะองค์ชาย”
“เรามีเรื่องที่ต้องไปจัดการกันอีกเยอะทีเดียว”
“พะย่ะค่ะ”
ดัลตาโร่เห็นด้วยกับอัลเบิร์ก
อัลเบิร์กแวะมาเยี่ยมคาร์ลระหว่างเดินทางไปพบกับองค์ชายเอดินซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ นั่นคือเหตุผลที่ดัลตาโร่อยู่กับอัลเบิร์กที่นี่ในฐานะหัวหน้านักการทูต
“ไปกันเถอะ”
ดัลตาโร่และคนอื่นๆรีบเดินออกจากบริเวณห้องพักของคาร์ลทันทีตามคำสั่งของอัลเบิร์ก
.
.
.
ในขณะที่คาร์ลกำลังเอนหลังพิงเตียงนอนและทานคุกกี้ที่ราอนนำมาให้นั้น เชวฮันซึ่งไปปฏิบัติภารกิจมาทั้งคืนและได้กลับมาพักผ่อนเป็นที่เรียบร้อยก็ค่อยๆเข้าไปกระซิบข้างหูคาร์ล
“บิลอสให้กระผมมาสอบถามท่านคาร์ล..ว่าเขาสามารถเข้าพบท่านได้หรือไม่?”
“พาเขามาพบข้าได้เลย”
เชวฮันเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งตามคำสั่งของคาร์ล ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาบิลอสจากสมาคมการค้าฟลินน์ก็ก้าวเข้าไปในห้องพักของคาร์ลโดยแจ้งว่าเขานำชาคุณภาพดีเพื่อช่วยให้คาร์ลได้ผ่อนคลายจากอาการบาดเจ็บ
บิลอสทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงนอนของคาร์ล พร้อมทั้งใช้มือปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของตนอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าอวบอ้วนของบิลอสมีเหงื่อท่วมแม้ว่ามันจะเป็นช่วงกลางของฤดูหนาวก็ตาม
คาร์ลเอ่ยกับบิลอสทันที
“ขอบคุณเจ้ามาก”
“นายน้อยคาร์ล!”
ท้ายที่สุดบิลอสก็เอ่ยเสียงลอดไรฟันเพื่อเอ่ยเรียกคาร์ล
“อะไร?”
ปฏิกิริยาตอบรับจากคาร์ลทำให้บิลอสถึงกับพูดอะไรไม่ออก
บิลอสนึกถึงเร็กซ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักตากอากาศของเขา มันเป็นบ้านพักที่ตั้งอยู่ในจุดที่ลับที่สุดยากที่จะมีใครรู้จักที่นั่นได้ เร็กซ์กำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น ไม่ใช่สิ! พวกเขาขังเร็กซ์ไว้ที่นั่นต่างหาก
บิลอสหันไปมองเชวฮันเมื่อนึกถึงค่ำคืนที่แสนวุ่นวาย เชวฮันกำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนเมื่อพวกเขาเผลอสบตากันเข้าพอดี
อย่างไรก็ตามท่าทางขึงขังของเชวฮันเมื่อเริ่มอพยพสมาชิกในองค์กรและครอบครัวของเร็กซ์ก่อนที่จะนำตัวเร็กซ์ไปขังไว้ในบ้านพักตากอากาศของเขาอย่างลับๆนั้น ยังคงฉายชัดอยู่ในหัวของเขาเป็นอย่างดี
เร็กซ์ต้องการจะอยู่เคียงข้างคนของตนเองเพื่อปกป้องพวกเขาอีกครั้งแต่บิลอสไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ สมาชิกคนอื่นๆจะสามารถเอาตัวรอดได้หากใช้เส้นทางลับและไปซ่อนตัวในถ้ำที่แม้แต่คนในสลัมก็แทบไม่รู้จัก โอกาสรอดของพวกเขามีความเป็นไปได้สูงเพราะฝ่ายจักรวรรดิไม่รู้ตัวตนของพวกเขาทั้งหมด แต่คนอย่างเร็กซ์ซึ่งเป็นคนที่ทางจักรวรรดิต้องการตัวมากที่สุดย่อมต้องหาที่ซ่อนที่ปลอดภัยและสามารถป้องกันพลังเวทย์ได้
บ้านพักตากอากาศของบิลอสมีโล่ป้องกันพลังเวทย์ได้ทุกประเภทเพราะมันเป็นแหล่งกบดาบของ‘โอเดียส’ลุงของเขานั่นเอง สำหรับคนที่เป็นใหญ่ในตลาดมืดของอาณาจักรโรมันจำเป็นต้องมีสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อให้เขาซ่อนตัวเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น
บิลอสนึกถึงสิ่งที่เชวฮันพูดกับเร็กซ์เมื่อเขาจับเร็กซ์ขังไว้ที่นั่น
‘เจ้าไม่ต่างจากลูกระเบิดสักนิด..เจ้ามันคือตัวอันตรายหากเจ้าออกไปก็เท่ากับหาเรื่องตายชัดๆ! เจ้าจะเป็นคนฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้!..ดังนั้นก็อยู่เงียบๆให้เหมือนกับหนูที่ตายไปแล้วซะ!’
บิลอสไม่คาดคิดว่าประโยคเหล่านี้จะออกมาจากปากเชวฮันคนที่เขาเชื่ออย่างสุดใจว่าเป็นคนที่อ่อนโยนและใสซื่อกว่าใครๆ
‘เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า..คนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอาจต้องเสียสละกันบ้างเพื่อช่วยให้เจ้าอยู่รอด!..ก็เหมือนกับข้าที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนในครอบครัวให้ปลอดภัย!’
บิลอสไม่คิดว่าเชวฮันจะมีความคิดเช่นนี้ เท่าที่เขารู้มาเชวฮันไม่มีครอบครัวเหลืออยู่ เขาไม่มีญาติพี่น้องที่เป็นสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำ
‘ครอบครัวที่เชวฮันหมายถึงคงเป็น…….’
คาร์ลยิงคำถามใส่บิลอสไปตรงๆเมื่อไม่เห็นเขาพูดอะไรออกมาเสียที นั่นทำให้บิลอสรีบเบือนหน้าออกจากเชวฮันทันที
“เจ้ามองอะไรอยู่?”
“อ่า..เปล่าขอรับ”
บิลอสรีบปัดเรื่องนี้ออกจากหัวก่อนจะหยิบกระเป๋าเวทย์ออกมา
“นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการ”
คาร์ลชี้ไปที่โต๊ะเพื่อให้บิลอสวางมันไว้ตรงนั้นซึ่งบิลอสก็รีบทำตามทันที จากนั้นคาร์ลก็ถามออกมา
“เจ้าทราบข้อมูลของอาณาจักรคาโรมากน้อยเพียงใด?”
“..อะไรนะขอรับ? ทำไมจู่ๆก็ถามเรื่องอาณาจักรคาโรขึ้นมา?”
บิลอสคาดว่าจะได้พูดคุยกับคาร์ลเรื่องอื่นในวันนี้ ในเมื่อเขาเป็นพ่อค้าจึงค่อนข้างคาดหวังว่าจะได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาและคาร์ลเองก็สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ให้เขามาโดยตลอด แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาก็มั่นใจว่าต้องมีเหตุผลรองรับและจะสร้างผลประโยชน์มหาศาลให้กับเขาได้
นั่นคือเห็นผลที่เขาต้องการได้รับผลประโยชน์จากการยอมเสี่ยงทำสิ่งที่อันตรายในเมื่อคืนที่ผ่านมา
“เอ่อ…นายน้อยคาร์ล..กระผมคิดว่าต้องรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้ท่านทราบก่อน”
“ไม่จำเป็น”
“ขอรับ?”
“ข้ามั่นใจว่าเจ้าสามารถจัดการทุกอย่างได้”
บิลอสหุบปากฉับทันที
ก่อนหน้าที่จะเข้ามาในพระราชวัง บิลอสได้รวบรวมข้อมูลที่ทราบมาจากเชวฮันรวมไปถึงข้อมูลทุกๆชิ้นที่เขาสามารถรวบรวมมาได้จากทุกมุมของเมืองหลวงเพื่อยันยันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ตำหนักแสงตะวัน แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองแต่ก็พอทราบมาว่ามันเป็นตำหนักขนาดใหญ่ ที่ดูหรูหราสวยงาม และเมื่อคืนที่ผ่านมาปีกฝั่งหนึ่งของตำหนักได้ถล่มลงมา
คนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้คือคนที่ป้องกันไม่ให้มันถล่มลงมา
จากนั้นเขาก็กระอักเป็นเลือดและจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเพื่อให้กลับมาพักฟื้นในห้องพักของเขาได้
วันนี้บิลอสเองก็รู้สึกว่าคาร์ลดูซีดกว่าปกติเช่นกัน จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคาร์ลเอ่ยถามเขาออกมา
“บิลอส..เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงทิ้งงานนั้นให้เจ้าทำล่ะ?”
แน่นอนว่าคาร์ลได้กำหนดคำตอบไว้เรียบร้อยแล้ว
บิลอสจึงตอบออกมาเบาๆ
“…เป็นเพราะท่านเชื่อใจ”
“ถูกต้อง”