ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 173.1
บทที่ 173 เล่ห์เหลี่ยม 1 (1)
คาร์ลและสมาชิกในกลุ่มเดินทางกลับไปยังโรงแรมที่เคยเข้าพัก ดูเหมือนเขาจะออกจากหมู่บ้านเอลฟ์ทันทีทีเอนหลังพิงเบาะนุ่มและแช่เท้าในบ่อน้ำร้อนได้เพียงครู่เดียว
~ มนุษย์!.มันสนุกมากเลย! ข้าช่างยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่จริงๆ ~
ในทางตรงกันข้ามราอนที่ใช้เวทย์ล่องหนอำพรางกายกลับเต็มไปด้วยพลังงานอันล้นหลาม ส่วนวาฬเพชรฆาตอาร์ชีกำลังพึมพำกับตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ
“…เจ้าพวกงั่งพวกนั้น!”
พวกงั่งที่อาร์ชีกล่าวถึงคือพวกเอลฟ์ในหมู่บ้านเอนด์
คาร์ลเงยหน้ามองเพดานและนึกถึงภาพของพวกเอลฟ์ที่ล่ำลาพวกเขาทั้งน้ำตา
‘ท่านจะไปจริงๆหรือขอรับ?..ท่านพักที่นี่เพียงครู่เดียวเท่านั้น!..ข้าน้อยเศร้าใจยิ่งนัก!’
‘ราวกับพวกเราได้มองเห็นแสงอาทิตย์อันสวยงามภายใต้ทะเลสาบน้ำแข็งแห่งนี้..มันเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานานหลายปี! ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่แสนมีความสุขตราบชั่วชีวิตของข้าน้อย!’
พวกเอลฟ์ต่างร้องไห้คร่ำครวญเมื่อเอ่ยสิ่งเหล่านี้แก่ราอน
‘ไม่ต้องห่วง!..ข้าจะกลับมาอีกครั้งและจะพาท่านปู่มังกรทองมาด้วย!’
พวกเอลฟ์ต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความชอบใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ราอนเอ่ยขึ้น คาร์ลรู้สึกเหนื่อยหลังจากฝ่าวงล้อมของพวกเอลฟ์และธาตุออกมาจากทะเลสาบแห่งความสิ้นหวัง จากนั้นคาร์ลก็ได้ร่ำลากับชายวัยกลางคนผู้เป็นลูกชายหัวหน้าหมู่บ้าน
‘เราไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าต่อกันแล้วใช่มั้ยขอรับ?’
‘ฉันกลายเป็นกลุ่มเดียวกับพวกเอลฟ์เหล่านั้นได้อย่างไร?’
คาร์ลไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรแต่ก็ตัดสินใจที่ปัดเรื่องนี้ออกไปและไม่เก็บมันมาคิดให้รกสมอง
แกร๊ก!
มีแก้วไวน์วางตรงหน้าคาร์ล
“นี่คืออะไร?”
นี่เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่พวกเขาเคยเข้าพักก่อนจะออกเดินทางไปยังทะเลสาบแห่งความสิ้นหวัง คาร์ลจ้องไปยังหญิงชราเจ้าของโรงแรมเมื่อเอ่ยถามหาเหตุผลว่าทำไมจึงมอบไวน์แก้วนี้ให้กับเขา หญิงชรากวาดสายตาไปมองกลุ่มของคาร์ลและเริ่มพึมพำกับตนเองเบาๆ
“…ดูเหมือนพวกท่านจะมีชีวิตรอดกลับมา”
คาร์ลได้กล่าวบางอย่างทิ้งท้ายให้กับหญิงชราผู้สูญเสียลูกสาวและลูกเขยไปในทะเลสาบแห่งความสิ้นหวัง
‘ข้าต้องมีชีวิตรอดกลับมาและจะมาดื่มเหล้าที่โรงแรมของท่านอีกครั้ง’
ดวงตาของหญิงชราเริ่มสั่นระริกก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยติดตลกขึ้นมา
“ไม่เสียเงินใช่มั้ย?”
“ท่านนี่มันร้ายจริงๆ! ท่านดูรวยจะตายไป!”
หญิงชราเริ่มยิ้มออกก่อนจะหันไปมองข้างๆศีรษะคาร์ลและเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว
“…ดูเหมือนร่างกายของท่านจะอบอุ่นดี..คงไม่จำเป็นต้องดื่มเพื่อให้ร่างกายอุ่นไปกว่านี้แล้วล่ะ! แค่แก้วเดียวก็คงพอแล้วกระมัง”
‘อบอุ่น’
ทั้งคาร์ลและราอนต่างชะงักไปทันที
~ มนุษย์!.ท่านยายคนนี้ท่าทางแปลกๆ! ~
ไม่ทันที่คาร์ลจะได้เอ่ยถามอะไร หญิงชราก็เดินกลับไปนั่งเก้าอี้ข้างเตาผิงอีกครั้ง ซัลลี่หลานชายเจ้าของโรงแรมเป็นฝ่ายเดินมาหาคาร์ลแทนแต่สายตาของคาร์ลยังคงจ้องเขม็งไปที่หญิงชราเช่นเดิม
“..ท่านยายให้ข้านำของว่างมาให้ท่านด้วย”
ซัลลี่ค่อยๆวางจานลงบนโต๊ะอย่างบรรจงแต่สีหน้าและท่าทางกลับเต็มไปด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม
เขาอยากรู้เรื่องทะเลสาบแห่งความสิ้นหวังให้มากกว่าเดิมและอยากรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ใช้วิธีใดถึงสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ในขณะที่พ่อและแม่ของเขาต้องจบชีวิตลงที่นั่น เขายังสงสัยอีกว่าคนพวกนี้เป็นใครกันแน่?แต่ก็ดีใจกับพวกเขาที่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาอีกครั้ง
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นมีบางอย่างกำลังดึงดูดความสนใจจากเขาไป
“..เอ่อ..คือว่า?”
เขาไม่สามารถระงับความอยากรู้ของตนไว้ได้จึงเริ่มเอ่ยออกไปเบาๆ
สีผมและกระสีน้ำตาลของซัลลี่ทำให้เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มไร้เดียงสาซึ่งต่างจากคาร์ลที่มีผมสีน้ำตาลจากการใช้พลังเวทย์ ซัลลี่ผู้ไม่เคยได้ก้าวออกไปจากหมู่บ้านเล็กๆซึ่งติดทะเลสาบแห่งความสิ้นหวังขยี้ตาของเขาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูด
“เอ่อ..คือว่า..ท่าน?”
คาร์ลเริ่มอึดอัดใจ เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้จ้องมาที่เขาแต่กลับหันไปมองด้านข้างเล็กน้อย หากจะพูดให้ชัดขึ้นต้องบอกว่าเขากำลังมองไปยังจุดว่างเปล่าข้างๆศีรษะคาร์ล
แววตาของคาร์ลไหววูบไปครู่หนึ่ง
ซัลลี่เริ่มพูดอีกครั้ง
“เอ่อ…ข้าต้องขอโทษท่านด้วย!..ข้าไม่แน่ใจว่าตาข้าฝาดไปหรือเปล่า?แต่มันแปลกมากจริงๆ”
เขาพึมพำเสียงแผ่วก่อนจะชี้ไปยังจุดกึ่งกลางระหว่างศีรษะของคาร์ลและเชวฮัน
“ดูเหมือนจะมีลูกไฟสีแดงเล็กๆอยู่ตรงนั้น!..มันมีลักษะกลมๆคล้ายลูกบอลขนสัตว์สีแดง? นี่ข้าหลอนไปหรือเปล่า? อ่า..ข้าต้องผิดปกติไปแน่ๆ!”
ซัลลี่ขยี้ตาตนเองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามดูเหมือนลูกไฟสีแดงจะยังคงปักหลักอยู่ข้างๆศีรษะคาร์ลเช่นเดิมแม้ว่าเขาจะขยี้ตากี่ครั้งก็ตาม
คาร์ลเริ่มคิดบางอย่างในใจ
‘มันทำให้ฉันรู้สึกแย่’
‘เขาเป็นผู้ใช้พลังแห่งธาตุงั้นรึ?’[1]
คาร์ลไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นราอนก็พูดบางอย่างเข้ามาในหัว
~ มนุษย์!.ดูเหมือนเขาจะมองเห็นธาตุได้! ~
แน่นอนว่าคาร์ลในตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นลูกไฟสีแดงที่ลอยอยู่ข้างๆศีรษะของตนได้ ราอนและคนอื่นๆก็มองไม่เห็นเช่นกัน
นั่นก็เพราะธาตุกำลังประหยัดพลังงานเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับตนเองจากอากาศหนาว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็มีโอกาสได้เห็นลูกไฟสีแดงที่ใต้ทะเลสาบแห่งความสิ้นหวังมาก่อนเมื่อนักบวชอดิทส่งยิ้มแหยๆให้กับพวกเขาพร้อมกับแสดงลูกไฟดวงนี้ให้ดู
‘เอ่อ…ท่านคาร์ลเจ้าคะ?’
ใบหน้าของอดิทเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเริ่มเอ่ยบางอย่างกับคาร์ล
‘ถ้าไม่เป็นการรบกวนท่านเกินไป..หนึ่งในพวกเรา..เอ่อ..อะแฮ่ม!ธาตุไฟเด็กน้อยของเราเพิ่งเกิดมาได้ไม่นานนัก…มันมีอายุน้อยกว่าหนึ่งปีเจ้าค่ะ..มันต้องการพาพวกท่านไปส่งที่ปากทางเข้าหมู่บ้านนอกทะเลสาบนั่น..ท่านไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่หากให้ธาตุไฟดวงนี้เป็นผู้ไปส่ง’
ลูกไฟที่มีลักษณะทรงกลมคล้ายขนสัตว์สีแดงมันอยู่ในรูปโปร่งใสพอให้เห็นได้รางๆ มันเริ่มลอยไปข้างๆศีรษะของคาร์ลทันที คาร์ลจ้องไปที่อดิทพร้อมกับตั้งคำถามผ่านสายตาว่านี่คือภาระแบบไหนกันแน่?แล้วเธอจะให้มันไปส่งเขาทำไม? อดิทเข้าใจในสายตานั้นจึงเริ่มอธิบายอย่างรวดเร็ว
‘ธาตุดวงนี้ยังไม่เลือกรูปร่างของตนเองแต่มันสามารถสร้างความอบอุ่นให้กับท่านได้หากให้มันติดตามท่านไปด้วย..ธาตุจะเปลี่ยนรูปร่างของตนก็ต่อเมื่อเจอสิ่งที่ตนเองต้องการเจ้าค่ะ’
ลูกไฟขนสัตว์สีแดงดวงนี้ไม่ได้กำหนดรูปร่างของตนเองให้แน่ชัดแต่มันก็ยังเป็นธาตุไฟ อดิทพูดต่อเมื่อเห็นว่าคาร์ลยังขมวดคิ้วมุ่น
‘ธ..ธาตุตนนี้กล่าวว่ามันเคารพในตัวท่านคาร์ลยิ่งนัก..มันต้องการคุ้มกันท่านไปถึงจุดหมาย—เอ่อ..ไม่ใช่สิ!.มันแค่เคารพท่านด้วยใจจริง’
‘เคารพข้างั้นรึ?’
อดิทตอบอย่างมั่นใจ
‘เจ้าค่ะ!..มันบอกว่าไม่เคยเห็นไฟที่มีพลังทำลายล้างและบ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน..มันต้องการเป็นแบบนั้นเจ้าค่ะ!’
คาร์ลตอบกลับทันทีเมื่อเข้าใจในที่สุดว่าทำไมธาตุไฟดวงนี้จึงเคารพเขา
‘เราจะแยกกันทันทีเมื่อไปถึงหมู่บ้านแล้ว..เข้าใจหรือไม่?’
‘เจ้าค่ะ!’
อดิทรับคำอย่างกระตือรือร้นก่อนที่ลูกไฟสีแดงจะลอยไปอยู่ด้านหลังของคาร์ลและค่อยๆเลือนหายไปจนอยู่ในสภาพโปร่งใสอย่างสมบูรณ์ มันตามพวกเขามาที่โรงแรมด้วยสภาพโปร่งใสและไม่มีใครเห็นมัน
‘แต่หมอนี่เห็นธาตุที่อยู่ในสภาพโปร่งใสด้วยหรือ?’
คาร์ลมองไปที่ซัลลี่ซึ่งยังคงขยี้ตาตัวเองต่อไปราวกับเห็นผี หลังจากนั้นคาร์ลก็ย้ายสายตาไปที่หญิงชรา เขาจำสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่ได้
‘..ดูเหมือนร่างกายของท่านจะอบอุ่นดี..คงไม่จำเป็นต้องดื่มเพื่อให้ร่างกายอุ่นไปกว่านี้แล้วล่ะ! แค่แก้วเดียวก็คงพอแล้วกระมัง’
คาร์ลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนึกถึงประโยคนั้น คำว่า‘ผู้ใช้พลังแห่งธาตุ’ก็ติดอยู่ในใจของเขาเช่นกัน คาร์ลหันกลับมามองซัลลี่อีกครั้ง
“อ๊ากกกก!!!”
จู่ๆซัลลี่ก็ตะโกนขึ้นมาและยกมือปิดหน้าตนเองเอาไว้ด้วยความตกใจ
เคร้ง!
ถาดร่วงไปที่พื้นจนเกิดเสียงดัง
“ลูกไฟสีแดงลอยมาหาข้าแล้ว!”
ความตกใจปรากฏเต็มใบหน้าของซัลลี่เมื่อเขาหันไปมองรอบๆอย่างขอความช่วยเหลือ ในขณะที่หางตาก็เหลือบเห็นลูกไฟสีแดงลอยอยู่รอบตัวของเขา
คาร์ลหันขวับไปมองหญิงชราทันที ซึ่งเธอกำลังฉีกยิ้มยิงฟันให้กับเขาอยู่
“สามีของข้าเคยบอกเอาไว้ว่าพวกมันคือธาตุ”
หญิงชราสบตาเข้ากับคาร์ลเมื่อเริ่มพูดต่อ
“ข้ารู้สึกโล่งใจที่ลูกสาวข้ามองไม่เห็นพวกมัน..ข้ากังวลว่านางจะเป็นเหมือนข้าที่สามารถมองเห็นพวกมันได้”
พวกมันที่หญิงชรากล่าวถึงต้องเป็นธาตุอย่างแน่นอน
คาร์ลเห็นความเสียใจในแววตาของเธอ
“เป็นเพราะข้าถูกพวกมันล่อลวง..ข้านั่งสิ้นแรงอยู่ในดินแดนแห่งความสิ้นหวังเพื่อที่จะได้เห็นพวกมันอีกครั้งแต่ทะเลสาบบ้านี่!กลับเป็นฝ่ายล่อลวงผู้คนให้ไปหาแม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นธาตุแบบข้าก็ตาม”
หญิงชราหันไปมองหลานชายของตน
เธอรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้เห็นพวกมันมานานหลายสิบปี มันเจ็บปวดที่ได้เห็นประกายของธาตุอันแสนสวยงามซึ่งปฏิเสธที่จะเข้าหาเธอ
อย่างไรก็ตามหลานชายของเธอกลับมองเห็นพวกมันได้
“…ข้าไม่เคยคิดว่าพวกมันจะเข้าหาใครก่อน”
เธอไม่เคยเห็นธาตุตนใดเป็นฝ่ายเข้าหามนุษย์ก่อน หญิงชรามองสลับไปมาระหว่างซัลลี่ ธาตุลูกไฟและคาร์ล เธอยิ้มหยันเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกไฟสีแดงลอยมาหาเธอใกล้ๆ
“ท่านแสดงสิ่งที่ไร้ประโยชน์ให้หลานชายข้าได้เห็น..ข้าคงต้องเก็บเงินค่าไวน์แล้วล่ะ!”
คาร์ลส่ายศีรษะปฏิเสธ
“ในเมื่อท่านมาตั้งมันตรงหน้าข้าเองแล้วจะมาเก็บเงินข้าได้อย่างไรล่ะ?”
เชวฮันและอาร์ชีหันไปมองคาร์ลพร้อมกันเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลเอ่ยออกมา อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้สนใจพวกเขาเมื่อยังพูดกับหญิงชราต่อ
“แต่อาหารว่างพวกนี้..ข้าจะจ่ายเงินให้กับท่านเอง”
“ท่านช่างเป็นเด็กอารมณ์ขันเสียจริง!..ลักษณะและท่าทางของท่านคงเป็นขุนนางอย่างแน่นอน”
สมาชิกในกลุ่มคนอื่นๆต่างดูแลชายหนุ่มผู้นี้เป็นพิเศษ เธอมั่นใจในสายตาของตัวเองว่าไม่มีทางสังเกตคนพลาด แน่นอนว่าคาร์ลไม่สนใจเรื่องนี้เมื่อหันไปมองซัลลี่แทน
‘ฉันไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะเป็นผู้ใช้พลังแห่งธาตุ’
[1]Elementalist/ผู้ใช้พลังแห่งธาตุ คืออาชีพหนึ่งในนิยายหรือเกมแฟนตาซีเป็นอาชีพที่ใช้พลังเวทย์จากธาตุต่างๆของธรรมชาติ ไฟที่เผาผลาญศัตรู ลมที่ปัดเป่าศัตรู และพลังของดินที่ช่วยเสริมให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้ Elementalistไม่ใช่อาชีพที่แข็งแกร่งนักในการต่อสู้ด้วยพละกำลังแต่เพราะสามารถใช้พลังเวทย์ได้จึงสามารถทดแทนส่วนนี้ไปได้