ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 197.1
บทที่ 197 มังกรอยู่ที่นี่ด้วยรึ? 2 (1)
ปี๊บบบบบ!!~~~~~ ปี๊บบบบบ!! ~~~~~
อุปกรณ์เวทย์สื่อสารทั้งหมดส่องสว่างเป็นแสงสีแดงอย่างต่อเนื่อง
‘บาเซ็น เฮนิตัส’ บุตรชายคนรองของตระกูลเฮนิตัสมองออกไปนอกหน้าต่างจากห้องควบคุมอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร ห้องนี้ตั้งอยู่บนหอคอยชั้นสูงสุดของปราสาทเฮนิตัส
แม้ว่านี่จะเป็นห้องที่กำลังยุ่งและวุ่นวายที่สุดของอาณาเขตเฮนิตัสในตอนนี้แต่ทุกคนที่มีภาระงานอยู่ในห้องกำลังยืนนิ่งพร้อมกับความว่างเปล่าบนใบหน้า นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงโดยเฉพาะบาเซ็นที่กำลังถืออุปกรณ์เวทย์สื่อสารอยู่ในมือแล้วด้วย เขายังคงยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี ทันใดนั้นเสียงของคนผู้หนึ่งก็ดังลอดออกมาจากอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร
[“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ให้ตายเถอะ!”]
มันเป็นเสียงขององค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก ครอสแมน
ปัจจุบันเขากำลังเฝ้าดูสถานการณ์ในเมืองเรนผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร เขามองเห็นโล่ป้องกันของคาร์ลรวมถึงจำนวนไวย์เวิร์นที่มากกว่าที่คาดเอาไว้ นอกจากนี้ยังเห็นโครงกระดูกของสัตว์ประหลาดจำนวนหลักร้อยและโครงกระดูกมังกรอีกด้วย
‘เจ้าบ้านี่!..ช่างบ้าระห่ำเสียจริง’
เขาคิดว่าคาร์ลบ้าเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่านิ้วมือของตนเริ่มเย็นเฉียบเมื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร
‘เราทำมันได้พะยะค่ะ..เราต้องทำได้อย่างแน่นอน!’
‘องค์ชายพะย่ะค่ะ..ทั่วทั้งอาณาจักรของเราจะมีวีรบุรุษถือกำเนิดขึ้น’
เจ้าบ้านี่ไม่เคยพูดในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่อัลเบิร์กเลือกที่จะเชื่อใจคาร์ลและภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้เป็นสิ่งที่เกินคาดจริงๆ
‘องค์ชายพะย่ะค่ะ..หลังจากนี้เป็นต้นไปอาณาเขตเฮนิตัสจะไม่สนใจการติดต่อใดๆจากวิหารทั่วทั้งทวีปพะย่ะค่ะ’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลพูดเอาไว้ก่อนจะเรียกหมอผีออกมาซึ่งอัลเบิร์กก็ตอบกลับอย่างไม่นึกลังเล
‘ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง’
อัลเบิร์กเริ่มพึมพำออกมาเบาๆเมื่อมองเห็นโครงกระดูกขนาดใหญ่มุ่งหน้าไปหาไวย์เวิร์น
[“ดูเหมือนข้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ซินะ”]
จากนั้นเขาก็เริ่มยิ้ม
อย่างไรก็ตามมีบางคนที่ไม่สามารถยิ้มได้ในขณะนี้
นั่นก็คืออัศวินผู้พิทักษ์โคลเปย์ผู้มีความฝันอยากจะสร้างตำนานสยบท้องเวหา ใบหน้าของเขาแข็งค้างไปทันที
‘…โครงกระดูก?’
เขาไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนในชีวิต
“ท่านหัวหน้า!”
หนึ่งในอัศวินผู้ควบคุมไวย์เวิร์นตะโกนเรียกโคลเปย์อย่างรวดเร็ว อัศวินจ้องไปที่โคลเปย์ผ่านหมวกเหล็กที่ตนสวมอยู่ อย่างไรก็ตามโคลเปย์มองเห็นเพียงร่างของไวย์เวิร์นที่อัศวินผู้นี้บังคับอยู่เท่านั้น
กรี๊ซซซซซซซ!!!~~~~~
ไวย์เวิร์นปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาพลางสะบัดศีรษะไปทางซ้ายทีขวาที ดูเหมือนว่ามันกำลังกลัว
กลัว?
คำนี้ทำให้โคลเปย์มองผ่านโครงกระดูกของสัตว์ประหลาดที่กำลังใกล้เข้ามาไปยังโครงกระดูกมังกรสีดำขนาดใหญ่ โครงกระดูกมังกรกำลังทำให้ไวย์เวิร์นกลัว
โคลเปย์ลดศีรษะของตนลง
กรรจ์!!! ~~~~~
เขาก้มมองไวย์เวิร์นกลายพันธุ์ที่ตนขี่อยู่ มันกำลังแยกเขี้ยวและจ้องเขม็งไปยังโครงกระดูกมังกรราวกับกำลังมองหาเหยื่อ
โคล์เปย์จับสายบังเหียนบนคอของไวย์เวิร์นกลายพันธ์ไว้แน่น
“ท่านหัวหน้า!”
โคลเปย์เริ่มพูดเมื่อได้ยินว่าอัศวินผู้นี้เอ่ยเรียกตนอีกครั้ง
“มันเป็นฝีมือของหมอผี”
มีเพียงฝีมือของหมอผีที่หายสาบสูญไปนานเท่านั้นที่จะสามารถทำสิ่งนี้ได้
“…หมอผี?..สิ่งมีชีวิตผู้ถูกสาป…!”
ลูกน้องของโคลเปย์ตกใจกับสิ่งที่ตนได้ยินในขณะที่โคลเปย์หันกลับไปมองศัตรูอีกครั้ง ลูกน้องของโคลเปย์จ้องไปที่เขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบังคับไวย์เวิร์นของตนให้ถอยหลังออกมา
โคลเปย์จ้องไปที่ชายผมแดงที่กำลังยกยิ้ม รอยยิ้มนั้นทำให้เขารู้สึกโกรธ
‘ไม่มีทางที่คนเลวแบบนี้จะสามารถเป็นวีรบุรุษได้!’
วีรบุรุษจะไม่มีทางใช้เวทย์แห่งความตาย
ชิ้งงง!!
โคลเปย์ชักดาบของตนขึ้นก่อนที่ออร่าจะค่อยๆไหลออกมาจากดาบ
ปรมาจารย์ดาบโคลเปย์เรียกใช้ออร่าของตนเมื่อเริ่มตะโกนออกมาดังลั่น
“จัดการพวกมันให้เรียบ!!”
ครืนนนนนนนนนนนนน!!~~~~~
อาร่าของเขาสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า
พรึ่บ!พรึ่บ!พรึ่บ!
เสียงของเขาก้องไปทั่วบริเวณ เหล่าอัศวินผู้ควบคุมไวย์เวิร์นเริ่มกระชับบังเหียนในมือให้แน่นขึ้นอย่างเตรียมพร้อม จากนั้นโคลเปย์ก็เริ่มเป่าขลุ่ยอีกครั้ง
วี๊ดดดดด~~~~~
แววตาของไวย์เวิร์นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความกลัวในแววตาของพวกมันเลือนหายไป โคลเปย์ก้มลงมองเบื้องล่างและพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“..เผ่าหมีจะเป็นคนลากตัวหมอผีออกมา”
จากนั้นเขาก็เริ่มพูดดังขึ้น เสียงของเขาถูกขยายด้วยออร่าจนสามารถได้ยินไปทั่วเมืองเรน
“พวกมันเป็นเพียงโครงกระดูกที่ถูกควบคุมเอาไว้เท่านั้น!!”
มันเป็นเพียงโครงกระดูกที่ไร้พลังแม้จะมีโครงกระดูกมังกรแต่มันก็เป็นเพียงหุ่นเท่านั้น โคลเปย์คิดว่าคาร์ลอาจเตรียมหมอผีไว้เป็นอาวุธลับเพื่อใช้ข่มขวัญศัตรูเท่านั้น ถึงอย่างไรกองกำลังอัศวินไวย์เวิร์นก็ยังเป็นสิ่งที่เกินคาดและอยู่เหนือศัตรูทั้งหมดบนโลกใบนี้
‘มันต้องเป็นแบบที่ข้าคิด!’
โคลเปย์เริ่มคิดกับตัวเอง
‘นี่ถือเป็นโอกาสที่ดี..มันคือโอกาสที่ข้าจะได้เป็นวีรบุรุษเทียบเท่าพระเจ้า!ข้าสามารถเป็นวีรบุรุษผู้สร้างตำนานเหนือมนุษย์ทั้งปวง!!’
หมอผีผู้ใช้เวทย์แห่งความตายคือเหยื่อที่เขาจะใช้ปีนป่ายไปยังจุดสูงสุดในชีวิต
“พวกเขาไร้ซึ่งมโนธรรม!.อาณาเขตเฮนิตัสกล้าเรียกใช้งานหมอผีซึ่งถือเป็นสิ่งที่สกปรกและชั่วร้ายที่สุดในโลก!”
ห๊ะ?!
ทหารบนกำแพงเมืองโดยเฉพาะอัศวินพากันตกตะลึงตามสิ่งที่โคลเปย์บอก ในฐานะที่เป็นกลุ่มคนผู้มีโอกาสได้รับการศึกษาทำให้พวกเขารู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ต่างพากันหวาดกลัวและเกลียดชังผู้ใช้เวทย์แห่งความตายเฉกเช่นหมอผีมากเพียงใด
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองแต่ทันใดนั้นก็ต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทน
ครืนนนนนนนนนนน!!!! ตู้มมมมมม!!!!
ออร่าสีขาวของอัศวินผู้พิทักษ์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อัศวินประจำอาณาเขตเฮนิตัสไม่สามารถเก็บอาการของตนไว้ได้เมื่อตระหนักถึงการดำรงอยู่ของปรมาจารย์ดาบอีกครั้ง การแสดงออกของพวกเขาเริ่มกลับมาเคร่งเครียดทันที
โคลเปย์ชูดาบของตนขึ้น
“พันธมิตรไร้พ่ายจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นว่ามโนธรรมที่แท้จริงเป็นเช่นไร!!!”
กรรจ์!!!~~~~~
ไวย์เวิร์นสีขาวรีบพุ่งตัวไปหาโครงกระดูกสีขาวทันที โคลเปย์เหวี่ยงดาบของตนขึ้นก่อนที่ออร่าสีขาวจะตัดผ่านไปทั่วท้องฟ้า
ชิ้งงงงง!!
โครงกระดูกที่ไม่สามารถหลบหนีทันเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย โครงกระดูกหายวับไปกับสายลมราวกับแรงต้านทางของพวกมันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ แม้ว่าจะมีโครงกระดูกอยู่หลายร้อยโครงแต่ก็มีโครงกระดูกนับสิบที่เลือนหายไปจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของโคลเปย์
อัศวินผู้ควบคุมไวย์เวิร์นก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน ในขณะที่ไวย์เวิร์นก็เริ่มแผดเสียงของตนขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนพวกเขากำลังรู้สึกฮึกเหิมที่จะได้รับตำแหน่งผู้สยบทั่วท้องเวหา
โคลเปย์มั่นใจว่าตัวเองกลับมาได้เปรียบอีกครั้งก่อนจะมองไปยังชายผมแดงที่อยู่ด้านล่าง เขามองเห็นเพียงท่าทางนิ่งเฉยของคาร์ลแต่นั่นก็ทำให้เขาเกิดความพอใจได้เช่นกัน โคลเปย์ค่อยๆยิ้มออกมา
จังหวะเดียวกันนั้น
ตึง!! ตึง!!ตึง!!ตึง!!ตึง!!ตึง!!
เผ่าหมีเริ่มกระทืบพื้นดินจนสะเทือนไปทั่วบริเวณ หมีขนสีน้ำตาลแดงตะโกนดังลั่น
“แบ่งครึ่งหนึ่งของเราไปลากตัวหมอผีออกมา! หาพวกเขาให้เจอก่อนฉีกร่างเป็นชิ้นๆให้ได้”
ตึง!! ตึง!!ตึง!!
เผ่าหมีกระทืบเท้าอีกครั้งและเริ่มหัวเราะดังลั่น
“ส่วนอีกครึ่งก็ทำลายกำแพงเมืองนี่ซะ!ฮ่าฮ่าฮ่า”
ในที่สุดเหล่าอัศวินที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองก็ได้ยินสิ่งที่หมีตัวนี้พูด โคลเปย์ฉีกยิ้มออกมาอีกครั้ง ในขณะที่โคลเปย์กำลังยิ้มด้วยความพอใจแต่เหล่าชาวเมืองเฮนิตัสกำลังมีสีหน้าหวาดกลัว มันเป็นอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามผู้คนที่ปักหลักอยู่บนกำแพงเมืองได้ยินเสียงแปลกๆดังขึ้นในขณะนั้น
“..หืม?”
มันเป็นเสียงคำราม
อาณาเขตเฮนิตัสเป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยเนินเขาและโขดหินขนาดใหญ่ แม้ว่าเมืองเรนจะเป็นศูนย์กลางของอาณาเขตแต่ก็ยังถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาเช่นกัน
เสียงคำรามนี้แว่วมาจากภูเขา
มันเป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่า
ฟิ้วววววว~~~~~
ต้นไม้เริ่มสั่นไหวและเสียงคำรามก็เริ่มดังชัดขึ้นเรื่อยๆ ทหารคนหนึ่งกระชับหอกในมือแน่นขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนแสดงความคิดเห็นบางอย่างออกมา
“พวกเขามาสาย”
‘มาสาย?’
ทหารผู้นี้พยายามเพ่งสายตาไปยังนายน้อยคาร์ลก่อนจะหยุดเคลื่อนไหวทันที สัตว์ขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขา
ไม่!? พวกเขาเป็นคนแต่ก็เป็นสัตว์ในเวลาเดียวกัน
เผ่าเสือ!
เสือจำนวนหนึ่งลงมาจากภูเขาและป้องกันไม่ให้พวกหมีเข้ามาใกล้กำแพงเมือง
ทหารได้ยินเสียงของอัศวินดังขึ้นจากทางด้านหลัง
อัศวินทั้งหมดที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองต่างตะโกนออกมาแบบเดียวกัน
“พวกเขาคือเผ่าเสือที่ย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแฮร์ริสเมื่อช่วงต้นฤดูหนาว! พวกเขาคือพันธมิตรของพวกเรา!!”
อัศวินชักดาบประจำกายออกมา
“ศัตรูจะไม่สามารถผ่านกำแพงเมืองขึ้นมาได้! เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขาผ่านด่านของเราไปได้เป็นอันขาด!”
มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อัศวินพากันมองมาที่เคานต์เดอรัชผู้เป็นเจ้านายของตน เคาต์เดอรัชเองก็กำลังมองไปที่เคานต์เตสวิโอแลนที่สวมชุดเกราะเต็มรูปแบบ เขาลดสายตาลงต่ำเพื่อเอ่ยถามบางอย่างกับผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆเคานต์เตสวิโอแลนทันที
“เราสามารถเริ่มได้เลยหรือไม่?”
“ขอรับท่านเคานต์..ข้าน้อยเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว..ฮิฮิฮิ!!”
‘มุลเลอร์’ครึ่งคนแคระครึ่งหนู เขาคือทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลที่สร้างหอคอยพลังเวทย์ขึ้นมา เขาพยักหน้ารับคำของเคานต์เดอรัชอย่างมั่นใจ
อัศวินลดดาบของตนลงเมื่อเคานต์เดอรัชส่งสัญญาณให้กับพวกเขา
“เตรียมตั้งขบวนป้องกัน!!”
อัศวินเริ่มตะโกนออกมาและทหารส่วนหนึ่งก็รีบเคลื่อนย้ายทันทีตามที่ถูกฝึกฝนเอาไว้ตั้งแต่ปีก่อน ทหารที่ทำหน้าที่เป็นพลหอกและพลธนูก็รีบย้ายตำแหน่งของตนไปยังขบวนป้องกันอย่างรวดเร็ว
ปั้ง!!!
มีบางอย่างปรากฏขึ้นบนกำแพงเมืองที่หนาทึบนี้
ในไม่ช้าก็ปรากฏอาวุธชนิดหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายกับปืนใหญ่ทั่วทั้งกำแพงเมือง ปืนใหญ่ทั้งหมดต่างเล็งเป้าหมายไปที่เผ่าหมีทันที อุปกรณ์เวทย์ที่ใช้ในการสู้รบเกือบทุกชนิดถูกติดตั้งลงบนปืนใหญ่เหล่านี้ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกที่มุลเลอร์รังสรรค์ขึ้นมา
อัศวินตะโกนขึ้น
“การรบในที่ราบ..เราคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!”
บรรยากาศบนกำแพงเมืองเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ฉากนี้ทำให้โคลเปย์เริ่มขมวดคิ้วมุ่น
‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!’
เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
ดาบที่เต็มไปด้วยออร่าของโคลเปย์ซึ่งเตรียมจะเหวี่ยงใส่โครงกระดูกที่ลอยอยู่ด้านหน้าหยุดชะงักทันที แม้แต่โครงกระดูกมังกรที่ลอยอยู่ด้านหลังฝูงโครงกระดูกเหล่านี้เขาก็ยังไม่คิดที่จะลงมือทำอะไรกับมันเช่นกัน
‘กระดูกโง่ๆพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา! แต่เผ่าเสือที่ไม่ได้อยู่ในทวีปตะวันตกกับปืนใหญ่หน้าตาประหลาดๆพวกนี้คืออะไรกัน?! ทำไมอาณาเขตในชนบทที่มีแต่โขดหินจึงมีสิ่งเหล่านี้ได้!’
แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่เมืองหลวงของอาณาจักรแต่มันกลับดูดีกว่าเมืองหลวงบางแห่งเสียอีก
พรึ่บ! พรึ่บ!