ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 210.2
บทที่ 210 เจ้าจะรับมันหรือไม่? 1 (2)
อาคารไม้เพียงแห่งเดียวในอาณาจักรโรมัน นี่คือห้องโถงขนาดใหญ่สําหรับใช้ประชุมขุนนางกลาง ห้องโถงได้รับการออกแบบให้มีที่นั่งเป็นรูปวงกลมและสามารถรองรับขุนนางได้จํานวนมาก นี่ก็เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ขุนนางมากหน้าหลายตาต้องมาปรากฏตัวที่นี่เพื่อเข้าร่วมประชุม
ที่นั่งรูปวงกลมถูกแบ่งออกเป็นห้าส่วน โดยมีที่นั่งที่ถูกยกสูงขึ้นตั้งอยู่กึ่งกลางของแต่ละฝ่าย
มันคือที่นั่งสําหรับผู้นําของขุนนางแต่ละฝ่าย ซึ่งตอนนี้มีเพียงที่นั่งตรงกลางจํานวนสี่ที่นั่งเท่านั้นที่ถูกจับจองโดยผู้นําของแต่ละฝ่าย
ฝั่งภาคกลางนําโดยดยุคโอรเซน่า
ฝั่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือนําโดยมาร์ควิสสแตน
ฝั่งภาคตะวันออกเฉียงใต้นําโดยมาร์ควิสไอลัน
ฝั่งภาคตะวันตกเฉียงใต้นําโดยดัชเชสกิลล์
หนึ่งในสี่คือมาร์ควิสไอลันผู้นําตระกูลซึ่งมีชื่อเสียงในด้านศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรโรมัน เขามองลงไปด้านล่างเพื่อสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ
“ท่านมาร์ควิสขอรับ”
ขุนนางคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับเอ่ยรายงาน น้ำเสียงของขุนนางผู้นี้เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ตระกูลกิลล์ยังมีหน้ามาที่นี่ด้วยรึขอรับ”
ขุนนางผู้นี้หันไปมองดัชเชสกิลล์ซึ่งเป็นผู้นําของภาคตะวันตกเฉียงใต้ เธอนั่งประจําที่ของเธอพร้อมกับบิดปากเงียบ แม้ว่าเธอจะประกาศส่งต่อตําแหน่งให้กับหลานชายแต่มันก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
“เธอบอกว่าตัวเองจะวางมือหลังจากพบการค้าทาสในอาณาเขตกิลล์…แต่ดูตอนนี้สิขอรับ!? เธอกล้ามาปรากฏตัวที่นี่เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง”
นี่คือเหตุผลที่เกิดความรังเกียจในสายตาของขุนนางผู้นี้
ถึงแม้มันจะเป็นความลับแต่เหล่าขุนนางก็ทราบข่าวเรื่องลูกน้องของดัชเชสกิลล์ทําการค้าทาสกันอยู่ดี นั่นคือสาเหตุที่ขุนนางส่วนใหญ่รู้สึกสมเพชดัชเชสกิลล์ยิ่งนัก โดยเฉพาะเธอเคยเอ่ยปากจะวางมือและขอหดตัวอยู่ในคฤหาสน์ของตัวเองแต่ท้ายที่สุดเธอก็มาปรากฏตัวที่นี่เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมกับฐานอํานาจของอาณาจักรอีกครั้ง
ขุนนางอีกคนเข้ามาร่วมวงด้วย
“เธอต้องการสละโอกาสของตนเองเพื่อรับฐานอํานาจใหม่หรือไม่? พวกเขาอาจดูนิ่งๆแต่ก็อาจประเมินสถานการณ์ได้ว่าสงครามครั้งนี้จะเป็นประตูสู่ฐานอํานาจใหม่”
ขุนนางคนเดิมยังคงพูดต่อ
“ดูสิ ผู้นําตระกูลสแตนคนใหม่ยังนั่งเงียบอยู่เลยทั้งๆที่เป็นการประชุมขุนนางครั้งยิ่งใหญ่แท้ๆ”
ร่างที่ขุนนางคนนี้ชี้ให้ดูเป็นร่างผู้ชายที่ดูสุภาพและอ่อนแอยิ่งนัก แม้ว่าเขาจะเคยเสียตําแหน่งของตนเองไปแต่“เทย์เลอร์ สแตน” ก็สามารถกลับมาคุมตระกูลของตัวเองได้อีกครั้ง เขานั่งอยู่ข้างขุนนางคนอื่นๆของภาคตะวันตกเฉียงเหนือโดยมีมาร์ควิสสแตนนั่งอยู่ตรงกลาง
“ขุนนางภาคกลางทั้งหมดก็อยู่ที่นี่เช่นกัน นี่ก็ผ่านมานานพอควรที่เราได้มารวมตัวกันเช่นนี้”
ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของขุนนางผู้นี้แทบจะติดไปกับริมหูของมาร์ควิสไอลัน เมื่อเขาเริ่มกระซิบบางอย่างออกไป
“เราต้องคุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ได้ไวที่สุด เราต้องข่มผู้บัญชาการทหารให้ได้ก่อนที่นาจของเขาจะเพิ่มมากขึ้น”
เขาพูดขึ้นพร้อมกับสังเกตสีหน้าของมาร์ควิสไอลันไปด้วย แน่นอนว่าสีหน้าของมาร์ควิสยังดูเป็นปกติทําให้ขุนนางผู้นี้โล่งใจยิ่งนักเมื่อคิดว่ามาร์ควิสเห็นด้วยกับความคิดของตน
มาร์ควิสไอลันเริ่มพูด
“ดูเหมือนขุนนางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะยังไม่มีใครมา”
ขุนนางทุกกลุ่มได้มารวมตัวกันที่นี่แล้วแต่มีพื้นที่ว่างซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในห้องรูปวงกลมนี้
มันคือที่นั่งของขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังไม่มีขุนนางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือคนใดปรากฏตัวขึ้นในการประชุมขุนนางกลางในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามขุนนางที่กําลังคุยกับมาร์ควิสไอลันไม่ได้กลัวสิ่งนี้เลยสักนิด
“ท่านมาร์ควิสไม่ต้องกังวลไปขอรับ…วันนี้ข้าสามารถเจรจากับขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เข้าร่วมกับเราได้ พวกเขายังคงต้องการเข้าร่วมกับเราอยู่เช่นเดิม”
มุมปากของขุนนางผู้นี้ยกสูงขึ้น
“อีกสักพักพวกเขาก็จะเดินทางมาถึงที่นี่และก็จะเดินมาหาพวกเราทันทีข้ามั่นใจว่าพวกเขาก็ต้องการคนคุ้มครองเช่นกัน”
ขุนนางมีชีวิตอยู่ด้วยอํานาจ
“หากพวกเขาต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวและใช้ชีวิตได้อย่างสงบหลังสงครามพวกเขาก็ต้องเลือกอยู่ข้างเราข้ามั่นใจยิ่งนัก”
“ถึงแม้ในตอนนี้ตระกูลเฮนิตัสจะดูแข็งแกร่งขึ้นแต่พวกเขาก็เป็นเหมือนปราสาทบนผืนทรายเท่านั้นล่ะขอรับ.ถึงพวกเขาจะดูมีอํานาจมากขึ้นแต่ก็เป็นเพียงอํานาจใหม่เท่านั้นมันยังไม่มีฐานอํานาจที่มั่นคงสักเท่าใดแล้วทําไมคนอื่นๆจะต้องเลือกอยู่ข้างพวกเขาด้วยหรือขอรับ?”
ขุนนางผู้นี้พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา
ในขณะนั้นมาร์ควิสไอลันก็กวาดสายตาไปมองขุนนางในสังกัดของตนทันที นี่ถือเป็นการหันไปมองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ามาในห้องประชุมแห่งนี้ ท่าทางของเขาเครียดขึ้นอย่างเห็นได้
“เจ้าแน่ใจงั้นรึ?”
“เอ่อ..ขอรับ?”
ทันใดนั้นเอง
ประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออก
“ห้ะ?”
ขุนนางที่กําลังคุยกับมาร์ควิสไอลันอยู่หันขวับไปมองประตูก่อนดวงตาของเขาจะเริ่มเบิกกว้างขึ้น
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก! ตึก ตึก !ตึก ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
คนกลุ่มนี้เดินเข้ามาในห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขามุ่งหน้าเข้ามาในห้องโดยเดินตามหลังของคนผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นคือเคานต์เดอรัช เฮนิตัส
พวกเขากําลังเดินตามหลังหัวหน้าตระกูลเฮนิตัสคนปัจจุบัน คนที่เดินตามหลังเคานต์เดอรัชเข้ามาคือขุนนางทั้งหมดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“เฮ้ยเจ้านั่น!”
“อะไรกันเนี่ย?!”
ขุนนางบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคกลางหันไปมองขุนนางเหล่านี้ด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อครู่นี้พวกขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขาไม่ได้โค้งคํานับและเอ่ยทักทายให้กับพวกเขาใช่หรือไม่?
ทําไมขุนนางพวกนี้ถึงไม่หันมามองพวกเขาหรือขุนนางภาคอื่นล่ะ? พวกเขาแค่เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและมองตรงไปข้างหน้าเท่านั้น
แล้วพวกเขากําลังมุ่งหน้าไปที่ไหนกัน?
พวกเขากําลังมุ่งหน้าไปยังที่นั่งที่กําลังว่างอยู่
“ห้ะ?”
ขุนนางคนหนึ่งถึงกับอ้าปากค้างจากนั้นก็เริ่มเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ในขณะนี้ขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนแล้วโดยมีตระกูลเฮนิตัสเป็นผู้นําของพวกเขา
อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่พวกเขากําลังเข้าใจผิด
เคานต์เดอรัชไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการรวมกลุ่มขุนนางนี้ขึ้นมา เคานต์เดอรัชไม่ได้มีความต้องการที่จะเป็นผู้นํากลุ่มขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแต่อย่างใด
พวกเขามารวมตัวกันในครั้งนี้เพราะคําขอร้องจากคนผู้หนึ่ง ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่าเป็นคําสั่งของคนผู้หนึ่งต่างหาก พวกเขาทั้งหมดยังคงมองไปข้างหน้าโดยไม่คิดที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว
ขุนนางภาคอื่นก็เริ่มหันไปกระซิบกระซาบกันเบาๆ
ก่อนจะมีเสียงอื่นดังแทรกเข้ามาเพื่อเป็นการยุติการพูดคุยของพวกเขา
“องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก ครอสแมนเสด็จมาถึงแล้ว!!”
ขุนนางทั้งหมดต่างชะงักค้างเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว
หนึ่งในขุนนางที่อยู่ใกล้กับมาร์ควิสไอลันไม่สามารถเก็บความสงสัยของตัวเองไว้ได้จึงเผลอพึมพำออกมาเบาๆ
“แต่คาร์ล เฮนัติส.ยังมาไม่ถึงนี่นา”
มันไม่สมเหตุสมผลนักหากขุนนางจะเข้ามาในห้องประชุมช้ากว่าองค์ชายรัชทายาท มันขัดกับมารยาทที่ควรจะทํา
“เห้อะ! พวกขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดว่าตัวเองสามารถรวมกลุ่มกันได้แล้วจะทําอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการงั้น!”
“ไม่หรอก”
“เอ่อ..ท่านมาร์ควิส?”
ขุนนางผู้นี้อุทานออกมาเบาๆก่อนจะหันไปมองผู้นําของกลุ่มตน “มาร์ควิสแซนด์ ไอลัน” ยังคงพูดต่อไปด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
เขากําลังหมายถึงอะไร
ช่วงเวลาที่ขุนนางผู้นี้นึกสงสัยในสิ่งที่มาร์ควิสพูด สายตาของมาร์ควิสแซนด์ก็หันไปมองประตูที่ถูกปิดอยู่
แอ๊ดดดดดด!!!
ประตูถูกเปิดออกช้าๆ
ขุนนางทั้งหมดพากันเงียบเสียงลงก่อนจะพากันลุกขึ้นยืนทันที อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องหันกลับมากระซิบกันอีกครั้งเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านนอก
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กในชุดหรูหรากว่าครั้งใดๆเอ่ยถามอัศวินผู้ทําหน้าที่เฝ้าประตู
“ทําไมเจ้าไม่เอ่ยชื่อเพื่อนสนิทของข้าล่ะ?”
อัศวินนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเริ่มตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก ครอสแมนเสด็จมาถึงแล้ว! ผู้บัญชาการทหารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาร์ล เฮนิตัส เดินทางมาถึงแล้ว!”
ตึกแตึกแตึก!
เสียงฝีเท้าของทั้งสองสะท้อนไปทั่วห้องโถง
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กเดินยิ้มแย้มเข้ามาในห้องประชุมโดยมีคาร์ล เฮนิตัสเดินตามหลังเข้ามาติดๆ คาร์ลสวมชุดดําเต็มยศซึ่งเป็นชุดที่มีตราสัญลักษณ์ของฐานทัพเรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือประจําอาณาจักรโรมันประดับไว้ ท่าทางที่คาร์ลเดินเข้ามาดูคล้ายกับคนถูกบังคับยิ่งนัก
คาร์ลและองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก พวกเขาทั้งสองมุ่งหน้าไปยังจุดเดียวกัน มันคือการบอกสถานะของคาร์ลให้ขุนนางคนอื่นๆได้ทราบ
เขาคือคนที่สามารถยืนเคียงข้างพระราชาองค์ต่อไปของอาณาจักรโรมัน
คาร์ล เฮนิตัสผู้นี้คือคนที่ยืนอยู่ในตําแหน่งที่ไม่มีใครสามารถทําได้เพราะเขาสามารถยืนเคียงข้างองค์ชายรัชทายาทที่กุมอํานาจเกือบทั้งหมดไว้ในมือ