ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 213.2
บทที่ 213 เจ้าจะรับมันหรือไม่? 4 (2)
สายตาขององค์ชายเอดินจับจ้องอยู่ที่เชวฮันและแมรี่ อย่างไรก็ตามเขาเลือกที่จะเอ่ยทักเชวฮันมากกว่าจะเป็นแมรี่ที่กําลังก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“ข้าไม่คิดมาก่อนว่าองครักษ์ของนายน้อยคาร์ลจะมีฝีมือที่เยี่ยมยอดขนาดนี้”
จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปหาเชวฮัน
ภาพที่องค์ชายเอดินยื่นมือไปให้คนอื่นจับก่อนนับเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากยิ่งนัก เขายื่นมือไปหาเชวฮันผู้ที่ไม่มีทั้งตําแหน่งหรือชื่อเสียงอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามเชวฮันคือปรมาจารย์ดาบและดูเหมือนจะเป็นปรมาจารย์ดาบที่มีอายุน้อยที่สุดในทวีปตะวันตกอีกด้วย
“ปรมาจารย์ดาบผู้มีอายุน้อยที่สุด นับเป็นเกียรติของข้ายิ่งนักที่ได้เจอเจ้าในวันนี้ ข้าขอจับมือของเจ้าเพื่อแสดงความให้เกียรติได้หรือไม่?”
องค์ชายเอดินมองไปที่เชวฮันด้วยสีหน้าอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความชื่นชม
ในขณะที่คาร์ลก็นึกเย้ยอยู่ในใจ
“เหตุผลที่เขาเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อมาประเมินคู่ต่อสู้สินะ?
เชวฮันและแมรี่
องค์ชายเอดินต้องการเห็นทั้งสองด้วยตาของตัวเอง ในที่สุดคาร์ลก็รู้ว่าตอนนี้องค์ชายเอดินกําลังรู้สึกกังวล
เขาจะไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ? ในเมื่อตอนนี้สถานะของอาณาจักรโรมันและจักรวรรดิอยู่ในจุดที่ใกล้เคียงกันมาก ทั้งสองอาณาจักรต่างเจ็บปวดจากเหตุการณ์ก่อการร้ายด้วยระเบิดพลังเวทย์อีกทั้งคาร์ลยังได้รับเหรียญเกียรติยศจากจักรวรรดิอีกด้วย
แน่นอนว่าสิ่งต่างๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่ออาณาจักรโรมันสามารถชนะศึกมาได้ อาณาจักรที่เคยเป็นที่หนึ่งเช่นจักรวรรดิย่อมรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย คาร์ลจินตนาการถึงความกรุ่นโกรธภายใต้หน้ากากที่ยิ้มแย้มขององค์ชายเอดินได้อย่างชัดเจน
คาร์ลสามารถมองดูองค์ชายเอดินได้อย่างสบายใจในขณะที่คนเช่นเอดินที่หวังควบคุมทุกอย่างบนโลกไม่สามารถรู้ทันเขาได้ แต่ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ตาข้างขวาก็เริ่มกระตุกแรงขึ้นเรื่อยๆ
-มนุษย์! เชวฮันกําลังมองเจ้าอยู่!
“หืม?”
คาร์ลรีบหันศีรษะไปมองทันที เขาเห็นเชวฮันกําลังจ้องมาที่เขานอกจากนี้ยังเห็นมือขององค์ชายเอดินยกค้างเอาไว้อีกด้วย
ในขณะที่กําลังเดินทางมายังอาณาจักรคาโร คาร์ลได้ย้ำเตือนบางอย่างให้กับเชวฮันและแมรี่
“พวกเจ้าสองคนไม่ต้องลงมือทําอะไรทั้งนั้น แต่ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นพวกเจ้าต้องมารายงานให้ข้าทราบก่อน”
หนึ่งคือนักแสดงที่เล่นแข็งจนเป็นหินและอีกคนกลับใสซื่อเกินกว่าจะเล่นละครอะไรได้ คาร์ลนึกถึงสิ่งที่เคยบอกคนทั้งคู่ก่อนจะย้อนกลับไปมองเชวฮันอีกครั้ง
“หรือว่า?”
คาร์ลพยักหน้าเล็กน้อย
จากนั้นเชวฮันก็ยื่นมือไปจับกับองค์ชายเอดินด้วยท่าทางสุภาพแต่มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขากําลังฝืนตัวเองมากเพียงใด
“เจ้าหมอนี่! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
คาร์ลรู้สึกสดชื่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนเมื่อเห็นท่าทางที่เชวฮันแสดงต่อองค์ชายเอดิน
เชวฮันช่างสุดยอดจริงๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ”
องค์ชายเอดินเริ่มหัวเราะร่วน
“ฮ่าฮ่าๆๆๆเจ้าช่างเป็นลูกน้องที่ภักดีต่อผู้บัญชาการคาร์ลยิ่งนัก”
เขาตบไปที่ไหล่ของเชวฮันเบาๆราวกับมันเป็นเรื่องตลก หากให้มองอีกมุมเขาอาจกําลังคิดว่าเชวฮันมีกิริยาที่ไม่สุภาพต่อเขาก็เป็นได้ คาร์ลจึงเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เรื่องมารยาทของเขายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักพะย่ะค่ะ.กระหม่อมจึงย้ำเตือนเขาเสมอก่อนที่จะเดินทางมาถึงที่นี่ว่าให้พึงระวังเรื่องมารยาทเอาไว้ ดูท่าแล้วเขาจะทําให้กระหม่อมขายหน้าไม่ใช่น้อยแต่ต้องขอบพระทัยองค์ชายยิ่งนักที่เข้าใจในเรื่องนี้พะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร! ข้าเข้าใจดี! เขาไม่ใช่ขุนนางสักหน่อยไม่จําเป็นต้องเคร่งเรื่องมารยาทมากนักหรอก..การที่สามารถบรรลุเพลงดาบจนก้าวขึ้นมาเป็นปรมาจารย์ดาบในวัยแค่นี้ได้เขาคงไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น นักหรอก..ข้าพูดถูกใช่มั้ยเชวฮัน?”
คาร์ลรู้สึกอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าองค์ชายเอดินรู้จักชื่อเชวฮันมาก่อน
ดูท่าแล้วอาณาจักรโรมันจะมีหนอนบ่อนไส้สินะ?”
คาร์ลรีบปัดสายตาเรียบเย็นของตนออกทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เชวฮันเอ่ยตอบองค์ชายเอดิน
“ถูกต้องพะย่ะค่ะ…เพื่อที่จะสร้างตําเอ่อ?.ประวัติศาสตร์ของเรา กระหม่อมเชื่อว่าต้องหมั่นฝึกปรือทักษะของตัวเองให้มากยิ่งขึ้นโดยไม่จําเป็นต้องสนใจเรื่องอื่นให้มากนัก”
“ประวัติศาสตร์ของเรา” คนอื่นๆในอาณาจักรโรมันต่างรู้สึกภูมิใจกับประโยคนี้ ในขณะที่แมรี่ในชุดคลุมสีดําก็เริ่มขยับตัว เธอหันไปมองแผ่นหลังของเชวฮัน สิ่งที่เชวฮันจะพูดต่อจากคําว่า “ตํา” ก็น่าจะเป็นคําว่า “นาน” มีเพียงแค่แมรี่เท่านั้นที่เข้าใจในคํานี้ “ตํานาน เธอกําหมัดของตนแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักของคํานี้
เป็นเพราะเชวฮันพูดออกมาจากใจจริงทําให้การแสดงของเขาดูไม่เลวร้ายมากนัก
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าจริงอย่างที่เจ้าว่า!ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าฟังยิ่งนัก หมอผีที่อยู่ข้างหลังเจ้า ก็เช่นกัน พวกเจ้าทั้งคู่คงถูกกําหนดให้มาเป็นวีรบุรุษและวีรสตรีของอาณาจักรโรมันสินะ.ทําไมจักรวรรดิถึงไม่มีคนแบบพวกเจ้าบ้างนะ?”
“ข้าก็รู้สึกเหมือนกันกับเจ้า…ทําไมอาณาจักรคาโรถึงไม่มีแบบนี้บ้างนะ?”
รัชทายาททั้งสองหัวเราะร่วนให้กับบทสนทนาดังกล่าวก่อนที่เอดินจะเอ่ยขอตัว
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวลาก่อน”
องค์ชายเอดินและองครักษ์ส่วนพระองค์มุ่งหน้าไปยังอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารและเดินทางกลับไปยังจักรวรรดิทันที
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
คาร์ลได้เข้าร่วมประชุมเพื่อทําแผนรับมือกับศึกที่กําลังจะเกิดขึ้น มีสมาชิกไม่กี่คนเท่านั้นที่นั่งล้อมรอบอยู่บนโต๊ะกลมเล็กๆนี้
องค์ชายวาเลนติโน่แห่งอาณาจักรคาโรและดยุคฮูเต็นตัวแทนจากจักรวรรดิ คนทั้งสองต่างเป็นคนที่คาร์ลคุ้นหน้าอยู่แล้วแต่ก็ยังมีคนอื่นที่คาร์ลยังไม่รู้จัก
คนแรกคือผู้บัญชาการทหารของอาณาจักรคาโรเขาคือผู้สั่งการในการทําศึกครั้งนี้และอีกคนหนึ่งคือหัวหน้านักบวชจากวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวัน เขาเป็นตัวแทนของวิหารทั่วทั้งอาณาจักรคาโร
อย่างไรก็ตามหัวหน้านักบวชไม่ได้แสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อคาร์ลหรือแมรี่แม้ว่าคริสตจักรของพวกเขาจะเกลียดชังเวทย์แห่งความตายเพียงใดก็ตาม เขาเพียงแต้มยิ้มจางๆและวางมาดเป็นนักบวชที่เหมาะสมเท่านั้น เขาส่งยิ้มให้คาร์ลเมื่อพวกเขาทั้งคู่เผลอสบตากัน
คาร์ลนึกถึงสิ่งที่องค์ชายวาเลนติโน่เคยบอกตนเอาไว้
“วิหารทั่วทั้งอาณาจักรคาโรตกลงที่ให้ความช่วยเหลือแก่เรา..ในเมื่อทํางานร่วมกันแล้วก็ไม่ควรมีใครแสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อลูกน้องของเจ้าพวกเขาต่างยืนยันที่จะไม่สร้างเรื่องอะไรขึ้นมาและทางเราก็มีมาตรการที่เด็ดขาดเพื่อจัดการต่อพวกเขาอีกทางหนึ่งด้วย
คาร์ลค่อนข้างพอใจเมื่อเห็นว่าอาณาจักรคาโรให้ความสําคัญกับสิ่งที่เขากังวลเป็นพิเศษ เมื่อสงครามกําลังจะเกิดขึ้นบนแผ่นดินเกิดของตนเองทําให้คริสตจักรเหล่านี้เริ่มแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนเรียกว่าศัตรูและสิ่งไหนเรียกว่าพันธมิตร
อาจมีคนจํานวนน้อยที่ได้นั่งล้อมรอบโต๊ะกลมเล็กๆนี้แต่จํานวนคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกลับมีจํานวนมากกว่าหลายเท่า
กลุ่มคนที่กําลังยืนอยู่ในขณะนี้คือองครักษ์ประจํากายของหัวหน้าแต่ละคนโดยแมรี่ เชวฮัน และฮิลส์แมนรับหน้าที่เป็นองครักษ์ให้แก่คาร์ล